รวมข้อสอบใบขับขี่ ที่ควรอ่านก่อนสอบ รับรองผ่านฉลุย!

ข้อสอบใบขับขี่ 2566 พร้อมเฉลย ประจำปี 2566 ถ้าไม่อยากตกม้าตายในด่านข้อเขียน เชิญทางนี้สิ Khaorot รวบรวมตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ ประจำปี 2566 พร้อมเฉลย เตรียมสอบข้อเขียนใบขับขี่ ข้อสอบใบขับขี่มีกี่ข้อ พร้อมเฉลย เข้าดูที่นี่

การสอบข้อเขียน เรียกได้ว่าเป็นด่านหินสำหรับผู้สอบใบขับขี่รถยนต์ เพราะถึงแม้ว่าจะขับรถเก่งแค่ไหน แต่ถ้าตกม้าตายก่อนในด่านนี้ ก็เท่ากับว่าสอบตกนั่นเอง เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น Khaorot จึงมีแนวข้อสอบใบขับขี่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่จะนำมาเก็งให้แบบเน้น ๆ ตรงประเด็นพร้อมเฉลย ซึ่งรับรองเลยว่าหลังจากอ่านจบแล้วต้องสอบผ่านแน่นอน!

ข้อสอบใบขับขี่ 2566 มีหลายหมวด ได้แก่ หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หมวดจราจร และป้ายเตือน หมวดขับรถอย่างปลอดภัย และหมวดการบำรุงรักษารถ โดยจะแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 25 ข้อ (รวม 50 ข้อ) ผู้เข้าสอบต้องทำการทดสอบให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป (90%) จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบข้อเขียน

อ่านเพิ่มเติม:

หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

1.ในขณะขับรถผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารใดใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถ

ก.บัตรประจำตัวประชาชน
ข.สำเนาทะเบียนบ้าน
ค.สำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง.บัตรประกันสังคม

2. ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบกและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายในกี่วัน

ก.10 วัน
ข.7 วัน
ค.15 วัน
ง.30 วัน

3. เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหายหรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.20 วัน
ข.30 วัน
ค.15 วัน
ง.45 วัน

4. ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดอย่างไร

ก.จำคุกไม่เกิน 1 ปี
ข.จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค.ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ง.ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

5. ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุกี่ปี

ก.1 ปี
ข.2 ปี
ค.3 ปี
ง.4 ปี

6. ผู้ขับรถใช้ใบอนุญาตขับรถที่สิ้นอายุมีความผิดอย่างไร

ก.ปรับไม่เกินห้าพันบาท
ข.จำคุกไม่เกินสามเดือน
ค.ปรับไม่เกินสองพันบาท
ง.จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

7. รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มเท่าใด

ก.ร้อยละ 1 ต่อเดือน
ข.ร้อยละ 1 ต่อปี
ค.ร้อยละ 10 ต่อเดือน
ง.ร้อยละ 20 ต่อปี

8. การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.15 วัน
ข.45 วัน
ค.20 วัน
ง.30 วัน

9. การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.7 วัน
ข.10 วัน
ค.15 วัน
ง.20 วัน

10. การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (5 ปี) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้เท่าใด

ก.3 เดือน
ข.4 เดือน
ค.6 เดือน
ง.5 เดือน

11. รถยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

ก.5 ปี
ข.6 ปี
ค.3 ปี
ง.7 ปี

12. การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.30 วัน
ข.15 วัน
ค.25 วัน
ง.20 วัน

13. รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

ก.1 ปี
ข.3 ปี
ค.2 ปี
ง.5 ปี

14. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถ" หมายความว่า

ก.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
ข.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.
ค.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์
ง.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถแทรกเตอร์

15. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถยนต์" หมายความว่า

ก.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล รถแท็กซี่
ข.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค.รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ง.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

16. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถจักรยานยนต์" หมายความว่า

ก.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีถ่วงข้างมีล้ออีกไม่เกินหนึ่งล้อ
ข.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ
ค.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์มีล้อไม่เกินสองล้อ
ง.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อเกินสองล้อ

17. ข้อใดไม่ใช่ "รถยนต์รับจ้างสาธารณะ"

ก.รถแท็กซี่
ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค.รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ
ง.รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ

18. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 "รถยนต์บริการ" หมายความว่า

ก.รถยนต์ให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ข.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ค.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
ง.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน

19. ข้อใดคือ "รถส่วนบุคคล"

ก.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ข.รถแท็กซี่
ค.รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ
ง.รถยนต์ป้ายแดง

20. รถที่นำมาใช้บนถนนต้องมีลักษณะอย่างไร

ก.รถที่โคมไฟหน้าไม่ติด
ข.รถที่มีเสียงดัง.90 เดซิเบล A
ค.รถที่มีควันดำ 55 เปอร์เซ็นต์
ง.รถที่จดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

21. รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนต้องมีลักษณะอย่างใด

ก.รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้องและผ่านการตรวจสภาพรถ
ข.รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง
ค.รถที่ซื้อจากศูนย์จำหน่ายรถทั่วไป
ง.รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถจาก.สภานตรวจภาพรถเอกชน

22. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของวัด
ข.รถของมูลนิธิ
ค.รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ง.รถของผู้บัญชาการทหารสูงสุด

23. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของวัด
ข.รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ค.รถของสภากาชาดไทย
ง.รถของมูลนิธิเพื่อนพึ่งภายามยาก

24. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด
ข.รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ค.รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
ง.ทุกข้อถูกต้อง

25. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถที่เจ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ
ข.รถยนต์นำเข้า
ค.รถสามล้อส่วนบุคคล
ง.รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน

26. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถที่ผู้ผลิตหรือประกอบเพื่อจำหน่ายหรือที่ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย ผลิต ประกอบหรือนำเจ้า และยังมิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่น
ข.รถสามล้อส่วนบุคคล
ค.รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน
ง.รถของวัด

27. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถยนต์รับจ้าง
ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค.รถดับเพลิง
ง.รถตู้ส่วนบุคคล

28. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง
ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ง.รถตู้ส่วนบุคคล

29. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถตู้ส่วนบุคคล
ข.รถของมูลนิธิ
ค.รถของวัด
ง.รถของกระทรวง.ทบวง.กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร

30. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถบดถนนของเอกชน
ข.รถบดของรัฐวิสาหกิจ
ค.รถแทรกเตอร์ของเอกชน
ง.รถแทรเตอร์ส่วนบุคคล

31. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถแทรกเตอร์ของเอกชน
ข.รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ
ค.รถบดถนนของเอกชน
ง.รถบดถนนของผู้ว่าราชการจังหวัด

32. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถของสภากาชาดไทย
ข.รถของมูลนิธิร่วมกตัญญู
ค.รถของวัด
ง.รถของมูลนิธ่สายใจไทย

33. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต
ข.รถของมูลนิธิร่วมกตัญญู
ค.รถของวัด
ง.รถของมูลนิธิสายใจไทย

34. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถดับเพลิงของ.อบต.
ข.รถตู้ส่วนบุคคล
ค.รถตู้รับจ้าง
ง.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

35. ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอที่ใด

ก.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง
ข.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา
ค.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก
ง.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนตามสถานที่ตั้งที่จำหน่ายรถนั้น ๆ

36. รถที่จดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนสีรถต้องดำเนินการอย่างไร

ก.ดำเนินการเปลี่ยนสีได้ทันที
ข.แจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วัน
ค.แจ้งนายทะเบียนภายใน 30 วัน
ง.แจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วัน

37. หากประสงค์เปลี่ยนแปลงตัวถังรถต้องดำเนินการอย่างไร

ก.เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงจะมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง
ข.ขออนุญาตนายทะเบียน ตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียนรถ 
ค.ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงภายใน 15 วัน
ง.ไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ใช่สาระสำคัญของตัวรถ

38. ผู้ตรวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คือใคร

ก.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง
ข.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก
ค.เจ้าหน้าที่ บริษัทขนส่ง.จำกัด
ง.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

39. หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.30 วัน
ข.7 วัน
ค.15 วัน
ง.60 วัน

40. กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง.

ก.มีความผิด ต้องชำระค่าปรับแจ้งย้ายเกินกำหนด
ข.ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ค.รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง.ผิดทุกข้อ

41. หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.60 วัน
ข.25 วัน
ค.30 วัน
ง.15 วัน

42. กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง.

ก.ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น
ข.มีความผิด ต้องชำระค่าปรับโอนเกินกำหนด
ค.รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้
ง.ผิดทุกข้อ

43. ข้อใดผิด

ก.รถยนต์ส่วนบุคคล นำมาใช้รับจ้างได้
ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ห้ามนำมาใช้ในการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ค.รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้เพื่อการรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร
ง.รถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้ในกิจการส่วนตัวได้

44. นาย ก.นำรถจักรยานยนต์สาธารณะของตนเองรับส่งภรรยาไปตลาดได้หรือไม่อย่างไร

ก.ได้ เพราะภรรยานาย ก.เป็นคนในครอบครัว
ข.ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะสามารถนำมาใช้กิจการส่วนตัวของเจ้าของรถได้
ค.ไม่ได้ เพราะรถจักรยานยนต์สาธารณะต้องนำมารับจ้างเท่านั้น
ง.ไม่ได้ เพราะ รถจักรยานยนต์สาธารณะห้ามใช้ในกิจการส่วนบุคคลของเจ้าของรถ

45. รถประเภทใดต่อไปนี้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้

ก.รถจักรยานยนต์สาธารณะ
ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ค.รถยนต์ส่วนบุคคล
ง.รถตู้ส่วนบุคคล

46. รถยนต์ ไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (ป้ายแดง) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ขับได้ในช่วงเวลาใด

ก.ขับได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง.16.00 น.
ข.ขับได้ตลอดเวลา
ค.ห้ามขับเพราะยังไม่ได้เสียภาษี
ง.ขับได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก

47. รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมายอย่างใด

ก.ทะเบียนถูกระงับ
ข.สามารถนำรถไปตรวจสภาพและต่อภาษีประจำปีได้
ค.สามารถกระทำได้ตามข้อ 1 และ 2
ง.สามารถนำรถไปแจ้งไม่ใช้ตลอดไปและจดทะเบียนใหม่ได้

48. ข้อใดถูกต้อง

ก.รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข.รถยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค.รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง.รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

49. ประกันภัยชนิดใดใช้ประกอบการต่ออายุภาษีประจำปี

ก.ประกันภัยชนิด 1
ข.ประกันภัยชนิด 2
ค.ประกันภัยชนิด 3
ง.ประกันภัยชนิด คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

50. ข้อใดถูกต้อง

ก.รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ข.รถยนต์อายุการใช้งานครบ 5 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ค.รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานครบ 7 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน
ง.รถยนต์อายุการใช้งานครบ 10 ปี ประสงค์จะต่อภาษีประจำปีต้องนำรถไปตรวจที่สถานตรวจสภาพเอกชน

51. ข้อใดถูกต้องในขณะขับรถ

ก.ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ข.ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ค.ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ง.ผู้ขับรถต้องมีสำเนาใบอนุญาตขับรถ และสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถ

52. ข้อใดถูกต้อง

ก.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลได้
ค.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ง.ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้

53. ข้อใดถูกต้อง

ก.ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข.ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ค.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

54. ข้อใดถูกต้อง

ก.ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ข.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้
ค.ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลได้
ง.ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ ใช้แทน ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลได้

55. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวมีอายุกี่ปี

ก.1 ปี
ข.2 ปี
ค.3 ปี
ง.5 ปี

56. หากประสงค์จะเปลี่ยนประเภทใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวเป็นประเภทส่วนบุคคลชนิด 5 ปี ข้อใดถูกต้อง

ก.สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 30 วัน หรือ 1 เดือน
ข.สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 60 วัน หรือ 2 เดือน
ค.สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 90 วัน หรือ 3 เดือน
ง.สามารถเปลี่ยนได้ล่วงหน้า 120 หรือ 4 เดือน

57. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชนิด 5 ปีต่ออายุล่วงหน้ากี่เดือน

ก.1 เดือน
ข.3 เดือน
ค.4 เดือน
ง.6 เดือน

58. นาย ก.เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว จะต้องไปดำเนินการที่ใด

ก.สำนักงานขนส่งจังหวัด และสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ทุกแห่ง
ข.สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น กรุงเทพมมหานคร
ค.สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้น สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง
ง.ผิดทุกข้อ

59. ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วราวต้องมีอายุกี่ปี

ก.ไม่ต่ำกว่า 15 ปี บริบูรณ์
ข.ไม่ต่ำกว่า 16 ปี บริบูรณ์
ค.ไม่ต่ำกว่า 17 ปี บริบูรณ์
ง.ไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์

60 นายชาย พิการไม่มีนิ้วมือข้างซ้าย ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวได้หรือไม่

ก.ไม่ได้ เพราะ นายชายเป็นผู้มีร่างกายพิการ
ข.ไม่ได้ เพราะ ขัดต่อระเบียบกรมการขนส่งทางบก
ค.ได้ เพราะ หากนายชายมีบัตรผู้พิการ
ง.ได้ เพราะ ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้

61. บุคคลในข้อต่อไปนี้บุคคลใดสามารถขอรับใบอนุญาตขับรถได้

ก.นายชาย ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ข.นางหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ค.นายดำ เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดใบอนุญาต
ง.นางแดง.เป็นวัณโรค

62. นายแดง.ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ข้อใดถูกต้อง

ก.นายแดง.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
ข.นายแดงต้องได้รับใบอนุญาตขับรถมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
ค.นายแดง.ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
ง.ถูกทุกข้อ

63. ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

ก.ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ข.อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์
ค.มีประสบการณ์ในการขับรถมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี
ง.ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์และใบอนุญาตขับรถยนต์

64. ข้อใดถูกต้อง

ก.มีสัญชาติไทย
ข.ต้องรู้จักถนนและทางหลวงในจังหวัดที่ขอรับใบอนุญาตขับรถพอสมควร
ค.ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ
ง.ถูกทุกข้อ

65. หากปรากฏภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตขับรถ ท่านจะปฏิบัติอย่างไร

ก.แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตและนำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืนกรมการขนส่งทางบก
ข.แจ้งให้นายทะเบียนเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต
ค.ใช้ใบอนุญาตขับรถนั้นต่อไป
ง.นำใบอนุญาตขับรถที่ถูกเพิกถอนส่งคืน

66. กรณีถูกพักใช้ใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน

ก.30 วัน
ข.15 วัน
ค.45 วัน
ง.60 วัน

67. กรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน

ก.45 วัน
ข.30 วัน
ค.15 วัน
ง.60 วัน

68. กรณีถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถมีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกี่วัน

ก.15 วัน
ข.30 วัน
ค.60 วัน
ง.90 วัน

69. ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถที่ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถต้องส่งคืนใบอนุญาตขับรถให้แก่นายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.30 วัน
ข.15 วัน
ค.60 วัน
ง.90 วัน

70. ใบอนุญาตขับรถสูญหายต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น

ก.15 วัน
ข.30 วัน
ค.60 วัน
ง.90 วัน

71. ใบอนุญาตขับรถชำรุดในสาระสำคัญต้องแจ้งนายทะเบียนภายในกี่วันนับแต่วันทราบเหตุนั้น

ก.30 วัน
ข.15 วัน
ค.60 วัน
ง.90 วัน

72. เมื่อกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และได้รับคำสั่งผู้ตรวจการรถยนต์ให้ไปรายงานตัวผู้ขับรถจะต้องไปรายงานตัว ต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.7 วัน
ข.3 วัน
ค.10 วัน
ง.15 วัน

73. กรณีใดผู้ขับรถยนต์สาธารณะสามารถปฎิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้

ก.ผู้โดยสารเป็นบุคคลวิกลจริต
ข.ผู้โดยสารเมาสุรา
ค.ผู้โดยสารนำทุเรียนส่งกลิ่นขึ้นมาบนรถ
ง.ถูกทุกข้อ

74. ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้
ข.ไม่พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่สั้นที่สุด
ค.ไม่พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่เร็วที่สุด
ง.พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่อ้อม

75. ผู้ขับรถยนต์สาธารณะต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่สั้นที่สุด
ข.ไม่พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่ตกลงกันไว้
ค.ไม่พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่เร็วที่สุด
ง.พาผู้โดยสารไปยังสถานที่ที่ว่าจ้างตามเส้นทางที่อ้อม

76. ผู้ขับรถผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.ปฎิเสธผู้โดยสารในเส้นทางที่จราจรติดขัด
ข.ไม่สูบบุหรี่
ค.ใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลแทนเมื่อใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะขาดอายุ
ง.เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด

77. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข.พูดคุยเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ค.ไม่ทำตนน่ารำคาญ
ง.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

78. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข.พูดคุยเสียงดัง
ค.ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง.ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ เสียดสี

79. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.ไม่ก้าวร้าว ดูหมิ่นผู้โดยสาร
ข.พูดคุยเสียงดัง
ค.ใส่เสื้อยืดขับรถ
ง.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

80. ในขับรถผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด
ข.ตักเตือนผู้โดยสารเมื่อแต่งกายไม่สุภาพ
ค.ใส่เครื่องแบบพนักงานขับรถในเส้นทางที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจประจำ
ง.ไม่เสพสุราของมึนเมา

81. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.เปิดวิทยุเสียงดังเพื่อให้ผู้โดยสารฟังแก้เครียด
ข.ไม่เสพยาเสพติดให้โทษ
ค.จอดรถตามความต้องการข้องผู้ดดยสาร
ง.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

82. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.ไม่เสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
ข.ขับด้วยความเร็วเมื่อผู้โดยสารเร่งรีบ
ค.ตามใจผู้โดยสารเพื่อให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ง.สูบบุหรี่แก้เครียดเวลารถติด

83. ผู้ขับรถสาธารณะต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก.ชวนผู้โดยสารคุยเพื่อความเป็นกันเอง
ข.เมื่อง่วงก็ขออนุญาตผู้โดยสารจอดนอน
ค.ไม่ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ
ง.แจกหมายเลขโทรศัพท์เพื่อหาลูกค้า

84. ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถมีโทษอย่างไร

ก.จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข.ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ค.จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง.ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

85. ผู้ใดขับรถโดยใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุมีโทษอย่างไร

ก.ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ข.จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค.จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง.ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

86. นาย ก.ใช้รถยนต์มาแล้วเป็นปีที่ 6 ประสงค์จะเสียภาษีรถประจำปีต้องใช้เอกสารใดในการชำระภาษีรถ

ก.ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, คู่มือจดทะเบียนรถ
ข.ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
ค.ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน, คู่มือจดทะเบียนรถ
ง.ใบรับรองการผ่านตรวจสภาพเอกชน , พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ

87. เมื่อรถทะเบียนระงับ หากประสงค์จะจดทะเบียนรถใหม่ต้องนำรถไปตรวจสภาพรถที่ใด

ก.สำนักงานขนส่งจังหวัดในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ข.สถานตรวจสภาพเอกชนในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ค.สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขาในภูมิลำเนาที่ประสงค์จดทะเบียนรถ
ง.ไม่สามารถจดทะเบียนรถได้เนื่องจากทะเบียนระงับแล้ว

หมวดกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก

1. การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ข.เมื่อพบป้ายเตือนทางร่วมทางแยกให้ขับรถด้วยความเร็วปกติ
ค.หากไม่มีสัญญาณไฟจราจร ให้รถคันที่ใหญ่กว่าผ่านทางร่วมทางแยกไปก่อน
ง.เมื่อพบป้ายเตือนสัญญาณไฟบริเวณทางร่วมทางแยกให้ขับรถไปตามปกติ

2. ผู้ขับขี่ต้องการเลี้ยวรถต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า 30 เมตร
ข.เปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว 20 เมตร
ค.หยุดรถเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว
ง.เร่งความเร็วก่อนเลี้ยว

3. การหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.หยุดทับเส้นแนวหยุด
ข.หยุดหลังเส้นแนวหยุด
ค.หยุดเลยเส้นแนวหยุด
ง.หยุดเลยป้ายหยุด

4. บริเวณใดห้ามแซง

ก.ทางตรง
ข.ทางที่ปลอดภัย
ค.ทางโล่ง
ง.ทางโค้งรัศมีแคบ

5. การจอดรถต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกินกี่เซนติเมตร

ก.ห่างไม่เกิน 25 เซนติเมตร
ข.ห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร
ค.ห่างไม่เกิน 35 เซนติเมตร
ง.ห่างไม่เกิน 40 เซนติเมตร

6. การขับรถแซงรถคันหน้าต้องแซงด้านขวามือ ยกเว้นกรณีใดที่สามารถแซงด้านซ้ายมือได้

ก.เมื่อรถที่จะถูกแซงกำลังเลี้ยวขวา หรือให้สัญญาณว่าจะเลี้ยวขวา
ข.แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายในทางเดินรถช่องทางเดียว
ค.แซงรถคันอื่นในช่องทางขวาของรถที่ถูกแซง
ง.แซงรถคันอื่นทางด้านซ้ายขณะรถวิ่งบนสะพาน

7. รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางได้

ก.รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ข.รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ค.รถที่ขาดต่อภาษี
ง.รถที่แจ้งเลิกใช้ตลอดไป

8. รถในข้อใด ห้ามนำมาใช้ในทาง

ก.รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง
ข.รถที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของทางราชการกำหนด
ค.รถที่จดทะเบียนและเสียภาษีแล้ว
ง.รถที่อุปกรณ์ส่วนควบครบถ้วน

9. เขตปลอดภัย หมายความว่าอย่างไร

ก.พื้นที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้ผู้ขับขี่เห็นว่าปลอดภัยขับต่อไปได้
ข.เขตที่ผู้ขับขี่สามารถนำรถผ่านเข้าไปได้
ค. พื้นที่ในทางเดินรถที่มีเครื่องหมายแสดงไว้ให้เห็นได้ชัดเจนทุกเวลาสำหรับ ให้คนเดินเท้าที่ข้ามทางหยุดรอ หรือให้คนที่ขึ้นหรือลงจากรถหยุดรอก่อนจะข้ามทางต่อไป
ง.เขตที่คนเดินเท้าสามารถข้ามทางได้โดยไม่ต้องหยุดรอ

10. รถในข้อใดที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้

ก.รถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด
ข.รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ
ค.รถที่มีล้อไม่ใช่ยาง
ง.รถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ 80 เดซิเบล

11. สัญญาณจราจรไฟสีแดงที่ทำเป็นรูปกากบาทเฉียงอยู่เหนือช่องเดินรถ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างไร

ก.จอดรถในช่องเดินรถนั้น
ข.หยุดและจอดรถในช่องเดินรถนั้น
ค.ขับรถในช่องเดินรถนั้น
ง.หยุดรถในช่องเดินรถนั้น

12. เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนซ้ายออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก.ด้านข้าง
ข.ด้านหน้าและด้านหลัง
ค. ด้านหลัง
ง.ด้านหน้า

13. เมื่อพนักงานจราจรยืนและเหยียดแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่า มือขึ้น ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถมาจากทางด้านไหนของพนักงานจราจรจะต้องหยุดรถ

ก.ด้านหลัง
ข.ด้านหน้าและด้านหลัง
ค.ด้านหน้า
ง.ด้านข้างและด้านหลัง

14. การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงให้ขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ข.ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ค.จอดรถด้วยความระมัดระวัง
ง.เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

15. การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่มีสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีเหลือง.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ลดความเร็วของรถลงและผ่านทางเดินรถนั้นไปด้วยความระมัดระวัง
ข.หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรจึงขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
ค.จอดรถ
ง.เพิ่มความเร็วของรถและผ่านทางเดินรถนั้นไปโดยเร็ว

16. ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย ยกเว้นกรณีใดสามารถเดินรถทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้

ก.ไม่มีรถสวนทางมา
ข. ทางเดินรถกว้างมาก
ค.ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง
ง.ทางเดินรถมีน้ำท่วมขัง

17. การให้สัญญาณด้วยแขน โดยผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกตัวรถเสมอระดับไหล่และโบกมือขึ้นลงหลาย ครั้ง.หมายถึงผู้ขับขี่นั้นต้องการอะไร

ก.หยุดรถ
ข.เลี้ยวขวา
ค.จะลดความเร็วของรถ
ง.จอดรถ

18. ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าเท่าไร

ก.ในระยะที่จะสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น
ข.ไม่น้อยกว่า 2 เมตร
ค.ไม่น้อยกว่า 1 เมตร
ง.ไม่น้อยกว่า 3 เมตร

19. ผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวซ้ายต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายก่อนถึงทางเลี้ยวกี่เมตร

ก.ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ข.ไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ค.ไม่น้อยกว่า 25 เมตร
ง.ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

20. ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าเท่าใด

ก.150 เมตร
ข.100 เมตร
ค.60 เมตร
ง.120 เมตร

21. ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.แซงเข้าไปในช่องเดินรถประจำทางได้
ข.ให้ขับรถชิดด้านซ้าย
ค.ในทางที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าไม่ต้องหยุดรอให้รถที่สวนมาผ่านไปได้
ง.ในทางแคบที่ไม่อาจสวนกันได้ ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่า ต้องหยุดชิดด้านซ้ายให้รถคันที่ใหญ่กว่าไปก่อน

22. ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก.ฝุ่น ฝน หรือควัน จนไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ เท่าใด

ก.60 เมตร
ข.90 เมตร
ค.70 เมตร
ง.80 เมตร

23. บริเวณใดห้ามขับรถแซงรถคันอื่น

ก.ทางโค้งรัศมีแคบ
ข.ในกรณีที่ทางเดินรถด้านซ้ายมีสิ่งกีดขวาง
ค.150 เมตร จากทางร่วมทางแยก
ง.แซงด้านซ้ายในขณะที่มีรถรอเลี้ยวขวา

24. บริเวณใดสามารถกลับรถได้

ก.ทางเดินรถที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ข.บริเวณบนสะพาน
ค.ระยะ 150 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
ง.เขตปลอดภัย

25. เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย "เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?

ก.ลดความเร็วของรถลงและเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที
ข.หยุดรอจนกว่าจะได้รับสัญญาณไฟเขียวจึงเลี้ยวซ้ายไปได้
ค.หยุดรอให้คนข้ามถนนและรถที่มาจากทางด้านขวามือขับผ่านไปก่อนแล้วจึงเลี้ยวซ้ายผ่านไป
ง.เลี้ยวซ้ายผ่านไปได้ทันที

26. ผู้ใดไม่มีหน้าที่ให้สัญญาณจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก.พ.ศ.2522

ก.ผู้ขับขี่รถยนต์
ข.พนักงานจราจร
ค.ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์
ง.คนเดินเท้า

27. ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามข้อใดไม่ถูกต้อง

ก.ลดความเร็วเมื่อถึงวงเวียน
ข.ลดความเร็วเมื่อถึงที่คับขัน
ค.จอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก
ง.ลดความเร็วเมื่อเห็นคนกำลังข้ามทาง

28. บริเวณใดแซงได้

ก.ทางร่วมทางแยก
ข.สะพานเดินรถทางเดียว
ค.ทางโค้งรัศมีแคบ
ง.บนพื้นทางที่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้

29. เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางหรือแซงรถทุกครั้งต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.รีบเปลี่ยนช่องทางโดยเร็ว
ข.ต้องให้สัญญาณไฟหรือสัญญาณแตร
ค.แซงขึ้นหน้าแล้วเหยียบเบรกทันที
ง.รีบเร่งเครื่องแซงโดยเร็ว

30. บริเวณใดจอดรถได้

ก.ที่มีป้ายห้ามหยุดรถ
ข.ในอุโมงค์
ค.ทางร่วมทางแยก
ง.ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า

31. การขับรถตามข้อใดปฏิบัติได้ถูกต้อง

ก.ขับรถลักษณะผิดปกติวิสัย
ข.แซงรถในอุโมงค์
ค.ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร
ง.ขับรถเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

32. เมื่อถึงทางรถไฟและมีรถไฟกำลังแล่นผ่าน ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร
ข.ขับรถผ่านไปโดยเร็ว
ค.ให้เสียงสัญญาณแตรเตือนและขับผ่านไปได้
ง.หยุดรอสัญญาณไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน

33. บริเวณใดใช้สัญญาณเสียงแตรได้

ก.โรงเรียน
ข.สถานที่ราชการ
ค.สวนสาธารณะ
ง.โรงพยาบาล

34. เมื่อเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่หลบหนีจะมีผลอย่างไร

ก.ไม่มีผล เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด
ข.ให้สันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิด
ค.มีผลให้เป็นฝ่ายถูก
ง.จะได้รับการกันไว้เป็นพยาน

35. สัญญาณเสียงแตรใช้ได้เมื่อใด

ก.ใช้ได้เมื่อรถคันหน้าขับช้า
ข.ใช้ได้ตามสะดวก
ค.ใช้ตลอดเวลา
ง.ใช้ได้เมื่อจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

36. ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าเท่าใด

ก.ในระยะที่ปลอดภัย
ข.13 เมตร
ค.50 เมตร
ง.3 ช่วงตัวรถ

37. ก่อนเลี้ยวรถต้องเข้าช่องทางที่จะเลี้ยวและเปิดไฟเลี้ยวก่อนเลี้ยวรถไม่น้อยกว่ากี่เมตร

ก.3 เมตร
ข.30 เมตร
ค.10 เมตร
ง.15 เมตร

38. ผู้ขับรถที่ดื่มสุราเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกินเท่าใด

ก.ไม่เกิน 60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ข.ไม่เกิน 70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ค.ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
ง.ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น

39. ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร

ก.จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง.50,000 บาท
ข.จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง.20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค.ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ง.ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

40. ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร

ก.ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข.ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค.ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง.ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

41. นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ต้องขับรถด้วยความเร็วเท่าไร

ก.ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข.ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ค.ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ง.ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

42. ในการให้สัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องให้ผู้ขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะเท่าไร

ก.ไม่น้อยกว่า 10 เมตร
ข.ไม่น้อยกว่า 15 เมตร
ค.ไม่น้อยกว่า 60 เมตร
ง.ไม่น้อยกว่า 30 เมตร

43. ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถจะต้องให้สัญญาณมืออย่างไร

ก.ให้สัญญาณมือด้วยมือซ้ายเท่านั้น
ข.ให้สัญญาณมือได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา
ค.ไม่ต้องให้สัญญาณมือใด ๆ ทั้งสิ้น
ง.ให้สัญญาณมือด้วยมือขวาเท่านั้น

44. บริเวณทางร่วมทางแยกและมีเครื่องหมายห้ามกลับรถแต่เจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้กลับรถได้ผู้ขับขี่ ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.กลับรถได้
ข.กลับรถได้ถ้าไม่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ
ค.กลับรถไม่ได้
ง.กลับรถได้ถ้าไม่ใช่ทางร่วมทางแยก

45. ผู้ขับขี่ต้องการกลับรถต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ขับรถช่องทางไหนก็ได้
ข.ดูป้ายจราจรที่อนุญาตให้กลับรถและเข้าช่องทางให้ถูกต้อง
ค.เข้าช่องทางที่มีลุกศรบนพื้นถนนให้ตรงไป
ง.กลับรถที่บริเวณเส้นทะแยงเหลือง

46. ข้อใดปฏิบัติถูกต้อง

ก.รถจักรยานยนต์ต้องขับในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด
ข.รถบรรทุกคนโดยสารต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ค.รถบรรทุกสิ่งของต้องขับในช่องเดินรถด้านขวาสุด
ง.การเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องดูกระจกด้านซ้ายหรือขวา

47. ในช่องทางเดินรถตั้งแต่สองช่องทางขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ต้องขับรถชิดด้านขวาสุด
ข.ต้องขับรถชิดด้านซ้ายสุด
ค.ต้องขับรถคล่อมเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ
ง.ต้องขับรถอยู่ในช่องทางที่ให้ขับตรงไป

48. ผู้ใดได้รับยกเว้นไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสารรถจักรยานยนต์

ก.ภิกษุ สามเณร
ข.คนโดยสาร
ค.เด็ก
ง.คนขับรถ

49. ข้อใดเปิดไฟฉุกเฉินได้ถูกต้อง

ก.รถเสียหรือรถเกิดอุบัติเหตุ
ข.เปิดได้ตลอดเวลา
ค.มีหมอก
ง.ผ่านทางแยก

50. ในการบรรทุกสิ่งของ.ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.บรรทุกได้กว้างกว่าความกว้างของตัวรถข้างละ 1 เมตร
ข.บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหลังไม่เกิน 2.50 เมตร
ค.บรรทุกสูงโดยวัดจากสิ่งของที่บรรทุกได้เกิน 5 เมตร
ง.บรรทุกยื่นพ้นตัวรถด้านหน้าไม่เกิน 2.50 เมตร

51. การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือเบรกได้ควรทำอย่างไร

ก.ใช้คนดันไป
ข.ใช้รถดันไป
ค.ใช้สายพ่วงลากจูงไป
ง.ใช้วิธีการยกหน้าหรือยกท้ายลากไป

52. รถที่มีความเร็วช้า ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร

ก.ขับรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
ข. ขับรถชิดขอบด้านขวา
ค. ขับรถที่บริเวณไหล่ทาง
ง.ขับรถชิดขอบด้านซ้าย

หมวดเครื่องหมายและป้ายจราจร

1. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?

ก. เพิ่มความระมัดระวัง.แล้วหยุดรถ
ข. เพิ่มความระมัดระวัง.เขตหยุดรับ-ส่ง
ค. ขับรถให้ช้าลงถ้าเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางข้างหน้า ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นให้ทาง
ง. เพิ่มความระมัดระวัง.แล้วจอดรถ

2. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร?

ก. เส้นชะลอความเร็ว
ข. ให้เลี้ยวรถได้
ค. ห้ามเลี้ยวรถ
ง. ให้จอดรถได้

3. เครื่องหมายนี้ หมายความว่าอย่างไร? 

ก. ห้ามเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา
ข. ห้ามขับรถตรงไปหรือเลี้ยวขวา
ค. ให้ขับรถไปทางเดียวด้านซ้าย
ง. รถที่อยู่ด้านเส้นทึบห้ามผ่านหรือคร่อมเส้นทึบ แต่รถที่อยู่ด้านเส้นประอาจแซงได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัย

3.4 เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร? 

ก. สามารถเปลี่ยนช่องเดินรถหรือช่องจราจรหรือสามารถแซงได้
ข. ห้ามขับรถตรงไปหรือเลี้ยวขวา ห้ามเปลี่ยนช่องการจราจร
ค. ห้ามเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ห้ามเปลี่ยนช่องการจราจร
ง. ให้ขับรถไปทางเดียวด้านซ้าย ห้ามเปลี่ยนช่องการจราจร

5. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?

ก.ให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วลง.และรีบเร่งเครื่องไปก่อน
ข. ขับรถให้ช้าลง.หากเห็นรถคันอื่นหรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้า ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้นให้ทาง
ค. ให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างรวดเร็ว
ง. ให้ผู้ขับขี่ ขับรถให้ช้าลง.แล้วแซงได้

6. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร?

ก. ให้จอดรถทับเส้นได้ตลอดเวลา
ข. เขตหยุดรับ-ส่ง.ได้ตลอดเวลา
ค. ให้หยุดรถก่อนถึงเส้นแนวหยุดหรือเส้นให้ทาง.เพื่อให้คนเดินเท้าข้ามทางผ่านไปก่อน
ง. ให้หยุดรถทับเส้นได้ตลอดเวลา

7. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถภายในช่องจราจร ห้ามแซง.ห้ามขับรถผ่านหรือคร่อมเส้นโดยเด็ดขาด
ข. ขับรถให้ช้าลง.ให้เลี้ยวขวา
ค. ขับรถไปทางด้านขวา ให้เลี้ยวซ้าย
ง. เพิ่มความระมัดระวัง.ห้ามเลี้ยวซ้าย

8. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เพิ่มความระมัดระวัง.และห้ามแซง
ข. ขับรถในช่องการจราจร ห้ามคร่อมเส้น แต่แซงได้
ค. เพิ่มความระมัดระวัง.ห้ามเปลี่ยนช่องการจราจร
ง. ขับรถให้ช้าลง.ขับรถคร่อมเส้นได้

9. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างรวดเร็ว เส้นให้ไปได้ทันที
ข. ให้ผู้ขับขี่ ขับรถให้ช้าลง.แล้ว แซงได้
ค. ให้หยุดรถก่อนถึงแนวเส้นขวางทุกครั้ง
ง. ให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วลง.และรีบเร่งเครื่องไปก่อน

10. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. เขตหยุดรถ
ข. เขตหยุดรับ-ส่ง
ค. เขตปลอดภัย
ง. เขตจอดรถ

11. เครื่องหมายนี้ หมายความว่าอย่างไร

ก. ห้ามหยุดรถทุกชนิดภายในกรอบเส้นทแยง.ห้ามหยุดรถยกเว้นรถที่หยุดรอเพื่อเลี้ยวขวา
ข. รถยนต์ทุกชนิด จอดรถได้
ค. รถยนต์ทุกชนิด หยุดรถได้
ง. รถยนต์ทุกชนิด กลับรถได้

12. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ขับรถแซงคันอื่นได้เลย ในเขตที่มีเครื่องหมายนี้
ข. ให้ทางแก่รถคันอื่นก่อน ในเขตที่มีเครื่องหมายนี้
ค. ให้หยุดรถก่อน ในเขตที่มีเครื่องหมายนี้
ง. ห้ามขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ในเขตทางที่ติดตั้งป้าย

13. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ห้ามขับรถทุกชนิดเข้าไปในทิศทางที่ติดตั้งป้าย
ข. ให้คนเดินเข้าไป ในเขตที่ติดตั้งป้าย
ค. ให้เฉพาะรถเก๋งเข้าไป ในเขตที่ติดตั้งป้าย
ง. ให้รถเข้าไปได้ ในเขตที่ติดตั้งป้าย

14. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามกลับรถไปทางขวา
ข. ห้ามกลับรถไปทางซ้าย
ค. ให้กลับรถไปทางซ้าย
ง. ให้กลับรถไปทางขวา

15. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้กลับรถไปทางซ้าย
ข. ห้ามกลับรถไปทางขวา
ค. ห้ามกลับรถไปทางซ้าย
ง. ให้กลับรถไปทางขวา

16. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้กลับรถไปทางซ้าย
ข. ให้กลับรถไปทางขวา
ค. ห้ามเลี้ยวซ้าย
ง. ห้ามกลับรถไปทางซ้าย

17. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้กลับรถไปทางซ้าย
ข. ให้กลับรถไปทางขวา
ค. ห้ามกลับรถไปทางซ้าย
ง. ห้ามเลี้ยวขวา

18. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา
ข. ให้เปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา
ค. ห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย
ง. ให้เปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย

19. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามเลี้ยวขวาหรือกลับรถ
ข. ให้เลี้ยวซ้ายหรือกลับรถ
ค. ให้เลี้ยวขวาหรือกลับรถ
ง. ห้ามเลี้ยวซ้ายหรือกลับรถ

20. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามเลี้ยวซ้ายหรือกลับรถ
ข. ให้เลี้ยวซ้ายหรือกลับรถ
ค. ให้ไปทางซ้ายหรือทางขวา
ง. ห้ามไปทางซ้ายหรือทางขวา

21. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ให้รถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ข. ห้ามรถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ค. ห้ามเฉพาะรถยนต์ผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ง. ให้รถยนต์จอด และหยุดรับ-ส่งได้ในเขตที่ติดตั้งป้าย

22. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ห้ามรถบรรทุกทุกชนิดผ่านเข้าออกในเขตทางที่ติดตั้งป้าย
ข. ให้รถบรรทุกผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ค. ห้ามรถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ง. ให้รถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย

23. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ห้ามรถบรรทุกทุกชนิดผ่าน
ข. ห้ามรถจักรยานยนต์ผ่าน
ค. ห้ามรถยนต์ทุกชนิดผ่าน
ง. ให้รถยนต์ทุกชนิดผ่าน

24. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ห้ามรถยนต์ผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ข. ห้ามรถยนต์จอด แต่หยุดรับ-ส่งได้ในเขตที่ติดตั้งป้าย
ค. ให้รถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าไปในเขตที่ติดตั้งป้าย
ง. ห้ามรถจักรยานยนต์และรถยนต์ทุกชนิดผ่านเข้าออก

25. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามจอดรถ
ข. ห้ามหยุดรถ
ค. ห้ามใช้เสียง
ง. ให้ใช้เสียงได้

26. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้หยุดรถ
ข. ห้ามจอดรถทุกชนิด
ค. ให้แซงได้
ง. ให้ทาง

27. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้ล้อเลื่อนลากเข็นจอด
ข. ให้รถจักรยานจอด
ค. ให้รถจักรยานยนต์จอด
ง. ห้ามหยุดหรือจอดรถทุกชนิด

28. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ห้ามคนผ่าน
ข. ทางข้าม
ค. บริเวณคนข้ามถนน
ง. เฉพาะคนเดิน

29. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ให้ใช้น้ำหนักไม่เกิน 50 กก.
ข. ห้ามใช้เสียงเกิน 50 เดซิเบล A
ค. ห้ามใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนดเป็น "กิโลเมตรต่อชั่วโมง" ตามจำนวนตัวเลขที่รับในป้ายนั้น ๆ
ง. ให้ใช้ความเร็วเกิน 50 กม./ชม.

30. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ห้ามรถกว้างเกินกำหนด
ข. ห้ามรถยาวเกินกำหนด
ค. ห้ามรถบรรทุกชนิดที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดเป็น "ตัน" ตามจำนวนตัวเลขที่ระบุในป้ายนั้น ๆ ผ่านเข้าออก
ง. จำกัดความเร็ว

31. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ช่องเดินรถจักรยานยนต์
ข. ช่องเดินรถมวลชน
ค. ช่องเดินรถจักรยาน
ง. เฉพาะคนเดิน

32. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ให้ทางแก่รถหรือคนเดินเท้าบนทางขวางข้างหน้าผ่านไปก่อน
ข. ห้ามกลับรถไปทางซ้าย
ค. ห้ามกลับรถไปทางขวา
ง. ให้กลับรถไปทางขวา

33. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้เลี้ยวซ้าย
ข. ห้ามเลี้ยวขวา
ค. สุดเขตบังคับ
ง. ให้ใช้ความเร็ว

34. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ห้ามขับรถยนต์ผ่าน
ข. ต้องหยุดรถตรงตำแหน่งที่ติดตั้งป้ายและให้รถที่กำลังสวนทางมาผ่านไปก่อน
ค. ให้ลดความเร็วแล้วขับรถเบี่ยงไปทางด้านซ้าย
ง. ให้ลดความเร็วแล้วขับรถเบี่ยงไปทางด้านขวา

35. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ไม่ขับรถตรงไป
ข. ต้องขับรถตรงไปตามทิศทางที่ป้ายกำหนดเป็นทางเดินรถทางเดียวเท่านั้น
ค. ไม่ขับรถเข้าไป
ง. ให้ขับรถไปทางซ้าย

36. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางข้างหน้าเป็นทางบังคับให้เดินรถทางเดียวไปทางซ้ายเท่านั้น
ข. ไปได้เฉพาะทางขวาเท่านั้น
ค. ห้ามขับรถไปทางขวา
ง. ให้ขับรถไปทางขวาเท่านั้น

37. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ให้ขับรถตรงไปอย่างเดียว
ข. ขับรถไปทางซ้ายได้อย่างเดียว
ค. ห้ามขับรถไปทางขวา
ง. ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านขวาของป้าย

38. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ให้เลี้ยวซ้าย
ข. ให้เลี้ยวขวา
ค. ให้ชิดซ้าย
ง. ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านขวาของป้าย

39. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ผู้ขับขี่ต้องขับรถผ่านไปทางด้านขวาของป้าย
ข. ให้ชิดขวา
ค. ให้เลี้ยวซ้าย
ง. ให้เลี้ยวขวา

40. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามไปทางซ้ายหรือทางขวา
ข. ให้ชิดซ้ายหรือชิดขวา
ค. ให้ชิดขวาอย่างเดียว
ง. ให้ชิดซ้ายอย่างเดียว

41. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามเลี้ยวซ้าย
ข. ห้ามเลี้ยวขวา
ค. ให้เลี้ยวซ้าย
ง. ให้เลี้ยวขวา

42. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ห้ามเลี้ยวซ้าย
ข. ห้ามเลี้ยวขวา
ค. ให้เลี้ยวซ้าย
ง. ให้เลี้ยวขวา

43. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา
ข. ห้ามเลี้ยวทางซ้ายหรือทางขวา
ค. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย
ง. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวขวา

44. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้ตรงไปแต่ห้ามเลี้ยวซ้าย
ข. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย
ค. ให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย
ง. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวขวา

45. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้ตรงไปหรือเลี้ยวขวา
ข. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย
ค. ห้ามตรงไปหรือเลี้ยวขวา
ง. ให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย

46. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้รถยนต์ขับรถทางเดียวด้านซ้าย
ข. ให้รถทุกชนิดเดินวนด้านขวาของวงเวียน
ค. ให้ขับรถแทรกหรือตัดหน้ารถคันอื่นในวงเวียนได้
ง. ผู้ขับขี่รถทุกชนิด ต้องขับรถวนทางซ้ายของวงเวียน และหยุดรอให้รถที่แล่นอยู่ในทางรอบบริเวณวงเวียนผ่านไปก่อน

47. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถเข้าช่องเดินรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ข. ห้ามแซงล้ำเข้าไปในช่องเดินรถประจำทาง
ค. ให้ขับรถตรงไปหรือเลี้ยวขวา
ง. ห้ามขับรถตรงไปหรือเลี้ยวขวา

48. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. รถที่มีคนนั่งไม่น้อยกว่า 3 คน สามารถใช้ช่องเดินรถนี้ได้
ข. รถมีคนนั่ง.1 คน เข้าไปในช่องเดินรถนี้ได้
ค. ห้ามรถมีคนเกิน 3 คน เข้าไปในช่องเดินรถนี้
ง. รถมีคนนั่ง.2 คน เข้าไปในช่องเดินรถนี้ได้

49.เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งไปทางขวา
ข. ทางข้างหน้าโค้งกลับเริ่มขวา
ค. ทางข้างหน้าโค้งซ้าย
ง. ทางข้างหน้าโค้งรัศมีแคบเลี้ยวซ้าย

50. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังทางข้างหน้าเป็นทางคดเคี้ยวโดยเริ่มไปทางขวา
ข. ขับรถให้ช้าลง และชิดขวา ขับรถไปตามทางคดเคี้ยวเริ่มซ้าย
ค. ขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย ขับรถไปตามทางโค้งกลับรัศมีแคบเริ่มขวา
ง. ขับรถให้ช้าลง และชิดขวา ขับรถไปตามทางโค้งกลับรัศมีแคบเริ่มซ้าย

51. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ขับรถช้าลง และระมัดระวังคนงานกำลังทำงาน อาจมีวัสดุอุปกรณ์วางบนผิดจราจร
ข. ให้ขับรถช้าลง และระมัดระวังคนงานกำลังสำรวจทาง
ค. ให้ขับรถช้าลง และระมัดระวัง เครื่องจักรกำลังทำงาน
ง. ให้ขับรถช้าลง และระมัดระวังคนงานกำลัง สำรวจสิ่งก่อสร้าง

52. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ควรขับรถให้ช้าลงและระมัดระวัง ทางข้างหน้ากำลังมีงานสำรวจอยู่บนผิวจราจรหรือทางเดินรถ
ข. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพิ่มความระมัดระวัง คนกำลังทำงาน
ค. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพิ่มความระมัดระวัง เครื่องจักรกำลังทำงาน
ง. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง สำรวจสิ่งก่อสร้าง

53.  เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีสะพานแคบ
ข. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางลงลาดชัน
ค. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางขึ้นลาดชัน
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบี่ยงด้านซ้าย

54. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางขึ้นลาดชัน
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าต้องใช้ทางเบี่ยงด้านขวา
ค. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางลงลาดชัน
ง. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีสะพานแคบ

55. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง ทางตอนนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ชิดขวา
ข. ขับรถให้ช้าลง ทางตอนนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ชิดซ้าย
ค. ขับรถให้ช้าลง ทางตอนนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ห้ามแซง
ง. ขับรถให้ช้าลง

56. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ขับรถช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งไปทางซ้าย
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง
ค. ให้ขับรถช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งรัศมีแคบไปทางซ้าย
ง. ให้ขับรถช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งไปทางขวา

57. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ขับรถด้วยความเร็ว เพื่อเข้าโค้งจะได้ไม่เสียการทรงตัว
ข. ให้ขับรถช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งไปทางซ้าย
ค. ให้ขับรถช้าลง และให้ขับรถชิดด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง
ง. ขับรถให้ช้าลง ทางข้างหน้าเป็นทางโค้งรัศมีแคบไปทางขวา

58. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. สลับกันไป
ข. ทางโค้งกลับเริ่มซ้าย
ค. ทางโค้งกลับเริ่มขวา
ง. ทางโค้งซ้าย

59. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางโทแยกไปทางซ้าย
ข. ให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางโทตัดกับทางโทรูปตัวที
ค. ให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางเอกตัดกันรูปตัวที
ง. ให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นทางเอกตัดกันรูปตัววาย ( Y )

60. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางโทแยกไปทางขวา
ข. ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางเอกแยกทางเอกทางขวา
ค. ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางโทแยกทางโททางขวา
ง. ขับรถด้วยความระมัดระวัง ทางเอกแยกทางเอกทางซ้าย

61. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางเอกตัดกันรูปตัววาย
ข. ทางเอกตัดกันรูปตัวที
ค. ทางเอกตัดทางโทรูปตัววาย
ง. ทางโทแยกทางเอกเยื้องกัน เริ่มซ้าย

62. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางโทแยกทางเอกเยื้องกัน เริ่มขวา
ข. ทางเอกตัดกันรูปตัววาย
ค. ทางเอกตัดกันรูปตัวที
ง. ทางเอกตัดทางโทรูปตัววาย

63. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางเอกตัดทางโทรูปตัวที
ข. ทางเอกตัดกันรูปตัววาย
ค. ทางโทเชื่อมทางเอกจากซ้าย
ง. ทางเอกตัดกันรูปตัวที

64. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางโทเชื่อมทางเอกจากขวา
ข. ทางโทเชื่อมทางเอกจากซ้าย
ค. ทางโทเชื่อมทางโทจากซ้าย
ง. ทางเอกเชื่อมทางเอกจากซ้าย

65. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางเอกแยกทางเอกจากซ้าย รูปตัววาย
ข. ทางโทแยกทางเอกจากซ้าย รูปตัววาย
ค. ทางโทแยกทางโทจากซ้าย รูปตัววาย
ง. ทางโทแยกทางเอกจากขวา รูปตัววาย

66. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางโทแยกทางเอกจากซ้าย รูปตัววาย
ข. ทางเอกแยกทางเอกจากซ้าย รูปตัววาย
ค. ทางโทแยกทางเอกจากขวา รูปตัววาย
ง. ทางโทแยกทางโทจากซ้าย รูปตัววาย

67. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางข้างหน้าจะเป็นทางแยก มีวงเวียน
ข. ทางข้างหน้าเป็นทางแยก
ค. ทางข้างหน้าเป็นทางแคบลง
ง. ทางข้างหน้ามีทางเอกตัดกัน

68. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางแคบลงด้านขวา
ข. ทางโค้งซ้าย
ค. ทางแคบลงด้านซ้าย
ง. ทางข้างหน้าแคบลงกว่าทางที่กำลังผ่านทั้งสองด้าน

69. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางแคบลงทั้งสองด้าน
ข. ทางแคบลงด้านขวา
ค. ทางแคบด้านซ้าย
ง. ทางกว้างขึ้นทั้งสองด้าน

70. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ทางแคบด้านขวา
ข. ทางแคบลงทั้งสองด้าน
ค. ทางแคบลงด้านซ้าย
ง. ทางกว้างขึ้นทั้งสองด้าน

71. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง อันตรายจากรถที่สวนมาจากอีกฝั่งหนึ่งของสะพาน
ข. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางแคบลง
ค. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีช่องการจราจรลดลง
ง. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ทางข้างหน้ามีทางแคบด้านซ้าย

72. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ช่องจราจรปิดด้านซ้าย
ข. ช่องจราจรปิดด้านขวา
ค. ช่องจราจรปิดทั้งสองด้าน
ง. ช่องจราจรลดลงด้านซ้าย

73. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ช่องจราจรปิดด้านขวา
ข. ช่องจราจรปิดทั้งสองด้าน
ค. ช่องจราจรลดลงด้านซ้าย
ง. ช่องจราจรปิดด้านซ้าย

74. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถด้วยความเร็วปกติ แต่ให้ระวังรถไฟกำลังผ่าน
ข. ขับรถให้ช้าลง และสังเกตดูรถไฟทั้งทางขวาและทางซ้าย ถ้ามีรถไฟกำลังจะผ่าน ควรหยุดรถห่างจากทางรถไฟอย่างน้อย 5 เมตร
ค. ขับรถอย่างรวดเร็ว เพราะมีรถไฟกำลังผ่าน
ง. ขับรถได้อย่างรวดเร็วเพราะไม่มีสิ่งกีดขวาง

75. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง พร้อมที่จะหยุดรถ ทางข้างหน้าไม่มีเครื่องกั้น
ข. ขับรถให้ช้าลง พร้อมที่จะหยุดรถ สะพานแคบ
ค. ขับรถเร็วได้ ไม่ต้องหยุดรถ ทางข้ามทางรถไฟไม่มีเครื่องกั้น
ง. ขับรถให้ช้าลงและพร้อมที่จะหยุดรถ

76. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง รถมีขนาดกว้างไม่เกิน 2.50 เมตร ให้ผ่านไปได้
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้ากว้างเกิน 2.50 เมตร
ค. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าลอดต่ำกว่า 2.50 เมตร
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าสูงกว่า 2.50 เมตร

77. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางแคบลงไม่เกิน 2.50 เมตร
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางกว้างเกิน 2.50 เมตร
ค. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางสูงเกิน 2.50 เมตร
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง รถที่มีความสูงไม่เกิน 2.50 เมตรให้ผ่านไปได้

78. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตรายจากรถที่สวนมา เพราะทางข้างหน้าเป็นทางลาดชันทางขึ้นเขา
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ขับรถด้วยความรวดเร็ว เพราะมีหินร่วง
ค. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ให้ปลดเกียร์ หรือดับเครื่องทันทีเพื่อความปลอดภัย
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางลงลาดชัน ให้ใช้เกียร์

79. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ให้ปลดเกียร์ หรือดับเครื่องทันทีเพื่อความปลอดภัย
ข. ทางลงลาดชัน
ค. ทางขึ้นลาดชัน ให้ใช้เกียร์ว่าง
ง. ขับรถด้วยความรวดเร็ว

80. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าขรุขระมาก เป็นหลุม เป็นบ่อ
ข. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ระวังหินร่วง
ค. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ผิวทางร่วน
ง. ขับรถให้ช้าลง เพิ่มความระมัดระวัง ทางลื่น

81. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง เตือนรถกระโดด
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าเป็นแอ่ง
ค. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางลงลาดชัน
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางขึ้นลาดชัน

82. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังเป็นพิเศษ ผิวทางร่วน
ข. ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางแคบด้านขวา
ค. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังการลื่นไถล ทางข้างหน้าลื่นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ง. ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางข้างหน้าเป็นทางโค้ง

83. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตราย ทางข้างหน้าอาจมีวัสดุผิวทางหลุดกระเด็น
ข. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ระวังหินร่วง
ค. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ทางลื่น
ง. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวัง ทางคดเคี้ยว

84. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีหินร่วงลงมาในผิวทาง ทำให้กีดขวางการจราจร
ข. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางขึ้นลาดชัน
ค. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางลงลาดชัน
ง. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางแคบ

85. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ผิวทางขรุขระ
ข. สะพานเปิดได้
ค. เตือนรถกระโดด
ง. ทางเป็นแอ่ง

86. เครื่องหมายนี้ หมายความอย่างไร

ก. ไม่ออกทางขนาน
ข. เปลี่ยนช่องเดินรถตามสัญลักษณ์ในป้าย
ค. ไม่เปลี่ยนช่องทางจราจร
ง. ให้ออกทางขนาน

87. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ผู้ขับรถบนทางหลักให้ระมัดระวัง เตรียมตัวออกทางหลัก
ข. ผู้ขับรถบนทางหลักให้ระมัดระวัง เตรียมตัวออกทางโค้งซ้าย
ค. ผู้ขับรถบนทางหลักให้ระมัดระวัง เตรียมตัวออกทางโค้งขวา
ง. ผู้ขับขี่บนทางขนานเตรียมตัวเข้าทางหลัก

88. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ผู้ขับขี่บนทางหลักเตรียมตัวออกทางขนาน ผู้ขับขี่บนทางขนานระวังรถที่จะมาร่วมในทิศทางเดียวกัน
ข. ผู้ขับรถในทางหลัก เตรียมเข้าทางคดเคี้ยวเริ่มซ้าย
ค. ผู้ขับรถในทางหลักเตรียมออกทางคดเคี้ยวเริ่มซ้าย
ง. ขับรถในทางหลักเตรียมออกทางคดเคี้ยวเริ่มขวา

89. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถชิดไปด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง ทางแคบด้านซ้าย
ข. ขับรถชิดไปด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง ทางแคบด้านขวา
ค. ขับรถชิดไปด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง ทางลงลาดชัน
ง. ขับรถชิดไปด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง

90. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย เพิ่มความระมัดระวัง ทางร่วมด้านขวา
ข. ขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย เพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าเป็นทางร่วมไม่มีเกาะ
ค. ขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย เพิ่มความระมัดระวัง ทางคู่ข้างหน้า
ง. ขับรถให้ช้าลง และชิดซ้าย เพิ่มความระมัดระวัง ทางร่วมด้านซ้าย

91. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง เดินรถใกล้ขอบทางด้านซ้ายและระมัดระวังอันตรายจากรถที่สวนทางมา
ข. ขับรถให้ช้าลง และให้ชิดซ้าย ทางข้างหน้ามีทางเดินรถทางเดียว
ค. ขับรถให้ช้าลง และให้ชิดซ้าย ทางข้างหน้ามีทางเดินรถทางเดียวด้านซ้าย
ง. ขับรถให้ช้าลง และให้ชิดซ้าย ทางข้างหน้ามีทางเดินรถทางเดียวด้านขวา

92. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร
ข. ขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะเข้าทางเดินรถสองทาง
ค. ขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะกลับรถ ในทางข้างหน้า
ง. ขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะเข้าทางเดินทางเดียวไปข้างหน้า

93. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะเลี้ยวซ้ายได้
ข. ขับรถให้ช้าลงระมัดระวังคนข้ามทาง เพราะทางข้างหน้ามีทางสำหรับคนข้าม ซึ่งมีคนเดินข้ามไปข้ามมาอยู่เสมอ
ค. ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะจอดรถได้
ง. ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะให้ทาง

94. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเตรียมพร้อมที่จะไปในทางเดินรถสองทาง
ข. ขับรถให้ช้าลง และเตรียมพร้อมที่จะให้ทางแก่รถด้านหน้าเมื่อถึงป้ายให้ทาง
ค. ขับรถให้ช้าลง และเตรียมพร้อมที่จะไปในทางเดินรถทางเดียว
ง. ขับรถให้ช้าลง และเตรียมพร้อมที่จะกลับรถข้างหน้า

95. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง เพราะทางข้างหน้ามีคนกำลังทำงาน
ข. ขับรถให้ช้าลง ระมัดระวังคนข้ามทางเพราะทางข้างหน้ามีชุมชนซึ่งมีคนเดินข้ามไปมาอยู่เสมอ
ค. ขับรถให้ช้าลง เพราะทางข้างหน้ามีเขตโรงเรียนมีเด็กเยอะ
ง. ขับรถให้ช้าลง เพราะทางข้างหน้า ให้ระวังเด็กนักเรียน

96. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง ระวังคนขโมยของ
ข. ขับรถให้ช้าลง ระวังอันตราย
ค. ขับรถให้ช้าลง ระวังเด็กนักเรียน 
ง. ขับรถให้ช้าลง ระวังคนข้ามถนน

97. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถช้าลง และระมัดระวังคนข้ามถนน
ข. ขับรถช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง ทางข้างหน้าอาจมีสัตว์ข้ามทาง
ค. ขับรถช้าลง และระวังเด็กนักเรียน
ง. ขับรถช้าลง และระวังอันตราย

98. เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก. ระวังคนข้ามถนน
ข. ระวังเด็กนักเรียน
ค. ระวังอันตราย
ง. ระวังเครื่องบิน บินต่ำ

99. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวังทางข้างหน้าอาจมีอันตรายเช่น เกิดอุบัติเหตุทางทรุด เป็นต้น
ข. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังเด็กนักเรียนเป็นพิเศษ
ค. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังสัตว์
ง. ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังคนข้ามถนนเป็นพิเศษ

100. เครื่องหมายนี้ หมายความว่าอย่างไร

ก. เขตห้ามแซง
ข. เขตแซงได้
ค. เขตให้ทาง
ง. เขตให้หยุดรถ

101.เครื่องหมายนี้ คือเครื่องหมายอะไร

ก.  ที่กลับรถ
ข.  ที่ห้ามกลับรถ
ค.  ที่ห้ามแซง
ง.  เริ่มต้นทางด่วน (ทางหลวงพิเศษ)

102. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.  ทางข้างหน้ามีที่กลับรถสามารถกลับรถได้บริเวณที่มีป้าย "จุดกลับรถ"
ข.  ห้ามกลับรถ
ค.  กลับรถได้เฉพาะรถยนต์
ง.  ให้เลี้ยวซ้าย

103. เมื่อพบเครื่องหมายนี้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.  ที่กลับรถ
ข.  ขับรถให้ช้าลงและระมัดระวังคนข้ามทาง ถ้ามีคนกำลังเดินข้ามทางควรหยุดให้คนเดินข้ามทาง
ค.  ที่ห้ามคนข้ามถนน
ง.  ที่สำหรับคนพิการ

หมวดมารยาทและจิตสำนึก

1. การขับรถเข้าวงเวียนที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรควรปฏิบัติอย่างไร

ก.ให้รถทางขวามือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
ข.ให้รถทางซ้ายมือของเราที่อยู่ในวงเวียนไปก่อน
ค.ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะเลี้ยวซ้ายไปก่อน
ง.ให้รถที่เข้าวงเวียนและจะตรงไปให้ไปก่อน

2. การขับรถเลี้ยวบริเวณทางแยกที่มีช่องจราจรมากกว่า 2 ช่องทาง.ข้อใดถูกต้อง

ก.เปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้ายหรือขวาขณะอยู่ในทางเลี้ยว
ข.ขับคร่อมช่องจราจรเพื่อตีวงได้กว้างขึ้น
ค.ขับอยู่ในช่องจราจรเดิมตั้งแต่เริ่มเข้าทางแยกจนเลี้ยวเสร็จสิ้น
ง.ขับในช่องจราจรซ้ายสุดแล้วเปลี่ยนไปช่องจราจรด้านขวาในขณะเลี้ยว

3. ในกรณีที่ท่านขับรถผ่านซอยที่มีรถรอออกเป็นจำนวนมากควรปฏิบัติอย่างไร

ก.บีบแตรหรือให้สัญญาณไฟเตือนรถที่จะออกจากซอยก่อนขับผ่านไป
ข.เปิดทางให้รถออกจากซอยได้บ้างสลับกับรถทางตรง
ค.พยายามขับให้ชิดคันหน้าเพื่อไม่ให้รถในซอยแทรกออกมา
ง.ขับรถผ่านซอยด้วยความเร็วเพื่อส่งสัญญาณว่าขอไปก่อน

4. ทัศนคติและจิตสำนึกในการขับรถอย่างปลอดภัยของผู้ขับรถคืออะไร

ก.ขับรถช้า ใจเย็น
ข.ขับรถเก่งคล่องแคล่ว
ค.ขับรถอย่างมีสติเคร่งครัดวินัยจราจรแสดงออกถึงมารยาทและน้ำใจ
ง.ขับรถดีไม่เกิดอุบัติเหตุ

5. สิ่งใดที่ผู้ขับรถไม่ควรทำเมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียวให้ขับเคลื่อนรถไปได้

ก.ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกโดยทิ้งช่วงห่างกับคันหน้าพอสมควร
ข.ชะลอให้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าเคลื่อนออกไปก่อน
ค.ตรวจสอบรถในทางแยกอื่นที่อาจวิ่งออกมาก่อนที่จะขับเข้าสู่ทางแยกด้านหน้า
ง.บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้เคลื่อนตัวออกโดยเร็ว

6. สิ่งใดที่ผู้ขับรถควรทำเมื่อได้รับสัญญาณไฟเหลือง

ก.ชะลอรถและหยุดรถที่เส้นขาวให้หยุดรถเพื่อป้องกันการขับฝ่าสัญญาณไฟแดง
ข.บีบแตรเร่งรถคันหน้าให้ขับเร็วขึ้นเพื่อให้รถเราไม่ติดสัญญาณไฟแดง
ค.ขับเปลี่ยนเลนเพื่อแซงรถขึ้นไปให้พ้นสัญญาณไฟแดง
ง.ขับตามคันหน้าไปโดยฝ่าสัญญาณไฟแดง

7. สิ่งที่ผู้ขับรถควรทำเมื่อเห็นคนยืนบนฟุตบาทและแสดงท่าที่จะข้ามถนนตรงทางม้าลาย

ก.บีบแตรเตือนคนที่จะข้ามถนนและเร่งความเร็วผ่านไป
ข.แตะเบรกเตือนให้รถหลังรู้ว่าท่านกำลังจะหยุดรถ และหยุดรถตรงทางม้าลาย
ค.ขับรถตามหลังท้ายคันหน้าอย่างกระชั้นชิดโดยไม่หยุดให้คนข้ามถนน
ง.ขับรถแซงคันที่จอดรถให้คนข้ามและขับผ่านไปโดยเร็ว

8. การให้สัญญาณไฟที่ถูกต้องเมื่อขับรถเข้าสู่ทางร่วมทางแยก

ก.ให้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการขับรถตรงไป
ข.ให้สัญญาณไฟเฉพาะเลี้ยวขวาเท่านั้น
ค.ให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อต้องการเลี้ยวซ้ายหรือขวา
ง.ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาหรือซ้าย เมื่อขับตามรถคันหน้าที่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวไปทางเดียวกัน

9. ใครบ้างที่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารไปในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

ก.คนขับรถและผู้โดยสารทุกคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่นั่งตอนหน้าและตอนหลังรถ
ข.คนขับรถและผู้โดยสารที่นั่งตอนหน้ารถเท่านั้น
ค.คนขับรถและผู้โดยสารที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป เพราะสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยได้
ง.คนขับรถและผู้โดยสาร ยกเว้นคนแก่กับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปีลงมา

10. ผู้ขับรถควรทำอย่างไรให้แซงรถได้อย่างปลอดภัยและไม่เสียมารยาท

ก.บีบแตรให้สัญญาณก่อนแซง.เร่งความเร็วแซงซ้ายหรือขวาขึ้นไปตลอดเส้นทางที่รถวิ่ง
ข.ให้สัญญาณไฟก่อนแซงเร่งความเร็วแซงขึ้นไปแซงแล้วรีบหักกลับเข้าช่องทางเดิมในระยะกระชั้นชิดลดความเร็วลงให้เท่ากับรถที่แซงขึ้นไป
ค.บีบแตรให้สัญญาณก่อนแซงเร่งความเร็วแซงขึ้นไปแซงแล้ววิ่งรถคู่ขนานไปกับรถที่แซงขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง
ง.ให้สัญญาณไฟก่อนแซง.เร่งความเร็วแซงขึ้นไป เว้นระยะห่างก่อนให้สัญญาณไฟขอกลับเข้าช่องจราจรเดิม เร่งความเร็วรถให้เหมาะสมกับรถที่อยู่ด้านหน้า

11. ท่านควรทำอย่างไรเมื่อผู้ขับรถคันอื่นให้สัญญาณไฟขอเข้าใช้ช่องจราจรร่วมกับท่าน

ก.ให้สัญญาณตอบรับโดยชะลอความเร็ว เว้นระยะให้รถคันนั้นสามารถเปลี่ยนช่องจราจรเบี่ยงเข้ามาได้อย่างปลอดภัย
ข.บีบแตรเตือน รีบขับชิดรถคันหน้า กันไม่ให้เบี่ยงแทรกเข้ามา
ค.ขับชิดรถคันหน้า พยายามเบียดไม่ให้รถคันหน้าแทรกเข้ามาด้านหน้ารถได้
ง.เร่งความเร็วรถเป็นระยะ ไม่เปิดช่องว่างให้แทรกเข้ามาในช่องจราจรของเราได้

12. เมื่อขับรถในช่องจราจรขวาสุด และมีรถด้านหลังขับขึ้นมาด้วยความเร็วสูง.ท่านควรทำอย่างไร

ก.ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย และเปลี่ยนไปยังช่องจราจรด้านซ้าย เพื่อให้รถที่มีความเร็วสูงกว่ารถของท่านแซงขึ้นไปอย่างปลอดภัย
ข.เร่งความเร็วหนีรถด้านหลัง.พยายามขับทิ้งระยะให้ห่างจากรถคันหลัง
ค.ขับด้วยความเร็วเดิม เพื่อให้รถด้านหลังเปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้าย
ง.ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย หักหลบไปยังช่องจราจรซ้าย เร่งความเร็วแข่งกับรถในช่องจราจรขวา

13. ท่านควรทำอย่างไรเมื่อผู้ขับรถคันอื่นเปิดทางให้ท่านไปก่อนหรือเข้าร่วมใช้ช่องจราจรด้วย

ก.เร่งรถออกไปโดยตัดข้ามไปยังช่องจราจรถัดไปด้วย
ข.ก้มหัวหรือยกมือขอบคุณ พร้อมกับเคลื่อนรถออกไปหรือเข้าร่วมใช้ช่องจราจรในลักษณะเร่งร้อน
ค.ก้มหัวขอบคุณ พร้อมกับเคลื่อนรถออกไปหรือเข้าร่วมใช้ช่องจราจรที่ขอเข้าร่วมด้วยความระมัดระวัง
ง.ขับรถออกไปหรือเข้าร่วมช่องจราจรแบบช้า ๆ และพยายามเบียดข้ามไปยังช่องจราจรถัดไป

14. การกระทำใดของผู้ขับรถซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

ก.ขับรถตามรถด้านหน้าโดยเว้นระยะห่างที่เหมาะสม
ข.ขับรถจี้ท้ายรถด้านหน้าที่ขับช้า พร้อมกับบีบแตรไล่
ค.บีบแตรเตือนรถที่กำลังถอยหลังมาชนรถของท่านซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่
ง.เปิดไฟตัดหมอกเมื่อฝนตกหนัก

15. การใช้ไฟสูงที่ถูกต้องและไม่เสียมารยาท

ก.เปิดไฟสูงเพื่อตรวจสอบสภาพถนนและริมถนน เฉพาะเส้นทางที่มืดมากและไม่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทางมา และปิดไฟสูงทันทีที่มีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทางมา
ข.เปิดไฟสูงแทนไฟส่องสว่างเมื่อวิ่งบนถนนต่างจังหวัดที่ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างสองข้างทางและสามารถมองเห็นไฟท้ายรถคันหน้า
ค.เปิดไฟสูงทุกครั้งเมื่อวิ่งเข้าทางโค้งที่มืดมากและมีรถวิ่งอยู่ด้านหน้าหรือสวนทางมา
ง.เปิดไฟสูงทุกครั้งเมื่อวิ่งบนถนนซึ่งเป็นทางขึ้นเนินหรือลงเนินที่ไม่มี ไฟฟ้าส่องสว่างข้างทางและสามารถ มองเห็นไฟหน้ารถที่วิ่งสวนทางมา

16. การกระทำใดของผู้ขับรถซึ่งเป็นการกระทำที่แสดงถึงความมีมารยาทและน้ำใจให้แก่ผู้ใช้ถนนร่วมกัน

ก.ขับรถแซงคิวแทรกเข้าตรงเชิงสะพานหรือก่อนเข้าซอย
ข.ขับรถบนไหล่ทางเพื่อไปแทรกเข้าด้านหน้าในช่องจราจรปกติ
ค.กลับรถบนถนนที่มีช่องจราจรสวนทางกันในลักษณะกีดขวางการจราจร
ง.ไม่หยุดรถบนเส้นทแยงสีเหลืองหรือบริเวณปากซอยและเปิดทางให้รถในเส้นทางอื่นสามารถขับผ่านไปได้ในขณะที่รถท่านติดการจราจร

17. ข้อใดเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องและแสดงมารยาทที่ดีของผู้ขับรถยนต์

ก.ไม่ใช่ผู้พิการแต่จอดรถในพื้นที่จอดรถของผู้พิการ
ข.ต้องการไปทางตรงแต่ขับรถในช่องจราจรเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือกลับรถ
ค.กลับรถที่จุดกลับรถทุกครั้งแม้จะอยู่ไกล
ง.จอดรถขวางรถคันอื่นโดยเข้าเกียร์และเบรกมือ

18. เมื่อขับรถเข้าเขตชุมชนที่มีการจราจรติดขัด ผู้ขับรถควรทำอย่างไร

ก.บีบแตรเพื่อเร่งรถคันหน้าและเตือนคนเดินถนนให้หลีกทางไป
ข.ขับช้า ๆ โดยระมัดระวังคนเดิน ใช้แตรเมื่อจำเป็นเพื่อเตือนคนเดินถนนหรือรถคันอื่นเท่านั้น
ค.ขับเบียดรถที่จอดหรือคนเดินถนนโดยล้ำไปยังช่องจราจรที่สวนมา
ง.ขับย้อนศรเพื่อหนีการจราจรติดขัดไปยังเส้นทางอื่น

19. ในขณะที่ท่านขับรถและสังเกตเห็นว่าด้านหน้ามีผู้กำลังจะข้ามถนน ท่านจะทำอย่างไร

ก.พยายามขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ข.บีบแตรเสียงดัง.และขับรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ค.ลดความเร็วและหยุดรถด้วยความปลอดภัย เพื่อให้คนข้ามถนน
ง.เบรกหยุดรถอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คนข้ามถนน

20. หากมีผู้ขับรถกำลังกลับรถเข้ามาในช่องทางที่ท่านขับรถอยู่ ท่านจะตัดสินใจทำอย่างไร

ก.มีใจกรุณาโอบอ้อมอารีให้ทางแก่ผู้กลับรถ
ข.หงุดหงิด บีบแตรไล่ แต่หยุดรถให้
ค.เร่งความเร็วเพื่อขอทางไม่ให้กลับรถ
ง.หลบรถโดยแซงไปอีกช่องทางหนึ่ง

21. ในการขับรถช่วงเวลากลางคืน ควรที่จะมีการใช้ไฟหน้ารถอย่างไร

ก.เปิดไฟสูง ตลอดเวลาที่ขับขี่
ข.เปิดทั้งไฟหน้า และไฟตัดหมอก
ค.เปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอก และไฟกระพริบฉุกเฉิน
ง.เปิดไฟต่ำเมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าและรถสวนทางมา

22. การขับรถผ่านช่วงทางโค้ง ทางร่วม ทางแยก.ในช่วงเวลากลางคืนควรจะมีวิธีการใช้ไฟหน้ารถที่เหมาะสมอย่างไร

ก.ชะลอความเร็วก่อนเข้าทางแยก.แล้วกระพริบไฟและเปิดไฟฉุกเฉิน
ข.ก่อนเข้าโค้ง.ให้กระพริบไฟ และลดเป็นไฟต่ำเมื่อมีรถสวนทาง
ค.ชะลอความเร็วก่อนเปิดไฟสูง
ง.ชะลอความเร็วก่อนเปิดไฟต่ำ

23. การขับรถผ่านชุมชน โรงเรียน หรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.ชะลอความเร็ว บีบแตรเสียงดัง และใช้ความระมัดระวัง
ข.ชะลอความเร็ว และใช้ความระมัดระวังในการขับขี่
ค.บีบแตรและชะลอความเร็ว
ง.บีบแตร และเร่งความเร็วเพื่อให้พ้นไปโดยเร็ว

24. หากในขณะขับรถ ท่านสังเกตเห็นรถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกหรือรถอื่น ๆ ที่ผู้ขับรถมีพฤติกรรมขับรถประมาท น่าหวาดเสียวและอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ท่านจะจัดการอย่างไร

ก.เปิดไฟฉุกเฉินแจ้งเตือนรถคันหลัง
ข.ขับรถขึ้นแซงให้พ้นไปอย่างรวดเร็ว
ค.ขับรถไล่ตาม และบีบแตรเพื่อให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว
ง.ควรชะลอรถให้ห่างจากรถคันดังกล่าว และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน

25. ท่านคิดว่าข้อใดเป็นการขับขี่ที่ไร้ซึ่งมารยาทอย่างมาก

ก.ใช้ความเร็วรถปกติ เมื่อมีรถคันอื่นกระพริบไฟขอทาง
ข.ขับรถชิดซ้าย หรือให้ทางแก่รถฉุกเฉิน
ค.ขับรถจี้ท้าย และบีบแตรไล่บนทางด่วน
ง.ชะลอความเร็วให้รถคันอื่นแซง

26. ท่านคิดว่าข้อใดเป็นการขับขี่รถที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก

ก.ขับรถในขณะที่อ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือดื่มสุรา
ข.ชะลอความเร็วและระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านสถานศึกษาที่มีนักเรียนพลุกพล่าน
ค.เมื่อรู้สึกว่าอ่อนเพลีย ง่วงนอน ให้หยุดรถพักผ่อนทันที
ง.ไม่มีข้อใดถูกเลย

27. ท่านคิดว่าผู้ขับขี่ ควรปฏิบัติตนอย่างไรในการขับขี่รถให้เกิดความปลอดภัย

ก.พูดคุยหยอกล้อกับแฟนสาวในขณะขับรถ
ข.ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ
ค.ดื่มสุรา เที่ยวดึก นอนดึกเพื่อตื่นแต่เข้ามาขับรถ
ง.ไม่ประมาท มีวินัย และเคารพในกฎจราจร

28. การขับรถบนทางด่วนที่ถูกต้อง.เหมาะสม ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.ขับรถช้าในช่องทางด้านขวา
ข.ขับรถอย่างรวดเร็วในช่องทางด้านขวา
ค.ไม่ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
ง.ไม่ให้ขับรถแซงทางด้านซ้าย

29. ข้อใดเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด

ก.ขับรถโดยมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง และปฏิบัติตามกฎจราจร
ข.ศึกษาเรียนรู้ในกฎจราจร
ค.ศึกษาเรียนรู้ในกฎจราจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ง.ตั้งใจฟังการถ่ายทอดอบรมเพื่อสอบใบขับขี่

30. ข้อใดเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง

ก.ตรวจเช็กบ้าง.ไม่ตรวจเช็กบ้าง
ข.ไม่เคยตรวจสอบ ดูแล บำรุงรักษารถ
ค.ตรวจสอบรถปีละ 1 ครั้ง
ง.ตรวจเช็กรถตามคู่มือประจำรถ

31. ข้อใด ถือได้ว่าเป็นผู้ขับขี่ที่มีจิตสำนึก

ก.เตรียมความพร้อมทั้งรถและคนก่อนออกเดินทาง
ข.ตรวจสอบดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ
ค.ขับรถเร่งแซงเพื่อให้ถึงที่หมายอย่างรวดเร็วและทันเวลา
ง.ขับรถช้าชิดขวาตลอดเส้นทาง

32. การขับรถในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักท่านควรขับขี่อย่างไร

ก. ค่อย ๆ ขับ และเปิดไฟสูงหน้ารถ
ข.ลดความเร็ว ขับอย่างระมัดระวัง.เปิดไฟหน้ารถและที่ปัดน้ำฝน
ค.ขับอย่างระมัดระวังและเปิดไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก
ง.หยุดรถบนถนน และรอจนกว่าฝนจะหยุดตกแล้วค่อยขับต่อไป

33. การขับรถในทางขึ้นเขา ลงเขา และมีโค้งอันตรายอยู่ตลอดทาง.ท่านควรขับขี่อย่างไร

ก.เหยียบเบรกตลอดการลงเขาและใช้เกียร์สูง
ข.ต้องเร่งความเร็วของรถเพื่อขึ้นเขาและลงเขา
ค.ต้องใช้ความเร็ว และเกียร์ ให้ถูกต้องเหมาะสม
ง.ใช้เกียร์สูงขณะขึ้นเขา ลงเขา และเข้าโค้ง

34. ก่อนใช้รถท่องเที่ยวในระยะทางไกล ๆ ท่านควรเตรียมความพร้อมอย่างไร

ก.ศึกษาเส้นทาง.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ข.ศึกษาเส้นทาง.อ่านหนังสือคู่มือท่องเที่ยวจนดึก
ค.เติมน้ำมันหล่อลื่นให้มากกว่าค่าที่กำหนดเผื่อรั่ว
ง.ลดความดันลมยางเพื่อให้เกาะถนนมากขึ้น

35. หากมีผู้ขับรถจี้ท้ายรถท่านในช่องทางขวาสุดและบีบแตรไล่หลังทั้งที่ช่องทางด้านซ้ายก็ว่างอยู่ ท่านควรปฏิบัติตนอย่างไร

ก.แซงไปก่อน แล้วขับรถไล่ตลอดทาง
ข.เร่งความเร็ว ไม่ให้แซงอย่างเด็ดขาด
ค.ขับรถหลีกทาง.ทางช่องทางด้านซ้ายอย่างระมัดระวัง
ง.กระพริบไฟด้านซ้ายเป็นสัญญาณให้แซงด้านซ้าย

36. ขณะที่รถติด และรถด้านหน้ารถท่านได้ตัดสินใจใช้ช่องทางไหล่ทางด้านซ้าย และมีรถอื่นแล่นตาม ท่านจะทำอย่างไร

ก.ขับรถในช่องทางเดิม
ข.รีบกระพริบไฟด้านซ้ายให้สัญญาณ และขับตามในทันที
ค.ให้สัญญาณไฟ และแซงซ้ายตามไปอย่างระมัดระวัง
ง.ให้สัญญาณไฟ และแซงขวา ไปในช่องทางที่รถสวนมา

37. ข้อใดเป็นพฤติกรรมที่ควรปฏิบัติเมื่ออยู่บนถนน

ก.ขับรถจี้ท้ายรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันรถอื่นวิ่งสวนทางเข้ามาชน
ข.ขับรถแล้วเจอแสงแดด ยกมือขึ้นมาป้องเพื่อป้องกันแสงเข้าตา
ค.ขับรถย้อนศรเพื่อประหยัดน้ำมัน
ง.ขับรถด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนด และแซงในกรณีที่จำเป็นต้องแซงเท่านั้น

38. ในขณะที่ท่านขับรถบนทางหลวง ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด อยู่ในเลนขวาสุด มีรถวิ่งตามมาด้วยความเร็วสูง.หรือกระพริบไฟสูงจากทางด้านหลังของท่านเพื่อ ขอทางสิ่งที่ท่านควรปฏิบัติคือ

ก.ขับต่อไปตามปกติ เพราะปฏิบัติตามกฎจราจรอยู่แล้ว ไม่ได้ขับรถเร็ว ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
ข.เปิดทางหลบให้รถดังกล่าวแซงขึ้นไป โดยเปิดไฟเลี้ยวซ้าย แล้วค่อย ๆ เบนรถเข้าเลนซ้ายหรือเลนกลาง
ค.ขับรถให้ช้ากว่าเดิม เพื่อกักหรือสกัดให้รถคันหลังขับด้วยความเร็วตามกฎจราจร เช่นเดียวกันกับท่าน
ง.ขับรถเร่งหนีไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่สูงกว่ารถคันดังกล่าว

39. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติในการขับรถให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

ก.เร่งรีบขับขี่ เพื่อให้ถึงปลายทางก่อนที่จะมืด
ข.ทำความคุ้นเคยกับรถที่จะขับขี่ ในกรณีที่เป็นรถที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน
ค.พักผ่อนให้เพียงพอและไม่ดื่มสุรา
ง.มีจิตสำนึกในการขับขี่อย่างรับผิดชอบ

40. ในขณะที่ท่านขับรถอยู่บนถนนและมีผู้อื่นแบ่งปันน้ำใจในการใช้รถใช้ถนนให้ท่าน ข้อใดไม่ใช่วิธีที่ควรปฏิบัติ

ก.ส่งยิ้มแสดงการขอบคุณ
ข.โค้งศีรษะแสดงความขอบคุณ
ค.ยกมือขวาขึ้นระดับคิ้วแสดงการขอบคุณ
ง.เปิดไฟสูงแสดงการขอบคุณ

41. ในกรณีที่ท่านขับรถผิดกฎหมาย ผิดกฎจราจร หรือก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นเมื่อเจ้าของรถคู่กรณีกำลังเผชิญหน้ากับ ท่าน สิ่งที่ควรปฏิบัติคือ

ก.ขอให้มีการดำเนินตามกฎหมายว่าฝ่ายใดถูกฝ่ายใดผิด
ข.จอดรถลงมาถามว่าได้ทำความเดือนร้อนอะไรให้อย่างไร
ค.ยกมือขวาขึ้นระดับคิ้วพร้อมโค้งศีรษะ เพื่อสื่อให้รู้ว่าทำผิดและขอโทษ
ง.รีบขับรถไปจากที่นั้นโดยเร็วที่สุด

42. ข้อใดแสดงถึงการมีจิตสำนึกในการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงภัย และการกระทำที่ไม่ปลอดภัย

ก.บังคับตัวเองให้ปฏิบัติตามกฎจราจรตลอดเวลาที่ขับขี่ โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจจราจรบังคับ
ข.ปรับแต่งอุปกรณ์ส่วนควบ และระบบต่าง ๆ ของรถให้แตกต่างไปจากสภาพที่ออกมาจากโรงงาน
ค.เมื่อถึงทางร่วมทางแยก.หากอยู่ในทางเอกต้องไปก่อนเสมอ ไม่จำเป็นต้องให้รถในทางโทเข้ามาร่วมใช้ทาง
ง.เปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อจอดรถในที่ห้ามจอด

43. ในขณะที่ท่านขับรถอยู่บนถนน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้านหน้าข้อใดไม่ใช่วิธีที่ควรปฏิบัติเพื่อให้รถที่ตาม มาด้านหลังทราบว่าท่านมีความจำเป็นต้องชะลอรถหรือหยุดรถ และหยุดรถตามโดยไม่ชนท้ายรถของท่าน

ก.ประเมินสถานการณ์ด้านหน้ารถและหลังรถ เพื่อให้น้ำหนักในการเบรกเป็นไปอย่างเหมาะสม
ข.ขับรถเข้าไปใกล้รถที่เกิดเหตุแล้วเหยียบเบรกอย่างแรงเพื่อหยุดรถในทันที
ค.ให้สัญญาณไฟเบรกล่วงหน้า โดยใช้เท้าแตะที่แป้นเบรกเป็นจังหวะ 1-2 ครั้ง.แล้วจังหวะหยุด
ง.เหยียบเบรกค้างไว้เพื่อให้สัญญาณไฟเบรกติดอยู่จนกระทั่งรถคันหลังที่ขับ ตามมาทราบล่วงหน้าและเมื่อมาหยุดอยู่ท้ายรถแล้ว จึงค่อยปล่อยเท้าจากแป้นเบรก

44. ในการแซงหรือเปลี่ยนเลนต้องปลอดภัยและมีมารยาท ข้อใดไม่ใช่มารยาทที่ดีในการขับรถ

ก.เมื่อแซงรถคันหน้าได้แล้วปาดหน้าชิดซ้ายทันที
ข.ให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา ก่อนแซงทุกครั้งเพื่อให้รถคันหน้ารู้ตัวและระมัดระวังหรือให้ทาง
ค.ไม่แซงในที่คับขันหรือห้ามแซง
ง.ถนนยิ่งแคบยิ่งต้องขับช้า ๆ และแซงด้วยความระมัดระวัง

45. เมื่อรถที่ขับตามหลังมาให้สัญญาณขอแซง.มารยาทที่ดีเพื่อแสดงการตอบรับว่ายินยอมให้แซง.คือข้อใด

ก.ให้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
ข.ให้สัญญาณแตร
ค.ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย
ง.ให้สัญญาณไฟสูง

46. ข้อใดเป็นพฤติกรรมในการขับรถที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขับมีจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

ก.เมื่อขับรถมาถึงทางร่วมทางแยกชะลอความเร็วทุกครั้ง.ไม่ว่าจะมีสัญญาณไฟจราจรหรือไม่
ข.ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือเครื่องหมายจราจร หากไม่ปฏิบัติตำรวจจับเสียค่าปรับ
ค.เมื่อจะเปลี่ยนเลนก็เบียดเข้าไปโดยไม่ให้สัญญาณไฟเพราะหากให้สัญญาณไฟคันข้าง ๆ จะไม่เปิดช่องให้เปลี่ยนเลนเข้าไป
ง.กรณีที่เป็นทางแยกที่มีสัญญาณไฟจราจร ปฏิบัติตามสัญญาณไฟเท่านั้นไม่จำเป็นต้องมองด้านซ้ายและด้านขวา

47. ในขณะที่ท่านกำลังขับรถอยู่บนถนน และสังเกตเห็นว่าเบื้องหน้ามีคนกำลังข้ามถนน โดยไม่มีทางม้าลาย ข้อใดถือเป็นวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง

ก.ขับรถผ่านไปตามปกติ เนื่องจากการข้ามถนนที่ปลอดภัยต้องข้ามทางม้าลายเท่านั้น
ข.กระพริบไฟสูงเพื่อเตือนว่าอย่าข้าม แล้วขับผ่านโดยเร็วที่สุด
ค.กดแตรรัวถี่ ๆ เตือนว่าอย่าข้ามเพราะอาจถูกรถชนได้
ง.ชะลอความเร็วแล้วหยุดให้ข้าม

48. หลังจากประสบอุบัติเหตุและรอดชีวิตมาได้ข้อใดเป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขับรถมีจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

ก.นายดี กล่าวว่า เมื่อวานเพิ่งไปสะเดาะเคราะห์มาไม่งั้นคงไม่รอดแน่
ข.นายเอ กล่าวว่า เพราะพระเครื่องที่แขวนคออยู่คุ้มครองปกป้องรักษา
ค.นางบี กล่าวว่า ปีนี้หมอดูทายทักไว้ว่าดวงจะดีทำอะไรก็ไม่มีปัญหา
ง.น.ส.ซี กล่าวว่า ได้ศึกษาหาความรู้หลักการขับขี่ปลอดภัยอยู่เสมอ

49. มารยาทที่ดีในการขับขี่ทำให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างปลอดภัย ข้อใดเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ

ก.เมื่อขับรถในทางเลี้ยวไม่ว่าจะอยู่เลนไหน โดยมารยาทเลี้ยวแล้วต้องรักษาแนวให้อยู่ในเลนนั้นก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงจะเปลี่ยนเลนได้
ข.ขณะขับรถในช่องทางขวาแต่ขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนด หากมีรถมาจ่อท้ายแสดงว่ารถคันนั้นวิ่งเร็วไปไม่ต้องหลบให้ทาง
ค.เมื่อรถ 2 คัน วิ่งมาถึงทางแยกหรือวงเวียนพร้อมกันรถคันไหนเร็วกว่าไปก่อนเสมอ
ง.ไฟตัดหมอกเป็นไฟตกแต่งรถให้สวยงามสามารถเปิดได้ในขณะที่ไม่มีหมอกลง

50. ผู้ขับขี่ควรใช้แตรเมื่อใด

ก.ไล่คนเดินเท้าที่กำลังข้ามทางม้าลาย
ข.เร่งรถคันหน้าให้ขับเร็วขึ้น
ค.ป้องกันอันตรายหรืออุบัติที่อาจเกิดขึ้นจากรถ
ง.ทักทายผู้ขับขี่คันอื่นที่รู้จักกัน

หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย

1. การขับรถขณะฝนตก ข้อใดที่ผู้ขับขี่ไม่ควรปฏิบัติ

ก.เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
ข.เปิดที่ปัดน้ำฝน
ค.ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
ง.ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ

2. เมื่อเกิดรถเสีย ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
ข.นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
ค.เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
ง.นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน

3. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ

ก.สีแดง
ข.สีเขียว
ค.สีเหลือง
ง.สีฟ้า

4. การจับพวงมาลัยนิ้วมือควรอยู่ในลักษณะใด

ก.นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
ข.นิ้วมือทั้งห้า กำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
ค.นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
ง.ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว

5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.เหยียบเบรกทันที แล้วค่อย ๆ ออกตัวเร่งความเร็วใหม่
ข.ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
ค.ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
ง.ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป

6. ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร

ก.เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
ข.เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
ค.เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
ง.ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ

7. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฎิบัติอย่างไร

ก.ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง.เปิดไฟฉุกเฉิน
ข.ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
ค.ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
ง.ตั้งสติ จอดรถข้างทาง

8. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็นลำดับแรก

ก.ที่ปัดน้ำฝน
ข.น้ำในหม้อน้ำ
ค.น้ำกลั่นแบตเตอรี่
ง.ตรวจเช็คประตูหน้าต่างรถ

9. ข้อใดเปิดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง

ก.เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
ข.เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน
ค.เมื่อฝนตกหนัก
ง.เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน

10. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.ขับต่อไปเรื่อย ๆ
ข.ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
ค.หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
ง.จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค

11. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรปฏิบัติตามลำดับอย่างไรจึงจะปลอดภัย

ก.เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
ข.เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง
ค.เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ
ง.เหยียบเบรกแล้วดึงเบรกมือ

12. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะมีผลอย่างไร

ก.ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
ข.ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
ค.สิ้นเปลืองน้ำมันเพาเวอร์
ง.สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

13. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.เหยียบเบรกแรง ๆ โดยไม่ต้องถอนเบรก
ข.เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
ค.เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
ง.เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำ ๆ)

14. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน(รถไม่ใช้เบรก ABS) จะมีผลอย่างไร

ก.จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
ข.ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
ค.รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
ง.ล้อจะล็อค และรถจะหยุดทันที

15. ขณะขับรถยางรถแตก จะมีอาการอย่างไร

ก.พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
ข.พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
ค.รถหยุดกะทันหัน
ง.เบรกจะไม่ทำงาน

16. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
ข.รีบเหยียบเบรกให้เร็วที่สุด
ค.หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าข้างทาง
ง.ปลดเกียร์ว่างแล้วรีบเหยียบเบรก

17. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
ข.หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
ค.เบรกกะทันหัน
ง.เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด

18. ข้อใดเป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร

ก.หาผ้าหนา ๆ มาตบ
ข.ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
ค.วิ่งหาน้ำมันมาราด
ง.ใช้ทรายสาดใส่

19. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลอย่างไร

ก.ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
ข.ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
ค.บังคับพวงมาลัยลำบาก.ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์ และเบรกได้
ง.ทำให้เบรกรถสะดวก

20. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร

ก.กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
ข.ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
ค.ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
ง.ต้องมีสีเข้ม ๆ

21. ถ้ารถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก

ก.รีบเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็ว
ข.ค่อย ๆ เหยียบแป้นคลัทช์
ค.หมุนพวงมาลัยไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
ง.ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น

22. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะใด

ก.หันเข้าหาขอบทาง
ข.อยู่อย่างไรก็ได้
ค.ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
ง.หันออกจากขอบทาง

23. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่งมีผลเสียอย่างไร

ก.ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
ข.เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
ค.ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
ง.เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง

24. การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด

ก.ถอยช้า ๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
ข.ถอยแบบไหนก็ได้
ค.ถอยเหมือนกับเดินหน้า
ง.ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ

25. ข้อใดเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง

ก.ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
ข.ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
ค.เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
ง.ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์

26. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.จอดรถทันที
ข.เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
ค.เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
ง.จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน

27. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง.มือขวาและซ้ายของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งลักษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา

ก.ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10
ข.ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10
ค.ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10
ง.ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10

28. เมื่อขับรถในขณะฝนตก.ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก.เปิดที่ปัดน้ำฝน
ข.เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
ค.ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ง.ลดความเร็วของรถ

29. เมื่อขับรถในขณะฝนตก.ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เปิดที่ปัดน้ำฝน
ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
ค. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ง. ลดความเร็วของรถ

30. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก
ข. ระวังรถด้านซ้ายเพราะอยู่ใกล้ช่องทางของเรา
ค. ระวังรถทางขวาเพียงอย่างเดียว และขับต่อไป
ง.ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม

31. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. ชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน
ข. ขับรถต่อไปได้เลยเพราะเราคือทางเอก
ค. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
ง. เร่งเครื่องยนต์เพื่อขับผ่านไปก่อน

32. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. หยุดรถให้ห่างเพื่อความปลอดภัย
ข. ขับไปในช่องทางขวาเพื่อเลี้ยวได้เลย
ค. เลี้ยวพร้อมกับรถคันหน้าได้ทันที
ง. ชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย

33. จากรูป หากท่านพบเห็นสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. เร่งความเร็วและขับผ่านไป
ข. บีบแตรและขับผ่านไป
ค. ค่อย ๆ เหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด
ง.เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถทันที

34. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดิมข้ามถนน
ข. เลี้ยวซ้ายได้ทันที
ค. เร่งความเร็วเพื่อให้สามารถเลี้ยวได้เร็ว
ง. บีบแตรก่อนทำการเลี้ยวรถ

35. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
ง.เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนรถด้านหลัง

36. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. ควรเลี้ยวให้ทันเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
ข. เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
ค. หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน
ง. ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว

37. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
ข. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
ง. ขับรถออกในช่องทางขวาเพื่อทำการเลี้ยว

38. จากรูป หากท่านต้องการขับตรงไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร

ก. บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
ข. ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
ค. ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
ง. เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว

39. จากรูป รถคันใดอยู่ในจุดบอดของรถคันสีขาว

ก. รถ ค
ข. รถ ก และรถ ข
ค. รถ ข และรถ ค
ง. รถ ก และรถ ค

40. ด้วยสาเหตุใด ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร

ก. จะทำให้สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น
ข. เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา
ค. เพื่อเปลี่ยนช่องจราจรในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
ง. เพื่อให้สามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่บริเวณทางเดินเท้า

41. ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด

ก. บริเวณด้านหลังของรถที่กระจกมองหลังจับภาพไม่ได้
ข. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ
ค. บริเวณด้านหน้าของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
ง. บริเวณด้านซ้ายของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้

42. ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก

ก. ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
ข. เปลี่ยนไปเข้าเกียร์ว่าง
ค. ติดเครื่องใหม่
ง. เปิดไฟฉุกเฉิน

43. การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ใด

ก. เกียร์ต่ำ
ข. เกียร์สูง
ค. เกียร์ว่าง
ง. เกียร์ใดก็ได้

44. ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเนื่องจากสาเหตุใด

ก. เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
ข. เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
ค. เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
ง. เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ

45. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน

ก. จะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
ข. จะทำให้เปลืองน้ำมัน
ค. จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
ง. จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า

46. ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
ข. เปิดไฟฉุกเฉิน
ค. ขับรถด้วยความเร็วมากขึ้น
ง. ขับรถด้วยความเร็วปกติ

47. เหตุใดขณะขับรถลุยน้ำจึงต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย

ก. เพื่อให้รถมีความเร็วคงที่
ข. เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
ค. เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
ง. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ

48. ท่านควรปฏิบัติอย่างไรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม

ก. ขับช้า ๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
ข. พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
ค. พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
ง. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา

49. หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบใดต่อไปนี้

ก. ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
ข. ระบบไฟฟ้า
ค. ระบบเบรก
ง. ระบบช่วงล่าง

50. ข้อใดต่อไปนี้คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน

ก. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย
ข. ลดการสึกหรอของผ้าเบรก
ค. ช่วยประหยัดน้ำมัน
ง. เพิ่มการทรงตัวของรถ

51. เพราะเหตุใดรถจึงลื่นไถลได้ง่ายขณะฝนตกใหม่ ๆ

ก. น้ำฝนทำให้ถนนชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ
ข. น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน
ค. ถนนคอนกรีตดูดซับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
ง. พื้นถนนปรับอุณหภูมิเร็วเกินไป

52. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติเมื่อขับขี่ในขณะฝนตกหนัก

ก. ขับรถเร็วและกระแทกเบรกรถอย่างรุนแรง
ข. ขับด้วยความเร็วต่ำ
ค. เปิดไฟหน้ารถ
ง. หยุดรถรอบนถนน

53. ข้อใดต่อไปนี้ปฏิบัติได้ถูกต้องสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืน

ก. เปิดไฟสูงตลอดเวลาขณะขับขี่
ข. ขับให้ช้ากว่าปกติหรือไม่เร็วกว่าสายตาที่มองเห็น
ค. ขับให้เร็วได้ตามปกติ
ง. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาขณะขับขี่

54. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติสิ่งใดเป็นอันดับแรก

ก. แจ้งกู้ภัย
ข. แจ้งตำรวจ
ค. แจ้งประกันภัยรถยนต์
ง. ให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ

55. หากมีผู้บาดเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ท่านควรปฏิบัติอย่างไรหากตัวท่านมิได้รับบาดเจ็บ

ก. ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
ข. ไม่ต้องสนใจหากผู้บาดเจ็บไม่ใช่คนที่ท่านรู้จัก
ค. แจ้งตำรวจที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ง. รีบแจ้งหน่วยกู้ภัยให้เร็วที่สุด

56. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการขับขี่อย่างประหยัดน้ำมัน

ก. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
ข. รถจะประหยัดน้ำมันหากขับด้วยความเร็วคงที่
ค. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากเร่งเครื่องบ่อยครั้ง
ง. รถจะประหยัดน้ำมันมากขึ้นหากวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่คงที่

57. หากกำลังขับขี่รถอยู่บนถนน แล้วฝนเริ่มตก ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ลดความเร็วของรถลง
ข. เร่งความเร็วของรถเพื่อให้ผ่านฝนไปให้เร็ว
ค. เปิดไฟฉุกเฉินและรีบขับผ่านบริเวณนั้นไป
ง. หยุดรถข้างทางทันที

58. เมื่อขับรถในเวลากลางคืน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
ข. เปิดไฟฉุกเฉินขณะทำการแซงรถคันหน้า
ค. พยายามขับรถเข้าไปให้ใกล้กับรถคันหน้าเพื่อให้รถคันหน้าเห็นรถเราได้ชัดเจน
ง. ใช้ไฟสูงตลอดทางของการขับรถ

57. ก่อนการขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก่อนการเดินทาง
ข. พักผ่อนให้เพียงพอ
ค. รับประทานอาหารก่อนการเดินทาง
ง. หาเพื่อนนั่งไปด้วยขณะเดินทาง

58. จากสถานการณ์ดังรูป หากต้องการจะเคลื่อนที่ต่อไป ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก

ก. เปิดสัญญาณไฟ
ข. ตรวจสอบความปลอดภัยทางด้านขวา
ค. บีบแตรให้สัญญาณ
ง. ลดกระจกแล้วโบกมือขอทาง

59. เมื่อต้องขับรถเข้าใกล้ทางรถไฟที่ไม่มีแผงกั้น ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้อง

ก. ชะลอรถและควรเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถตลอดเวลา
ข. เพิ่มความเร็วเพื่อให้ผ่านไปได้เร็ว
ค. บีบแตรเตือนเพื่อความปลอดภัย
ง. เปิดกระจกเพื่อฟังเสียงสัญญาณเตือนรถไฟ

60. เมื่อขับผ่านทางที่มีป้ายเตือนว่า “ระวังทางข้างหน้าหินหล่นทับเส้นทางบ่อย” หรือป้ายเตือนดังในรูป ท่านควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ชะลอความเร็วลง ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ข. รีบเร่งความเร็วเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ค. ไม่ต้องทำอะไร เพราะโอกาสที่จะเกิดยาก
ง. หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น

61. เมื่อพบว่าไฟไหม้เครื่องยนต์ขณะขับรถ ผู้ขับรถควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ขับรถลงแม่น้ำข้างทาง
ข. จอดและสละรถทันที
ค. ตั้งสติ ค่อย ๆ ขับรถจอดข้างทาง
ง. แจ้งกู้ภัยทางหลวง

62. สิ่งใดต่อไปนี้มีผลทำให้รถเปลืองน้ำมัน

ก. ดอกยางสึกหรอ
ข. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
ค. ระยะการปรับเบรกปกติ
ง. บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด

63. ปัจจัยใดต่อไปนี้มีผลต่อการเกิดสถานการณ์อันตรายมากที่สุด

ก. ความไม่พร้อมของคนขับ
ข. ลักษณะทางภูมิศาสตร์
ค. การเคลื่อนที่ของรถ หรือคนเดินเท้า
ง. สภาพผิวจราจร

64. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย

ก. หากง่วงนอนมากควรขับรถด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ตื่นตัว
ข. การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในขณะฝนตกควรมากกว่าการขับรถในสภาวะปกติ
ค. ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทาง 
ง. ควรขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อถึงที่หมายเร็วขึ้น

65. จากรูป หากท่านต้องการแซงรถข้างหน้าแล้วกลับช่องทางเดินรถด้านซ้าย ท่านจะต้องให้สัญญาณไฟอย่างไร

ก. ตรวจสอบความปลอดภัยแล้วเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนแซง
ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
ค. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาก่อนและตามด้วยสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายขณะแซง
ง. ไม่จำเป็นต้องเปิดสัญญาณไฟหากรถคันหน้าขับด้วยความเร็วต่ำ

66. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเท่าใดจึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุด

ก. หนึ่งช่องรถ
ข. 3 เมตร
ค. 5 เมตร
ง. ห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย

67. สถานการณ์ใดใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม

ก. เปิดไฟฉุกเฉินในขณะที่หมอกลงจัด
ข. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อกำลังจะเลี้ยวซ้ายบริเวณทางแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร
ค. เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ขับขี่ท่านอื่นทราบว่าตนจะวิ่งตรงไป
ง. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง

68. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลอย่างไร

ก. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
ข. รถจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง
ค. ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน
ง. ล้อจะล็อกและรถจะหยุดทันที

8.69 การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ
ข. เหยียบเบรกแรง ๆ
ค. เหยียบเบรกเท้าสลับกับดึงเบรกมือ
ง. เหยียบเบรกเท้าและดึงเบรกมือพร้อมกัน

70. ข้อใดปฏิบัติไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน

ก. หักพวงมาลัยหลบเมื่อจำเป็นต้องหลบการปะทะด้านหน้า
ข. มือทั้งสองข้างต้องจับอยู่ที่พวงมาลัย
ค. ใช้เบรกมือช่วย
ง. หลีกเลี่ยงการเหยียบกระแทกเบรกสำหรับเบรกที่ไม่ใช่ระบบเบรก.ABS

71. การจอดรถลักษณะใดที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ

ก. จอดรถซ้อนคัน
ข. จอดรถชิดขอบทางด้านซ้าย
ค. จอดรถในลานจอดรถ
ง. จอดรถภายในอาคารจอดรถ

72. รูปใดต่อไปนี้ ห้ามจอด

ก. รูป 1 และรูป 2
ข. รูป 2 และรูป 3
ค. รูป 1 และรูป 3
ง. ทั้งรูป 1 2 และ 3

73. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรปฏิบัติอย่างไร

ก. มองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา
ข. เปิดสัญญาณไฟเพื่อเตือนให้รถคันที่ตามมาชะลอความเร็วลง
ค. ไม่จำเป็นต้องหันมองดูรถที่จอดอยู่ข้างหน้า มองแค่รถที่ตามมาก็พอ
ง. ให้สัญญาณมือเพื่อขอทาง

หมวดการบำรุงรักษารถ

1. แบตเตอรี่ควรมีฉนวนหุ้มที่ขั้วแบตเตอรี่ขั้วใด

ก.ขั้วบวก
ข.ขั้วลบ
ค.ไม่จำเป็นต้องมีฉนวนหุ้ม
ง.หุ้มทั้งสองขั้ว

2. สาเหตุไฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอรี่เกิดจากอะไร

ก.เปิดเครื่องเสียงมากเกินไป
ข.ฉนวนหุ้มขั้วแบตเตอรี่หลุด
ค.เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวมากเกินไป
ง.ไดชาร์จชำรุดหรือสายพานไดชาร์จหย่อนหรือขาด

3. สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากสาเหตุใด

ก.กรองอากาศตัน
ข.น้ำมันเบรกหมด
ค.น้ำในหม้อน้ำแห้ง
ง.แบตเตอรี่ไม่มีไฟ

4. การตรวจเช็กแบตเตอรี่แบบง่าย ๆ ว่ามีไฟปกติหรือไม่ กระทำได้อย่างไร

ก.บีบแตรและฟังเสียงว่าปกติหรือเบาลง
ข.ออกรถ 2-3 เมตรแล้วทดสอบเบรก
ค.เหยียบคลัตช์และเข้าเกียร์ให้ครบ
ง.หมุนพวงมาลัยไปด้านซ้ายและขวา

5. ผู้ขับขี่ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อใด

ก.เมื่อมีหมอกฝน ฝุ่น ควัน ในทางเดินรถ
ข.เมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก
ค.เมื่อจะกลับรถหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
ง.เมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ

6. วิธีใดเป็นวิธีการแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดไฟลัดวงจร

ก.รีบเปิดฝาหม้อน้ำทันที
ข.ดับเครื่องยนต์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
ค.รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ง.ใช้น้ำสาดทันที

7. ถ้าขั้วแบตเตอรี่มีคราบขี้เกลือ วิธีการใดเป็นการแก้ไขที่ดีที่สุด

ก. ใช้น้ำอุ่นล้างและทาจาระบี
ข. ใช้น้ำส้มสายชูล้าง
ค. ใช้น้ำมะนาวล้าง
ง.ใช้น้ำกลั่นล้าง

8. ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วใดก่อน

ก. ขั้วไหนก่อนก็ได้
ข. ขั้วบวก
ค. ทั้งสองขั้วพร้อมกัน
ง. ขั้วลบ

9. น้ำที่ใช้เติมในแบตเตอรี่ ควรใช้น้ำชนิดใด

ก. น้ำกลั่น
ข. น้ำฝน
ค. น้ำบาดาล
ง. น้ำสบู่

10. การเติมน้ำกลั่นควรให้อยู่ระดับใดของแบตเตอรี่

ก. ให้อยู่ระหว่างขีดที่กำหนด
ข. เติมให้อยู่ระดับขีดต่ำกว่าที่กำหนดเล็กน้อย
ค. เติมให้อยู่ระดับสูงกว่าที่กำหนดเล็กน้อย
ง. เติมจนล้นแล้วปิดฝา

11. ขณะขับรถไฟเตือนสีใดไม่ควรแสดงอยู่บนแผงหน้าปัด

ก. สีเขียว
ข. สีเหลือง
ค. สีแดง
ง. สีน้ำเงิน

12. คราบขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่เกิดจากสาเหตุใด

ก. ฝุ่นละอองไปเกาะ
ข. น้ำกรดทำปฏิกิริยากับอากาศ
ค. น้ำไปโดนที่ขั้วแบตเตอรี่
ง. ฉนวนหุ้มขั้วแบตเตอรี่สกปรก

13. แบตเตอรี่รถยนต์มีหน้าที่อย่างไร

ก. เก็บรักษาไฟฟ้าและจ่ายกระแสไฟ
ข. ใช้เวลาดับเครื่องยนต์
ค. ตัดกระแสไฟ
ง. ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าในรถยนต์

14. แบตเตอรี่รถยนต์จะมีขนาดแรงดันไฟฟ้ากี่โวลท์

ก. 12 โวลท์
ข. 15 โวลท์
ค. 24 โวลท์
ง. 220 โวลท์

15. ไดสตาร์ททำหน้าที่อะไร

ก. ทำให้หมุนพวงมาลัยได้ดี
ข. ทำให้เครื่องยนต์ติด
ค. ทำให้ระบบเบรกทำงานดีขึ้น
ง. ทำให้แอร์ในรถเย็นขึ้น

16. ข้อใดคือความตึงของสายพานพัดลมและไดชาร์ทที่ถูกต้อง

ก. 5-15 มิลลิเมตร
ข. 20-25 มิลลิเมตร
ค. 25-30 มิลลิเมตร
ง. 30-35 มิลลิเมตร

17. ขณะขับรถไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าไฟเตือนสีแดงแสดงเกิดจากสาเหตุใด

ก. ไดชาร์ทชำรุด
ข. แบตเตอรี่เสีย
ค. แบตเตอรี่ใกล้หมดอายุ
ง. น้ำกลั่นแห้ง

18. การเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ควรเติมให้ท่วมแผ่นธาตุประมาณเท่าไร

ก. 1 นิ้ว
ข. 2 นิ้ว
ค. 3 นิ้ว
ง. 4 นิ้ว

19. ไดชาร์จทำหน้าที่อะไร

ก. ทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์
ข. ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าในรถยนต์
ค. ทำหน้าที่ดับเครื่องยนต์
ง. ทำหน้าที่เช็กอุณหภูมิความร้อนในรถยนต์

20. ท่านควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงรถเครื่องยนต์เบนซินอย่างไร

ก. เติมค่าที่ต่ำกว่าค่าที่กำหนดเพื่อความประหยัด
ข. เติมสูงกว่าค่าที่กำหนดเพื่อป้องกันเครื่องยนต์เสียหาย
ค. เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
ง. เติมค่าเท่าใดก็ได้ตามความสะดวก

21. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีความหมายอย่างไร

ก. น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล
ข. น้ำมันที่มีส่วนผสมของสารตะกั่ว
ค. น้ำมันที่ได้จากพืช 100 เปอร์เซ็นต์
ง. น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันหล่อลื่น

22. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีค่าออกเทนสูงสุดเท่าใด

ก. ค่าออกเทน 98
ข. ค่าออกเทน 95
ค. ค่าออกเทน 91
ง. ค่าออกเทน 87

23. ในการตรวจเช็กน้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเครื่องยนต์เราควรตรวจสิ่งใดเป็นหลัก

ก. การเผาไหม้ของเครื่องยนต์
ข. การปลอมปนของน้ำมัน
ค. สภาพของท่อน้ำมันและรอยรั่วซึม
ง. ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง

24. หากท่านเติมน้ำมันผิดประเภทควรปฏิบัติอย่างไร

ก. เติมชนิดที่ถูกเข้าไปเพื่อทำให้เจือจาง
ข. ขับไปให้หมดถังแล้วเติมชนิดที่ถูกเข้าไป
ค. ทำการเปลี่ยนถ่ายออกทันที
ง. ขับไปถ้ามีผลต่อเครื่องยนต์ค่อยถ่ายออก

25. หากท่านตรวจพบว่าท่อน้ำมันเริ่มมีรอยน้ำมันซึมออกมาท่านควรทำอย่างไร

ก. สลับท่อไปไว้ในท่อแรงดันต่ำ
ข. ใช้เทปรัดให้แน่นขึ้น
ค. ใช้ไปได้จนกว่าจะมีรอยหยดของน้ำมัน
ง. ทำการเปลี่ยนท่อใหม่

26. หากรถของท่านเกิดท่อน้ำมันรั่วท่านควรทำอย่างไร

ก. ดับเครื่องยนต์และไม่ควรขับรถต่อไปเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้
ข. ขับไปหาศูนย์บริการเพื่อทำการซ่อม
ค. ใช้เทบรัดและขับไปหาช่าง
ง. นำขวดมารองน้ำมันที่รั่วและขับต่อไป

27. ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก. ไม่ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นลงไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิ
ข. การเติมน้ำมันควรเติมในช่วงกลางวัน
ค. เราไม่สามารถเติมน้ำมันค่าออกเทน 95 แทนออกเทน 91 ได้
ง. น้ำมันที่แพงคือน้ำมันที่ดีที่สุด

28. เครื่องยนต์เบนซินกับเครื่องยนต์ดีเซลมีข้อแตกต่างอย่างไร

ก. มีระบบการสตาร์ทต่างกัน
ข. มีระบบการใช้น้ำระบายความร้อนต่างกัน
ค. เครื่องยนต์เบนซินใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด
ง. มีระบบไฟต่างกัน

29. ในกรณีที่รถให้ใช้น้ำมันออกเทน 95 เท่านั้น ถ้าหากเราเติมน้ำมันค่าออกเทน 91 จะมีผลอย่างไร

ก. ใช้งานได้ตามปกติ
ข. เครื่องยนต์เกิดการสะดุด (น็อก)
ค. เครื่องยนต์พังทันทีหากใช้งาน
ง. ไม่มีผลต่อการใช้งาน

 30. ในกรณีที่เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าในคู่มือการใช้จะมีผลอย่างไร

ก. เครื่องยนต์ร้อนขึ้นกว่าเดิม
ข. ไม่มีผลต่อการใช้งาน
ค. เครื่องยนต์สึกหรอกว่าปกติ
ง. รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นกว่าปกติ

31. ในขณะที่ท่านเติมน้ำมันเชื้อเพลิงท่านควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ดับเครื่องยนต์
ข. ลงจากรถและเดินออกให้ไกล
ค. ไม่ต้องทำอะไร
ง. ติดเครื่องยนต์ไว้

32. การตรวจเช็กรอยรั่วซึมระบบเชื้อเพลิงท่านควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ใช้น้ำสบู่เช็ดหาคราบน้ำมัน
ข. ใช้ไฟฉายหรือไฟแช็กส่องดูถ้ามองไม่เห็น
ค. ใช้จากการสังเกตและการดมกลิ่น
ง. ใช้มือหมุนท่อยางหาความบกพร่อง

33. หากท่านใช้ก๊าชธรรมชาติ CNG จะมีผลต่อเครื่องยนต์อย่างไร

ก. ไม่มีผลต่อเครื่องยนต์
ข. เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าการใช้น้ำมัน
ค. เครื่องยนต์จะเย็นกว่าปกติ
ง. อายุการใช้งานหัวเทียนมากกว่าการใช้น้ำมัน

34. น้ำมันเบนซิน E85 หมายความว่า

ก. มีส่วนผสมของเมทานอล 15 ส่วน
ข. มีส่วนผสมของเอทานอล 15 ส่วน
ค. มีส่วนผสมของน้ำมัน 85 ส่วน
ง. มีส่วนผสมของเอทานอล 85 ส่วน

35. น้ำมันเชื้อเพลิงในข้อใดมีการระเหยเร็วมากที่สุด

ก. น้ำมัน E85
ข. น้ำมัน E20
ค. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95
ง. น้ำมัน 95

9.36.รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีสัญญาณเตือนในระบบกรองดักน้ำ  ท่านควรทำอย่างไร

ก. ถอดกรองดังน้ำออกมาทำความสะอาด
ข. ให้ช่างเปลี่ยนกรองดักน้ำ
ค. ถ่ายน้ำออกจากกรองดักน้ำ
ง. ดับเครื่องยนต์และสตาร์ทเครื่องใหม่

37. รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีควันดำมากผิดปกติเกิดจากสาเหตุใด

ก. กรองอากาศตัน
ข. เติมน้ำมันผิดประเภท
ค. เติมน้ำมันปลอม
ง. ในน้ำมันเชื้อเพลิงมีน้ำผสมอยู่

38. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของน้ำมันเครื่องยนต์

ก. ระบายความร้อน
ข. รองหรือคั่นหน้าผิวสัมผัส
ค. สร้างความหนืด
ง. ชำระสิ่งสกปรกเครื่องยนต์

39. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ ควรต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นส่วนใดของเครื่องยนต์ด้วย

ก. สายพานเครื่องยนต์
ข. หัวเทียน
ค. กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
ง. กรองน้ำมันเครื่อง

40. การตรวจเช็กระดับน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ตรวจเช็กที่อุปกรณ์ส่วนใดของเครื่องยนต์

ก. อ่างน้ำมันเครื่อง
ข. ฝาเติมน้ำมันเครื่อง
ค. กรองน้ำมันเครื่อง
ง. ก้านวัดน้ำมันเครื่อง

41. ข้อใดเป็นขั้นตอนก่อนตรวจเช็กและเติมระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ที่ถูกต้อง

ก. จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังติดเครื่องยนต์อยู่อย่างน้อง.10-15 นาที
ข. จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังไม่ติดเครื่อง หรือดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 10-15 นาที
ค. จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันหลังดับเครื่องยนต์ทันที
ง. จอดรถบนพื้นราบ เช็กน้ำมันขณะยังติดเครื่องยนต์ หรือดับเครื่องยนต์ทันที

42. ข้อใดคือวิธีการสังเกตรอยรั่วซึมของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์

ก. สังเกตที่พื้นที่รถจอด และตามรอยต่อ หรือข้อต่อเครื่องยนต์
ข. สังเกตที่อาการเสียงดังของเครื่องยนต์
ค. สังเกตได้จากการดมกลิ่นน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์
ง. สังเกตจากความร้อนที่ขึ้นสูงของเครื่องยนต์

43. หากลมยางล้อหน้าด้านซ้ายอ่อนเวลาขับรถจะมีผลอย่างไร

ก. ยางล้อหลังสึกหรอไม่สม่ำเสมอ
ข. รถกินน้ำมันน้อยกว่าปกติ
ค. พวงมาลัยกินไปด้านขวา
ง. พวงมาลัยกินไปด้านซ้าย

44. ถ้าเติมลมยางอ่อนเกินไป จะมีผลกับยางอย่างไร

ก. ดอกยางตรงกลางจะสึกเร็วกว่าปกติ
ข. การขับขี่จะแข็งกระด้าง
ค. ทำให้ดอกยางทางด้านข้างทั้งสองสึกหรอ
ง. ทำให้กินน้ำมันน้อยลง

45. ถ้าเติมลมยางแข็งเกินไป จะมีผลกับยางอย่างไร

ก. ดอกยางตรงกลางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ
ข. การขับขี่จะนุ่มนวลขึ้น
ค. ทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิง
ง. ดอกยางด้านข้างจะสึกเร็วกว่าปกติ

46. การตรวจสอบลมยางข้อใดถูกต้อง

ก. 1 เดือน
ข. 2 เดือน
ค. 3 เดือน
ง. อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

47. การเติมลมยางข้อใดถูกต้อง

ก. เติมในขณะยางยังร้อนอยู่
ข. ควรเติมลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่
ค. ควรเติมลมยางให้แข็งมาก ๆ
ง. ควรเติมลมยางให้อ่อนมาก ๆ

48. โดยปกติการสลับยางควรสลับทุกระยะทางกี่กิโลเมตร

ก. 10,000 กิโลเมตร
ข. 25,000 กิโลเมตร
ค. 30,000 กิโลเมตร
ง. 35,000 กิโลเมตร

49. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิด

ก. ใช้ยางเก่าเก็บ
ข. ใช้ยางหมดอายุ
ค. บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
ง. เติมลมยางให้พอดีตามที่กำหนด

50. ยางมีหน้าที่อย่างไร

ก. ตัดต่อเครื่องยนต์
ข. ทำให้รถมีกำลังขับเคลื่อน
ค. ช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ลื่นไถล
ง. ระบายความร้อน

51. การเติมลมยางสำหรับรถยนต์ ควรปฏิบัติอย่างไร

ก. ใช้วิธีเคาะแล้วฟังเสียงยาง
ข. คาดคะเนด้วยสายตา
ค. ปฏิบัติตามคู่มือการใช้รถ
ง. เติมเท่าไรก็ได้

52. ฝาปิดจุ๊บลมยางมีประโยชน์อย่างไร

ก. ป้องกันลมรั่วซึมและสิ่งสกปรกต่าง ๆ
ข. ป้องกันยางแตก
ค. ป้องกันการขโมยยาง
ง. ป้องกันไม่ให้ใครมาเติมลม

53. การเปลี่ยนขนาดยางเล็กเกินไปจะเกิดผลเสียอย่างไร

ก. ทำให้กินน้ำมันมากกว่าเดิม
ข. พวงมาลัยหนักขณะใช้ความเร็วต่ำ
ค. ยางจะเสียดสีกับตัวถังรถ
ง. ความสามารถในการรับน้ำหนักลดน้อยลง

54. การเปลี่ยนขนาดยางใหญ่เกินไปจะเกิดผลเสียอย่างไร

ก. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ข. ความสามารถในการรับน้ำหนักลดน้อยลง
ค. การสึกหรอของดอกยางจะมากขึ้น
ง. พวงมาลัยจะเบามากเมื่อความเร็วต่ำ

55. ตัวเลขสองตัวแรก 21 บ่งบอกถึงอะไร

ก. วันที่ผลิตยาง
ข. สัปดาห์ของปีที่ผลิตยาง
ค. เดือนที่ผลิตยาง
ง. ปี ค.ศ.

56. ตัวเลขสองตัวหลัง 13 บ่งบอกถึงอะไร

ก. ปี ค.ศ.ที่ผลิต
ข. วันที่ผลิต
ค. สัปดาห์ที่ผลิต
ง. ปี ค.ศ.ที่ยางหมดอายุ

นี่เป็นเพียงแนวข้อสอบใบขับขี่รถยนต์ 2566 “บางส่วน” เท่านั้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการทบทวนข้อเขียนใบขับขี่ ท่านสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ “อยากสอบผ่านอ่านทางนี้! รวมป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ที่ต้องรู้ก่อนสอบใบขับขี่” หรือทำข้อสอบใบขับขี่ 2566 พร้อมเฉลยผ่าน แอปพลิเคชันข้อสอบใบขับขี่ (Android) / ข้อสอบใบขับขี่ (IOS)ได้ ส่วนบทความหน้า Khaorot จะนำสาระดี ๆ อะไรมาฝากอีก โปรดติดตาม

ประเด็น: เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2566, แนวข้อสอบใบขับขี่, ข้อสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 2566 พร้อมเฉลย, สอบข้อเขียนใบขับขี่

ศูนย์กลางการประกาศซื้อขายรถยนต์ขั้นนำในประเทศ ราคาดี ถูกใจคุณ : https://chobrod.com

อ่านเพิ่มเติม: 

โปรโมชั่น ดูทั้งหมด

โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 สิทธิพิเศษจากฟอร์ดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถแต่ยังไม่มีงบ พร้อมทั้งโปรโมชั่น Ford อื่น ๆ เช็กได้กันเลย

โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 สิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าอีซูซุที่ยกมาให้เลือกพิจารณากันทั้งค่าย เช็กโปรโมชั่น Isuzu ได้ที่นี่

โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 สิทธิดี ๆ ส่วนลดสุดปัง สำหรับรถยนต์ผู้ที่สนใจรถยนต์นิสสัน เช็กรายละเอียดโปรโมชั่น Nissan ได้ที่นี่

โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ

โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายให้ที่ Suzuki นำมามอบให้แบบจัดเต็ม!

International

Cars in Thailand Chobrod.com (Cars in Thailand)