รีวิว Chevrolet Captiva 2019 เทสต์ไดร์ฟ ทดลองขับ เมื่อยักษ์ใหญ่สวมหัวใจจิ๋ว

Chevrolet Captiva 2019 เป็นรถยนต์โมเดลใหม่ในรอบหลายปีของ เชฟโรเลต ประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนระหว่าง SAIC, GM และ Wuling Automobile แถมยังทำตลาดในหลายประเทศ และของไทยเองก็เลือกนำชื่อ Chevrolet Captiva 2019 มาสานต่อ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย

Chevrolet Captiva 2019 พัฒนาภายใต้แนว 3S ประกอบด้วย Style โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน Space พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางเอนกประสงค์ และ Smart Technology นำเข้าจากอินโดนีเซีย ก่อนเปิดตัวได้ทดสอบขับทั่วโลกกว่า 250,000 กิโลเมตร และทดสอบในเมืองไทยอีก 90,000 กิโลเมตร 

ซึ่งในเปิดการทดสอบสำหรับสื่อมวลชนครั้งนี้มีชื่อว่า “Driven to Achieve” ขับขี่เพื่อทุกความสำเร็จ กับสมรรถนะการขับขี่บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางร่วม ๆ 280 กม. ได้สัมผัสเทคโนโลยีและฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Chevrolet Captiva 2019 รวมถึงฟีลลิ่งการขับขี่ ก็พบประเด็นน่าสนใจหลายอย่างที่เราจะสรุปให้ฟัง ดังนี้

Chevrolet Captiva 2019 ตอบโจทย์การวิจัยทางตลาด

ก่อนเริ่มเดินทาง เชฟโรเลต ประเทศไทย ได้ทำการบรีฟเกี่ยวกับรถยนต์ แจ้งข้อมูลที่มาที่ไปในการเลือก Chevrolet Captiva 2019 มาทำตลาด เช่น เป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย "เพราะครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด" พร้อมกับรูปลักษณ์ด้านดีไซน์ที่ดีทำให้คนไทยตัดใจเลือกรถ SUV รุ่นนั้น และสุดท้ายคือไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้คือ ฟังเพลง, ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยวถ่ายภาพ ตามลำดับ 

Chevrolet Captiva 2019 คือพี่บิ๊ก ที่คุณสามารถจับต้องได้ง่ายสุด  

ส่งผลต่อเนื่องจากการวิจัย เมื่อคนชอบรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ หากหารุ่นเทียบราคา 1 ล้านบาท - 1.2 ล้านบาท ก็จะได้รถกลุ่ม B SUV เพื่อให้เห็นภาพชัด เราจึงของนำด้วยมิติรถ Chevrolet Captiva 2019 เทียบรถขนาด C SUV รุ่นที่มีให้เลือก 5 และ 7 ที่นั่งเหมือนกัน ดังนี้ ยาว 4,655 มม. (ยาว 4,571 มม.) กว้าง 1,835 มม. (กว้าง 1,855 มม.) สูง 1,760 มม. (สูง 1,657 มม.) ระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มม. (ความสูงใต้ท้อง 198 มม.) และนี่คือจุดแข็งที่สุด Chevrolet Captiva 2019

Chevrolet Captiva 2019 ขุมกำลังเบนซินที่แค่พอใช้

Chevrolet Captiva 2019 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟต์ (DOHC) พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ (DVVT) ให้พละกำลัง 143 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผันแบบต่อเนื่อง CVT พร้อมโหมด Shift Control 8 สปีด รองรับน้ำมัน E10 ผ่านมาตรฐานมลพิษไอเสียยูโร 4

แม้ตัวเลขจะดูสวย แรงไม่ธรรมดา แต่จากการทดสอบจริงโดยรวมนับว่าแค่พอใช้ ด้วยตัวเลข ดังนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. นั้นทำได้ประมาณ 13.2 วินาที เพราะว่า Chevrolet Captiva 2019 มีบอดี้ที่ใหญ่ส่งผลกระทบอย่างจัง น้ำหนักรถราว ๆ ตันครึ่ง โดยแบ่งตามรุ่นคือ 1,520 กก. (รุ่น LS), 1,600 กก. (รุ่น LT), 1,630 กก. (รุ่น Premier) และเมื่อมีผู้นั่งโดยสาร ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักเข้าไปอีก และที่สำคัญ Chevrolet Captiva 2019 ถือว่าซดน้ำมันสวนกับเครื่องยนต์ที่ดูเล็กอย่าง 1.5 ลิตร โดยผลการทดสอบ ในรอบขากลับทำได้ที่ 9.5 กม./ลิตร

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงขากลับเข้ากรุงเทพฯ

ฟีลลิงการขับโดยรวมของ Chevrolet Captiva 2019 

ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้ฟีลลิ่งในการขับที่ดี น้ำหนักเบาในความเร็วต่ำ และหนักขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง วงเลี้ยวเป็นธรรมชาติ ในเส้นช่วงออกจากหนองหญ้าปล้องเข้าหัวหินผ่านเส้นทางลัดเลาะ การบังคับเลี้ยวทำได้สบาย รวมถึงคันเร่งที่เติมแล้วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ฟีลลิ่งการเบรกอยู่ในมาตรฐาน การเซตช่วงล่างค่อนข้างนิ่ม ผู้เขียนได้ทดสอบขับผ่านทางหลุมก็สะเทือนเล็ก ๆ และการที่ช่วงล่างนิ่มทำให้รถมีการเด้ง ๆ เล็กน้อยเมื่อเจอถนนที่เป็นคลื่น รวมถึงการโยนตัวเมื่อเลี้ยว เพราะด้วยน้ำหนักตัวรถและช่วงล่างยกสูงสไตล์ SUV ทำให้มีเสียงบ่นจากสื่อหลายคนที่นั่งแถวหลังว่าเมารถ 

ชุดเครื่องเสียง Infinity by Harman จอสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว และกล้อง 360 องศา คือดี..

 3 อย่างนี้คือทีเด็ด จอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว พร้อม Chevrolet Link ภาพสวยคมชัด ทัชสกรีนได้ง่าย ทำให้โดยรวมในห้องโดยสารทันสมัยมาก สามารถเชื่อมต่อกับ Android Auto ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอได้ และสามารถประยุกต์ใช้งานได้อีกเยอะ มีความสุนทรีย์ด้วย ชุดเครื่องเสียง Infinity by Harman ที่เราทดสอบในรุ่น Premier ลำโพง 9 ตัว (4 speakers, 4 twitters และ 1 subwoofer) ส่วนตัวผู้เขียนว่าก็คิดว่าเสียงใสดี แต่เหมือนขาดด้านเบสที่ไม่ค่อยแน่นอย่างที่คิดไว้ แต่ภาพรวมถือว่าดี สุดท้ายคือกล้อง 360 องศา เมื่อส่งภาพมาที่ชุดจอ ขนาด 10.4 นิ้ว เห็นรายละเอียดครบรอบคัน ใหญ่เต็มตา

และจุดเด่นนี้เชฟโรเลตก็ลองให้แข่งขันเข้าช่องจอด ใช้เพียงกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา มีภาพมุมสูงบนจอแสดงผล พร้อมเส้นกะระยะ ด้วยการใช้กล้องหลายจุดรอบคัน และการแข่งขันนี้ทุกคนทำได้โดยไม่ใช้กระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลังเลย

ความเพี้ยน ๆ ของ User Experience Design (UX) ใน Chevrolet Captiva 2019 

มาถึงจุดด้อยและควรต้องปรับปรุงของ Chevrolet Captiva 2019 กันบ้าง เรื่องแรกคือปุ่มเปิด-ปิด แทรคชั่นคอนโทรล ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการขับขี่ รถยนต์เกือบทุกรุ่นจะมีเซฟตี้คือต้องกดค้างเพื่อปิด แต่ใน Chevrolet Captiva 2019 เพียงแค่กดก็ปิด และที่สำคัญไปวางไกลตัวผู้ขับ และใกล้ผู้โดยสารมากเกินไป

การปรับแอร์ไม่แสดงโหมดที่เลือกใช้อยู่ อย่างใน Chevrolet Captiva 2019 ให้เราควบคุมชุดปรับอากาศผ่านจอ สัมผัสขนาด 10.4 นิ้ว แต่เมื่อเปิดดู ระบบแอร์หมุนวนภายในห้องโดยสารมี ให้เปลี่ยนโหมดแต่ไม่แสดงว่าอยู่โหมดอะไร งงกันทั้งรถว่าตอนนี้เราอยู่โหมดอะไรกันแน่...

แผงหน้าปัดในรุ่นท็อป Premier สุดครีเอทและแตกต่าง โดยให้เป็นแผงหน้าปัดแบบดิจิทัล แต่แสดงผลรอบเครื่องยนต์จากขวาไปซ้าย ทำให้ระหว่างขับขี่ผู้นั่งโดยสารที่ไปด้วยถามว่าทำไมถึงรอบเครื่องสูงจัง ออ..เข็มจากขวาไปซ้าย ผิดกับอีก 2 รุ่นย่อยที่ปรกติ เลยต้องมานั่งทบทวนกันดูว่านี้เน้นความครีเอทหรือที่ทำให้ผู้ใช้สับสนได้ง่าย ถูกต้องแล้วหรือ ?

แผงหน้าปัดในรุ่นท็อป Premier

แผงหน้าปัดในรุ่น LT และ LS

บทสรุปของ Chevrolet Captiva 2019

สำหรับผู้ทดสอบแล้ว โดยรวม Chevrolet Captiva 2019 ถือว่ามีรูปโฉมที่ดูดีถูกจริตพอสมควร แต่ในการทดสอบก็เห็นความไม่สมส่วนของบอดี้รถที่ใหญ่กับ ล้ออัลลอย 17 นิ้วและยาง 215/60 ที่ไม่บึกบึนสมส่วนเท่าไหร่ ฟีลลิ่งการขับขี่ถือว่าผ่าน เครื่องยนต์ก็น่าติติงเรื่องรองรับน้ำมันเพียง E10 เพราะหากมองเรื่องความคุ้มค่าในการขับขี่ E20 ตอบโจทย์ที่สุด

รวมถึงความคาดหวังด้านราคา Chevrolet Captiva 2019 อยู่ที่ 999,000 - 1,199,000 บาท น่าจะเติมเต็มอะไรได้มากว่านี้ เช่น ระบบ Paddle Shift, ระบบ Adaptive Cruise Control หรือประตูหลังไฟฟ้า ก็จะดูสมบูรณ์และรู้สึกคุ้มกว่านี้

สุดท้ายก็เป็นเพียงความเห็นความผู้ทดสอบ และการตัดสินสุดท้ายคือคุณ ๆ และคุณ ครับ

ขอขอบคุณ เชฟโรเลต เซลล์ ประเทศไทย สำหรับการเชิญร่วมกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้ 

ดูเพิ่มเติม

• Daihatsu Copen GR Sport 2020 เล็กแต่ซ่าแบบเคคาร์หัวร้อน
• Toyota Mirai 2020 รถไฟฟ้าพลังไฮโดรเจนโฉมต่อไปใหญ่พอ ๆ กับ Toyota Crown