รีวิว Suzuki Swift 2018 อีโคคาร์ตัวเล็ก สไตล์สปอร์ต ราคาจาก 499,000 บาท

1. แนะนำ

Suzuki Swift 2018

ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว  ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ทั้งประหยัดเชื้อเพลิงและก่อเกิดมลพิษน้อย ทำให้ผู้ขับขี่หันมาสนใจจับจองกันมากขึ้น โดยมีหลายค่ายทยอยกันผลิตอีโคคาร์ออกมาสู่ท้องตลาดเพื่อให้ผู้ขับขี่มีตัวเลือกมากขึ้น รวมถึงค่าย Suzuki ก็หันมาผลิตอีโคคาร์ด้วยเช่นกัน โดยปล่อยตัว Suzuki Swift ออกมา เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการครองตลาดอีโคคาร์ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่อยากซื้อรถคันแรกต่างถูกอกถูกใจกันอย่างมาก และล่าสุดทางซูซูกิก็ได้เวลาปรับปรุงโฉมครั้งใหญ่ ทั้งภายนอก ภายใน ให้ดูดีกว่าเดิม ซึ่ง Suzuki Swift 2018 นี้เรียกกระแสตอบรับได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะความปราดเปรียวขณะออกตัวที่หลายคนถูกใจกันมาก และวันนี้ ทาง Khaorot.com เรามีรีวิวรายละเอียดมาฝาก

ดูเพิ่มเติม:  รถ Suzuki

2. รีวิวภายนอก

Suzuki Swift 2018 มีขนาดตัวถัง (กว้าง X ยาว X สูง) 1,735 X 3,840 X 1,495 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อคู่หน้า/หลัง (Front/Rear Thread) ของรุ่น GA และ GL อยู่ที่ 1,530 มิลลิเมตรเท่ากัน แต่ในรุ่น GLX และ GLX-Navi จะอยู่ที่ 1,520/1,525 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 120 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 875-910 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย และมีถังน้ำมันเล็กลงจาก 42 ลิตรเหลือเพียง 37 ลิตรเท่านั้น

มิติตัวถัง

หากเทียบกันกับ Suzuki Swift รุ่นพี่ ที่มีมิติตัวถังกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ยาว 3,850 มิลลิเมตร สูง1,510 มิลลิเมตร จะเห็นว่า Suzuki Swift ตัวใหม่มีขนาดสั้นกว่าเดิม 10 มิลลิเมตร เตี้ยลง 15 มิลลิเมตร แต่ความกว้างเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร ซึ่งระยะฐานล้อก็เพิ่มตามไปด้วยอีก 20 มิลลิเมตร  ซึ่งตัวถังที่เตี้ยลงนี้จะทำให้ขับสนุกมากขึ้น เพราะรถมีการยึดเกาะถนนได้ดีกว่าแบบเก่า การเลี้ยวหรือบังคับง่ายดายกว่าเดิม

กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เป็นทรงหกเหลี่ยม

จากภายนอก Suzuki Swift 2018 มีขนาดสั้น กระทัดรัด ดูผิวเผินคล้ายกับ mini + Mazda3 2018 อยู่ในที โดยด้านหน้ามีการออกแบบกระจังหน้าเป็นทรงหกเหลี่ยมดูแปลกตา คาดด้วยเส้นสีแดงเพิ่มความสปอร์ตให้ความรู้สึกมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น ไฟหน้ารุ่น GLX และ GLX-Navi เป็นแบบ LED โปรเจคเตอร์ที่ปรับระดับสูง-ต่ำได้ ส่วนในรุ่น GA และ GL เป็นไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ฮาโลเจน ในรุ่น GLX และ GLX-Navi   จะมี Daytime Running Light เรียงตัวแนวยาวตามขอบล่างของกรอบไฟหน้า ดูโฉบเฉี่ยว และมีไฟตัดหมอกคู่หน้าให้ ซึ่งไม่มีในรุ่น GA และ GL สำหรับไฟท้ายเป็น LED รูปทรงสุดล้ำเหมือนกันทั้ง 4 รุ่นย่อย

ด้านข้างมีความโค้งนูนเพื่อให้ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางมากขึ้น ขอบหลังคาบริเวณเสา A ถูกยกสูงและลาดเอียงลงมาที่เสา C ดูสปอร์ตทันสมัย เพิ่มความโดดเด่นด้วยมือจับประตูที่นั่งด้านหลัง ที่ถูกนำไปไว้ตรงเสา C ดูกลมกลืนจนหลายๆคนอาจหาที่เปิดประตูไม่เจอ เรียกได้ว่าเป็นดีไซน์แปลกใหม่ทีเดียว  

ล้ออัลลอยสีเงิน 16 นิ้ว มาพร้อมกับยางขนาด185/55 R16 ในรุ่น GLX และ GLX-Navi  และล้อธรรมดา 175/65R15 สำหรับรุ่น GA และ GL ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ใช่ล้อทูโทนแบบที่วางขายในญี่ปุ่น 

ดูเพิ่มเติม:  รถซูซูกิ

มือจับประตูที่นั่งด้านหลังที่กลมกลืน

เปรียบเทียบ Suzuki Swift 2018 vs. Toyota Yaris 2018 หมัดต่อหมัด!!

3. รีวิวภายใน

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำสไตล์สปอร์ต

ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัวคอนโซลด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยแถบบาร์สีขาวซึ่งสามารถสั่งเปลี่ยนเป็นสีแดงได้หากใครไม่ชอบ พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังเป็นพาวเวอร์ไฟฟ้ามัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน รูป D shape เพื่อเพิ่มพื้นที่ตรงช่วงระหว่างขา ตัวพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ระดับ จับถนัดมือมากขึ้น โดยมีระบบ Cruise Control และฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงในรุ่น GLX และ GLX-Navi เท่านั้น มาตรวัดต่างๆด้านหน้าพวงมาลัยออกแบบเป็นทรงกลมตกแต่งด้วยเส้นสีแดงเน้นความเป็นสปอร์ต กุญแจของรุ่น GA และ GL เป็นแบบธรรมดาบ้านๆ ยังต้องเสียบที่รูกัญแจกันอยู่ แต่ใน GLX และ GLX-Navi จะยกระดับเป็นแบบ Push start ที่ดูดีกว่ากันมาก

Suzuki Smart Connect หน้าจอระบบสัมผัส MID ขนาด 7 นิ้ว

สำหรับการรีวิวด้านความบันเทิงนั้น เป็น Suzuki Smart Connect โดยมีหน้าจอระบบสัมผัส MID ขนาด 7 นิ้วมาให้ ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Car Play ได้อย่างง่ายดาย พร้อมเชื่อมต่อกับระบบ Bluetooth และมีระบบ Navigator ในตัวซึ่งข้อมูลแผนที่จะถูกเก็บเอาไว้ใน SD card  โดยตัว Suzuki Smart Connect นี้จะมีเพียงในรุ่น  GLX-Navi  เท่านั้น และน่าเสียดายที่ไม่สามารถเล่นแผ่นซีดีได้ นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบ USB และ AUX อย่างละหนึ่งจุด ที่อาจจะดูน้อยไปบ้าง

ด้านเครื่องเสียงติดตั้งลำโพงทั้งหมด 6 ตำแหน่ง (เฉพาะ GL GLX และ GLX-Navi)  ที่อยู่ด้านหน้าและหลังอย่างละ 2 ตำแหน่ง พร้อมทวีตเตอร์ด้านหน้าอีก 2 ตำแหน่ง ส่วนคุณภาพเสียงถือว่าพอใช้ได้ เหมาะสำหรับฟังเพลงสบายๆที่ไม่เน้นเสียงเบสแบบหนักหน่วง 

ปุ่มปรับอากาศอัตโนมัติ

ด้านล่างเป็นปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ ที่สามารถปรับอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น GLX และ GLX-Navi) ปุ่มหมุนทนทาน ใช้งานง่าย ส่วนช่องแอร์ก็ออกแบบให้เป็นทรงกลมเข้าชุดกับการตกแต่งภายใน ซึ่งจะเห็นได้ในรถสปอร์ตหลายๆยี่ห้อ เช่น Audi ตรงคอนโซลกลางมีช่องใส่ขวดน้ำด้านหน้า 2 ช่องและหลังเบรกมืออีกหนึ่งช่อง ไม่มีกล่องเก็บของแบบฝาเปิด

ภายในห้องโดยสารกว้างกว่ารุ่นก่อน

ตัวเบาะหุ้มด้วยผ้า ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยใช้โฟมหนาเป็นเบาะรองรับ ให้สัมผัสนุ่มสบาย เข้ากับสรีระของผู้ขับขี่ เบาะหน้าปรับสูง-ต่ำได้ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสำภาระ โดยสามารถจุได้ถึง 265 ลิตร มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 58 ลิตร ใต้ห้องเก็บสัมภาระมีชุดอุปกรณ์ซ่อมยางฉุกเฉินแต่ไม่มียางอะไหล่มาให้

เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสำภาระมากขึ้น

บอกเล่าประสบการณ์ใช้รถ Suzuki Swift เรียบ หรู สไตล์สปอร์ต

4. เครื่องยนต์

ด้านขุมพลัง Suzuki Swift 2018 ได้มีการพัฒนาเพื่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอีโคคาร์เฟส 2 จึงติดตั้งเครื่องยนต์ตัวใหม่ K12M ที่มีขนาด 1.2 ลิตร จากของเดิม 1.25 ลิตร ใช้ระบบหัวฉีดคู่ Dual jet ที่ทำให้ละอองน้ำมันเชื้อเพลิงละเอียดมากขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยี EGR ที่มีการนำเอาไอเสียมาหมุนเวียนเผาไหม้อีกครั้งทำให้ปล่อยก๊าซ CO2 แค่เพียง 100 กรัม/กิโลเมตร และยังรองรับน้ำมันสูงสุด ได้ถึงระดับ Gasohol E20 ด้วยเหตุนี้ Suzuki Swift 2018 จึงมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน UN R101 ทั้งยังผ่านค่ามารตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 อีกด้วย นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ Idling Stop ช่วยดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะติดไฟแดงเพื่อช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองอีกขั้น

เครื่องยนต์ตัวใหม่ K12M ขนาด 1.2 ลิตร  Dual jet

โดยเครื่องยนต์ใหม่นี้ มีกำลังสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที จะเห็นได้ว่ามีแรงม้าลดลงจากเดิม 7 ถึงแรงม้า(รุ่นก่อน 90 แรงม้า) ซึ่งหลายคนแอบกังวลว่าจะเป็นเต่าคลานหรือเปล่า ขอบอกเลยว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับ Suzuki Swift 2018 แน่นอน เพราะมีการออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา ทำให้การออกตัวรวดเร็ว วิ่งฉิว แม้กระทั่งจังหวะเร่งแซงก็ทำได้ดีทีเดียวจนคุณต้องแปลกใจว่านี่ใช่เครื่อง 1,200 ที่ 83 แรงม้าจริงหรือ 

ระบบเกียร์อัตโนมัติ

Suzuki Swift 2018 นี้ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยมีระบบกันสั่นสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง (MacPherson strut with coil spring) ส่วนด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง (Torsion beam with coil spring) ที่ช่วยรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม

ระบบกันสั่นสะเทือนแบบใหม่

5. ระบบความปลอดภัยของ Suzuki Swift 2018

Platform Heartect

เชื่อมโครงสร้างเป็น Platform แทนการแยกเป็นส่วนย่อย

สำหรับระบบความปลอดภัย ทางซูซูกิ ได้คำนึงถึงจุดนี้เป็นอย่างมาก โดยเริ่มจากตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Platform Heartect ซึ่งมีรูปร่างโค้งมนเพื่อให้แข็งแรง ทนทานต่อการยุบตัว และยกระดับจุดที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นจุดเชื่อมต่อของโครงสร้างเพื่อลดการบิดตัว รวมไปถึงการลดน้ำหนักและให้เชื่อมกันเป็น Platform มากกว่าที่จะแยกเป็นแต่ละชิ้นส่วนย่อยๆ ทำให้มีความแข็งแกร่งว่ารุ่นก่อนมาก

ถุงลมนิรภัยให้ทั้งหมด 6 จุด

สำหรับอุปกรณ์ความปลอดภัยจะมีถุงลมนิรภัยให้ทั้งหมด 6 จุด คือ คู่หน้า คู่หลังและด้านข้าง (รุ่น GA มีเฉพาะคู่หน้า) ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุดทุกตำแหน่ง โดยคู่หน้ามีระบบดึงกลับอัตโนมัติและสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ มีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กตาม ISOFIX บนเบาะหลังทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนี้ยังติดตั้งมีระบบอื่นๆเพื่อช่วยด้านความปลอดภัยซึ่งจัดเต็มให้ทั้ง 4 รุ่นย่อย:

• ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS)

• ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิคส์ (EBD)

• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP)

• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS)

• ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill hold control)

• ระบบล็อกนิรภัยป้องกันเด็กเปิดประตูหลัง (Child proof lock)

• ระบบกุญแจนิรภัย (Immobilizer system)

• ระบบสัญญาณเตือนภัย (Security alarm)

6. ราคา Suzuki Swift 2018

Suzuki Swift 2018 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย:

• GA CVT 499,000 บาท

• GL CVT 536,000 บาท

• GLX CVT 609,000 บาท

• GLX-Navi CVT 629,000 บาท

โดยทำออกมา 6 สีด้วยกัน คือ Ablaze Red Pearl (ZTW), Speedy Blue Metallic (ZYH), Pure White Pearl (ZYG), Star Silver Metallic (ZTS),  Mineral Gray Metallic (ZTU), Super Black Pearl (ZTT)

สี Suzuki Swift 2018

7. สรุป

เรียกได้ว่า Suzuki Swift 2018 เป็นอีโคคาร์ในลุคสปอร์ตที่น่าลิ้มลองครับ  ด้วยขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งหนุ่มสาววัยทำงานที่ต้องการมีรถคันแรก นักศึกษาที่ต้องเดินทางในเมืองบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งแม่บ้านที่ต้องขับรถไปส่งลูกหลานและจ่ายตลาด ซึ่งฟังก์ชั่นที่ให้มาถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งาน โดดเด่นที่ประหยัดเชื้อเพลิง ลดมลภาวะเป็นพิษ และที่สำคัญด้านระบบความปลอดภัยยังให้มาแบบครบครันไม่หวงของทั้ง 4 รุ่นอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ Suzuki Swift 2018 จะเป็นรถสุดฮิตในขณะนี้ ซึ่งถ้าจะเลือกรุ่นที่คุ้มจริงๆผมว่า GLX เหมาะที่สุดครับทั้งราคาและออพชั่น แต่ถ้าไม่เดือดร้อนอะไรเพิ่มเงินอีก 20,000 บาท ก็จะได้เป็นตัวท็อป GLX-Navi ที่ฟังก์ชั่นครบครันมากขึ้นครับ ส่วนรุ่น GA หลายออพชั่นถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดายมาก เหลือเพียงอุปกรณ์ความปลอดภัยเท่านั้นที่ยังอยู่ครบ ซึ่งหากใครเน้นขับขี่ใกล้ๆ รูปทรงสวย ไม่ชอบระบบมากมาย ผมว่ารุ่น GA คงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณครับ

Review Suzuki Swift 2018 

ดูเพิ่มเติม:
รถยนต์สัญชาติอังกฤษ MG ZS บอกเล่าเก้าสิบ จากประสบการณ์ผู้ใช้จริง
บอกเล่าประสบการณ์ใช้รถยนต์ Honda City