Top รถหรูมือสองน่าซื้อ มีรุ่นไหนบ้าง

ภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองภายในบ้านเรานั้นถือว่ามีช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้าง เริ่มต้นตั้งแต่ระดับหลักหมื่นสูงไปจนถึงหลักล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าคลาสสิก รถแบรนด์ตลาดยอดนิยม ตลอดไปจนถึง รถ สปอร์ต ราคา ไม่ เกิน 1 ล้าน ที่ทำให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งยังได้ครอบครองรถในฝันได้เร็วขึ้นและยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้อีกด้วย

สำหรับ รถ หรู มือ สอง ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จึงเป็นราคาที่มีตัวเลือกให้ค่อนข้างเยอะ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจก็คงจะสามารถครอบครองรถได้ด้วยเงินสดอย่างง่ายดาย แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่หาเช้ากินค่ำและมีความฝันต้องการครอบครอง รถ หรู ราคา ถูก ก็มีทางเลือกให้คุณสามารถดาวน์และผ่อนได้ไม่ยากนัก ทั้งนี้ รถหรูแบรนด์ยุโรปนั้นมีความขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพที่ดีกว่าค่ายญี่ปุ่นอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีข้อเสียในเรื่องของระบบการใช้งานต่าง ๆ รวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงที่แพงกว่าค่ายรถญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของผู้ซื้อเป็นหลัก เพราะถ้าหากเจ้าของรถดูแลรถเป็นอย่างดีก็อาจจะไม่ต้องพบเจอกับปัญหาบานปลายเรื่องการซ่อมที่ไม่รู้จบอีกต่อไป วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่า รถหรูมือสองน่าซื้อจะมีรุ่นไหนบ้าง หาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้

Mercedes-Benz E-Class (W212)

ถ้าหากจะพูดถึงรถหรู เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องมีแบรนด์นี้อยู่ในใจอย่างแน่นอน นั่นก็คือ Mercedes-Benz E-Class รหัสรุ่น W212 ซึ่งถูกจัดว่าเป็นรุ่นรถยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากเบนซ์ ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถต้นแบบที่มีชื่อว่า Concept Fascination ที่ถูกเปิดตัวขึ้นในงาน Paris Motorshow 2008 ที่คงเอกลักษณ์ไฟหน้าไฟหน้าดวงคู่ฝั่งละ 2 ดวง รูปทรงสี่เหลี่ยมไม่เท่ากันที่มีชื่อเรียกว่า Rhomboid Headlamps จุดนี้เองจึงทำให้ถูกใจคนที่มีความชื่นชอบรถคันใหญ่และเรียบหรู ให้ภาพลักษณ์ออกแนวเป็นรถผู้บริหารอย่างสมฐานะ

โดยในปี 2553 ได้มีการเปิดตัวรุ่น E300 Avantgarde ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถยนต์ที่ลู่ลมมากที่สุด ในส่วนพละกำลังการขับเคลื่อนมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 219 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 - 5,000 รอบ/นาที พร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic Plus ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 247 กม./ชม.

BMW Series 5

มาต่อกันที่ BMW Series 5 รหัส F10 ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อกลางปี 2553 ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมไม่แพ้ค่ายรถหรูอื่นเลยทีเดียว เนื่องจากความโดดเด่นของรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ดูทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งในรุ่นนี้เองมีความโดดเด่นกับเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึง BMW คือกระจังหน้าไตคู่ หลังคาลาดแบบสปอร์ต และเส้นขอบหน้าต่างบานหลังหักมุมในแบบ Hofmeister Kink แม้ว่าในตอนเปิดตัวครั้งแรกจะมีราคาเกินล้าน แต่ในปัจจุบันก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถคันใหญ่ที่ไม่ได้มีภาพลักษณ์หรูหรามากมาย แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นสปอร์ตและดูเหมาะกับวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของขุมพลังเครื่องยนต์ของ BMW Series 5 มาพร้อมเครื่องยนต์ Advanced Diesel แบบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8HP Sports Automatic 8 สปีด มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.2 วินาที อัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 16.4 กม./ลิตร เสริมด้วยเทคโนโลยี EfficientDynamics จาก BMW โดยเฉพาะที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของระบบ Brake Energy Re-Generation และระบบ Active Aerodynamics ขับขี่สนุกและคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม

MINI Countryman

หากรุ่นที่กล่าวไปด้านบนแล้วยังรู้สึกว่าไม่ถูกใจและไม่ชอบรถคันใหญ่ขนาดนั้นสักเท่าไหร่ ลองมาดูรถขนาดที่เล็กลงกับรถเล็กในตำนานที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่มีรูปทรงกล่องแบบมินิดั้งเดิม พร้อมปรัชญาการออกแบบ From Original to Original และเสริมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างเหนือระดับ ในปัจจุบันได้มีการดีไซน์ออกแบบยกสูงที่ให้อารมณ์แบบรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์แต่ก็ยังคงแอบซ่อนความหรูเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หากใครที่กำลังสนใจและอยากลองหลีกหนีออกจากรถทรงดั้งเดิม ถือว่า MINI Countryman รุ่นนี้มีความตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะมีราคามือสองเริ่มต้นเพียงแค่ 700,000 บาท เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ใครที่กำลังมองหารถหรูเอาไว้ครอบครองด้วยงบประมาณ 1 ล้านบาท ต้องอย่าลืมเผื่อค่าบำรุงรักษาเอาไว้จำนวนหนึ่ง เผื่อในวันข้างหน้ารถมือสองย่อมมีอาการเสื่อมสภาพของอะไหล่เป็นเรื่องปกติ เพื่อที่จะได้เตรียมงบประมาณตรงนั้นนำมาเปลี่ยนอะไหล่ ซ่อมแซมและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หายไป เพื่อกลับมาขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/

ดูเพิ่มเติม

• ประเภทป้ายทะเบียนรถตู้ ต่างกันอย่างไร
• อย่าเชื่อ! โดนยึดใบขับขี่ ไม่ได้คืน ไม่เป็นความจริง!