วิธีขับรถบนทางด่วน ขับอย่างไรให้ปลอดภัย

เป็นเรื่องที่ดูไม่น่ายินดีสักเท่าไรนัก เมื่อประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับได้ว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางด่วนพิเศษที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่าบนถนนเส้นทางปกติ อันเนื่องมาจากผู้ใช้รถจำนวนมากหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนหลักภายในเมือง แล้วหันมาใช้ทางด่วนกันมากขึ้นเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทางที่สะดวกสบายและยังสามารถใช้ความเร็วได้มากกว่าบนถนนธรรมดาได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ขับขี่บางคนไม่คุ้นเคยกับการใช้รถด้วยความเร็วจึงเป็นที่มาและสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน หรือการจอดรถรอความช่วยเหลือบนทางด่วนอย่างกะทันหันจึงทำให้เกิดเหตุการณ์รถชนท้ายและมีผู้เสียชีวิตในที่สุด วันนี้เราจึงอยากรณรงค์ให้เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนน้อยที่สุด ขอแนะนำวิธีขับรถบนทางด่วน ควรขับอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด

สังเกตความเร็วที่กำหนด

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าการขับรถบนทางด่วนสามารถใช้ความเร็วได้มากกว่าการขับรถบนถนนในเมืองหรือเส้นทางชนบท โดยปกติการจำกัดความเร็วบนทางด่วนในเขตเมืองจะต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการขับรถบนทางด่วนนอกเขตเมืองสามารถขับด้วยความเร็วได้ไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงทำให้การสังเกตป้ายบอกความเร็วบนทางด่วนจะสามารถทำให้ผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งยังเป็นการช่วยทำให้การจราจรมีความคล่องตัวและเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เว้นระยะห่างที่เหมาะสม

นับว่าเป็นหลักการเดียวกันกับการขับรถบนถนนเส้นทางปกติทั่วไป ซึ่งการขับรถที่ดีคือการเว้นระยะห่างจากคันหน้าเสมอเพื่อให้อยู่ในระยะที่ปลอดภัยและสามารถเบรกรถได้เมื่อเกิดการเบรกกะทันหันจากรถคันหน้า หรือการแนะนำใช้กฎ 2 วินาที คือการสังเกตจากรถคันหน้าที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านวัตถุต่าง ๆ บริเวณข้างทาง เช่น ต้นไม้ เสาไฟ เป็นต้น แล้วให้ใช้เวลา 2 วินาทีเพื่อผ่านวัตถุเดียวกันนั้น ซึ่งหมายความว่าระยะห่างจากรถคันหน้าอยู่ในระยะที่ปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุกะทันหันได้

เพิ่มความระมัดระวังตลอดเวลา

ทัศนวิสัยในการมองเห็นบนทางด่วนถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อผู้ขับขี่ขับรถขึ้นมาบนทางด่วนเมื่อไหร่ ควรที่จะมองทางตรงไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นล่วงหน้าได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หากเมื่อไหร่ที่ทัศนวิสัยบนทางด่วนของผู้ขับขี่ไม่ดีเท่าที่ควรหรือมีการถูกจำกัด เช่น เจอสภาพอากาศที่เลวร้ายบนทางด่วน ขับรถตามหลังรถที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น ยิ่งต้องเว้นระยะให้ห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม อาจต้องใช้กฎ 2 วินาที ที่ควรเพิ่มเป็น 3-4 วินาทีเลยก็ว่าได้ อย่างน้อยที่สุดทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ควรมองเห็นสิ่งที่อยู่เลยรถคันข้างหน้าไปได้มากกว่าเดิม

ไม่จอดรถกะทันหัน

อีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นต้นตอทำให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดบนทางด่วนคือการจอดรถหรือหยุดรถกะทันหันจนทำให้รถคันหลังที่ตามมาไม่สามารถเบรกรถได้ทันและชนท้ายเข้าแบบเต็ม ๆ ซึ่งสภาพการจราจรบนทางด่วนนั้นมีความคล่องตัวและมีความเร็วสูงอยู่แล้ว การหยุดรถกลางทางอย่างกะทันหันจึงเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรทำเด็ดขาด

หากในกรณีที่ผู้ขับขี่มีความต้องการหยุดรถหรือมีเหตุฉุกเฉิน เช่น รถเสีย รถมีปัญหา ผู้ขับขี่ควรเบี่ยงเข้าไปที่บริเวณข้างทางและสังเกตรถให้ดีก่อนเบี่ยงรถออก พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินทุกครั้ง และนำป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินวางให้ห่างจากท้ายรถประมาณ 50 เมตร เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถแต่ละคันที่กำลังขับอยู่บนทางด่วนสามารถมองเห็นได้ว่าที่จอดอยู่กำลังมีปัญหาและเป็นการเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

ขับรถอย่างมีสติ

ไม่ว่าจะเป็นการขับรถบนถนนปกติในเมืองหรือขับบนทางด่วนที่ต้องใช้ความเร็ว ผู้ขับขี่ควรมีสติและไม่ทำภารกิจอื่น ๆ ในระหว่างการขับขี่ และแต่ละครั้งในการเปลี่ยนเลนควรแน่ใจได้ว่าบริเวณนั้นสามารถแซงหรือเปลี่ยนเลนได้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถคันข้างหน้าจึงต้องมีสติทุกครั้งในการขับขี่ สิ่งสำคัญที่ควรทำทุกครั้งคือการมองกระจกเพื่อดูรถด้านข้างและด้านหลัง จากนั้นเปิดไฟเลี้ยวเพื่อให้สัญญาณไฟแก่รถคันอื่น สุดท้ายจึงค่อยเปลี่ยนเลนหรือขับแซงขึ้นมาอย่างปลอดภัย

สุดท้ายนี้ ไม่ใช่แค่เพียงต้องเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถบนทางด่วนแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะการขับรถบนถนนปกติในเมืองหลวงหรือเส้นทางชนบทก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญและเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่าเดิม เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและช่วยให้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถขับรถได้ปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ดูเพิ่มเติม

รวมวิธี ขับรถลอดอุโมงค์ให้ปลอดภัย ควรทำอย่างไร

แชร์เทคนิค ดูแลรถช่วงสงกรานต์ อย่างไรให้สวยใหม่ตลอดเวลา