แนะนำ 4 สุดยอดรถยนต์ Crossover ประหยัดน้ำมันในตลาดรถยนต์บ้านเรา

แนะนำ รถ Crossover ประหยัดน้ำมันที่สุด

หากคุณจะจัดสินใจซื้อรถยนต์ SUV Crossover  สักหนึ่งคันสำหรับบางคนที่ต้องการความคุ้มค่าในการใช้งานสิ่งนึงที่ปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ต้องคำนึงถึงคือ ความประหยัด ด้วยความที่รถยนต์ Crossover ส่วนใหญ่มีตัวถังและขนาดเครื่องยนต์ที่ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองพลังงานเป็นจำนวนมากแต่ รถยนต์ Crossover ในปัจจุบันได้รับความนิยมจากผู้บริโภคซื้อมาใช้ก็เพื่อใช้เดินทางในระยะไกลหรือในเมืองที่สามารถบรรทุกคนได้เป็นจำนวนมากรวมถึงสิ่งของด้วยปัจจุบัน รถยนต์ Crossover ในปัจจุบันในตลาดรถยนต์เมืองไทยนั้นมีให้เลือกอย่างหลากหลายแต่จะมี Crossover รุ่นไหน ยี่ห้อไหนบ้างที่ตอบโจทย์ สำหรับการเป็นรถยนต์ Crossover ประหยัดน้ำมัน บ้างไปดูกันเลย

แนะนำรถยนต์ Cossover ประหยัดน้ำมันที่สุด

1. Toyota CH-R

Toyota CH-R Crossover จากค่ายยักใหญ่โตโยต้าเปิดตัวครั้งแรกในงาน บากกอกมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 34  Toyota CH-R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FBE และเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE  Toyota CH-R ในตลาดบ้านเรามี 4 รุ่นย่อย คือ 1.8 Entry, 1.8 MID, 1.8 Hybrid Entry และ 1.8 Hybrid 

รถยนต์ Toyota CH-R

ด้านการประหยัดพลังงาน Toyota CH-R มีรุ่นที่เป็นระบบ HYBRID ที่จะช่วยให้ C-HR ประหยัดน้ำมันกว่า ด้วยการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญ โดย CH-R Hybrid มีถังน้ำมัน ความจุ 43 ลิตร ส่วนรุ่น เบนซิน1.8 ลิตร อยู่ที่ 50 ลิตร (ตัวเลขของทั้งคู่ ไม่รวมคอถัง)จากการใข้งานจริงของน้องแพ็ต พบว่า รุ่น Hybrid 1.8 ลิตร หากเติมเต็มถังอัดแน่นจริงๆ และขับใช้งานทั้งในเมือง และบนทางด่วน จะได้ระยะทางประมาณ 650 กิโลเมตร เว้นเสียแต่ว่า กดหนักๆ บ่อยๆหน่อย ก็อาจจะเหลือราวๆ 500 – 550 กิโลเมตรส่วนรุ่นขับเคลื่อนด้วยเบนซิน 1.8 ลิตร นั้น เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังสามารถขับขี่ในระยะทางราวๆ 400 -450 กิโลเมตร แต่ถ้าขับแบบธรรมดาหรือขับบนทางด่วนกับในเมืองผสมกันจะได้ระยะทางเพิ่มกลับมาคือราวๆ 500 กิโลเมตร

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน  ของ Toyota CH-R โดยเฉลี่ย

• ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด 93.0 กิโลเมตร
• ปริมาณน้ำมันเติมกลับเฉลี่ย 4.60 ลิตร 
• อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 20.21 กิโลเมตร/ลิตร

2. Subaru XV

Subaru XV รถยนต์ Crossover ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อเนกประสงค์จากค่ายดาวลูกไก่ ที่เน้นเรื่องสมรรถนะการขับขี่มากกว่าออพชั่นภายใน ซึ่งเป็นจุดขายของเจ้าตัวที่ถือว่าฉีกแนวจากการแข่งขันของรถ SUV ในท้องตลาดขณะนี้ เพระส่วนใหญ่จะเพิ่มออพชั่นพิเศษต่างๆมากมายเพื่อให้เหนือกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน หลายคนที่เป็นเจ้าของ Subaru XV จะรับรู้ได้เลยว่าช่วงล่างแตกต่างจากค่ายอื่นชัดเจน เกาะถนนแน่นหนึบ เข้าโค้งเฉียบ ไม่หวั่นแม้เส้นทางออฟโรด เพราะเป็น SUV แบบขับ 4 เหมาะทั้งขับไปทำงานในเมืองและขับออกทริปต่างจังหวัด

รถยนต์ Subaru XV

ด้านการประหยัดพลังงาน Subaru XV มีอัตราการสิ้นเปลืองจากการขับขี่เร่งความเร็วแบบปกติ (2WD) ที่ 7.8-8.5 กิโลเมตรต่อลิตร หากอยู่ขับเคลื่อนในสภาพจราจรติดขัดก็จะอยู่ประมาณ 9.0-9.5 กิโลเมตร/ต่อลิตร ส่วนการขับในเมืองสลับกับออกต่างจังหวัดบ้าง ก็จะดีขึ้นเป็น 10-11 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อเปลี่ยนมาเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Subaru XV จะมีมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย15.60 กิโลเมตรต่อลิตร จากการขับขี่จริงสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ “ตลอดเวลา” ที่มีภาระในการขับเคลื่อนมากกว่าพวกรถ Crossover ระบบขับเคลื่อน 2ล้อจากคู่แข่งบางค่าย แม้ระบบคำนวณอัตราสิ้นเปลืองของรถเองจะโชว์หน้าปัดยังโชว์ 6.8L/100km หรือ14.7 กิโลต่อหนึ่งลิตรก็ตามซึ่งความประหยัดที่ได้มานี้ ก็คงมาจากการที่วิศวกรเปลี่ยนระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นหัวฉีดตรง บวกกับการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในเครื่องให้มีแรงเสียดทานน้อยลงนั่นเอง

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Subaru XV โดยเฉลี่ย

• ระยะทางบนมาตรวัด อยู่ที่ 93.3 กิโลเมตร
• เติมน้ำมันเบนซิน 95 Techron กลับ แบบไม่เขย่ารถ 5.98 ลิตร
•  อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 15.60 กิโลเมตร/ลิตร

3. Honda HR-V

Honda HR-V รถยนต์ Crossoverเอนกประสงค์ ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งรุ่นของ Honda  ที่มีให้เลือกถึง 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น S , รุ่น E , รุ่น E Limited  และ รุ่น EL มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ i-VTEC ขนาด 1.8 ลิตร ผสานเข้ากับกับการดีไซน์โครงสร้างตัวถังอย่างพิถีพิถันเพิ่มความสบายมากยิ่งขึ้นด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน

รถยนต์ HONDA HR-V

ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม Small Crossover SUV ด้วยกันทั้งหมดแล้ว ถือว่า Honda HR-V คือรถที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่ม ส่วนหนึ่งต้องยกคุณงามความดีให้ทั้งเกียร์ CVT และการออกแบบให้ตัวรถลู่ลม แถมตัวเลขที่ออกมา ยังประหยัดด้อยกว่า Civic FB 1.8 ลิตร เพียงแค่นิดเดียวเมื่อเติมน้ำมันเต็มถังสามารถขับขี่ได้ระยะทางน่าจะแล่นได้ราวๆ 450 กิโลเมตร สำหรับการขับแบบปกติทั่วไปในตัวเมืองและบนทางด่วนเป็นหลัก

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของ Honda HR-V 

• ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด อยู่ที่ 93.5 กิโลเมตร
• ปริมาณน้ำมันเบนซิน 95 เติมกลับ 5.93 ลิตร
• คำนวณแล้ว ได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉี่ย 15.76 กิโลเมตร/ลิตร

4. Mazda CX-3

ปิดท้ายด้วย Mazda CX-3 รถยนต์ Crossover จากค่ายมาสด้าเปิดตัวสู่ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2015 ภายใต้แนวคิด "การสร้างมาตรฐานสำหรับยุคใหม่"ในรูปแบบรถคอมแพกต์อเนกประสงค์ สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์การออกแบบ, เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงกลุ่มลุกค้าให้มากขึ้น และอยู่เหนือรถในระดับเดียวกัน ล่าสุดกับการแนะนำ New Mazda CX-3 (มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ใหม่) ที่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องการออกแบบ, สมรรถนะการขับขี่, ระบบความปลอดภัย ฯลฯ โดยยังคงไว้ซึ่ง 4 องค์ประกอบหลัก นั่นคือ การออกแบบตามแนวคิด KODO Design, SKYACTIV Technology, i-ACTIVE SENSE และ Human-Machine Interface (MZD Connect) สำหรับ Mazda CX 3 รุ่นล่าสุดมีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 2 เครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์ SKYACTIV-D เครื่องยนต์คลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร XDL Diesel Turbo 6AT FWD ที่โดดเด่นในเรื่องอัตราเร่ง กับเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร SP 6AT FWD ที่จะให้พละกำลังการขับขี่  และการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม

เปรียบเทียบกันให้ชัด MG ZS กับ Mazda CX-3 รถรุ่นไหนดีกว่า?
เปรียบเทียบ Honda HR-V 2018 กับ Mazda CX-3 2018 ซื้อคันไหนดีกว่ากัน ?

รถยนต์ Mazda CX3

ด้านการประหยัดพลังงาน CX-3 คว้าตำแหน่งรถยนต์ B-Segment Crossover SUV ที่ประกอบในประเทศที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันยกเว้น HR-V ที่มีน้ำหนักเบากว่าเยอะ จากการทดสอบด้วยการเติมน้ำมัน 1 ถัง สำหรับการขับขี่ในเมือง บนทางด่วน เหยียบคันเร่ง Top Speed ไป  พบว่า รุ่นเบนซินนั้น จะแล่นได้ไกลราวๆ 500 กิโลเมตร ต่อไฟเตือนเติมน้ำมันหมดจึงส่วนรุ่น Diesel Turbo นั้น ปได้ไกลกว่าที่ระดับ 700 – 750 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถังเต็มเลยทีเดียวแต่ถ้าขับด้วยความเร็วธรรมดาหรือเนิ่บๆ อาจไปได้ถึง 800 กม.ต่อ 1 ถังเต็มก็เป็นได้

อัตราการสิ้นเปลืองของ Mazda CX-3 ทั้ง 2 รุ่น

รุ่น 2.0 SP 6AT FWD 

• ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด 93.0 กิโลเมตร
• ปริมาณน้ำมันเติมกลับเฉลี่ย 6.25 ลิตร 
• อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.88 กิโลเมตร/ลิตร

รุ่น 1.5 XDL Diesel Turbo 6AT FWD

• ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด 92.7 กิโลเมตร
• ปริมาณน้ำมันเติมกลับเฉลี่ย 5.25 ลิตร (น้อยกว่า เบนซิน 1 ลิตรเต็มๆ!) 
• อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.65 กิโลเมตร/ลิตร

สรุป

จากข้อมูลที่เรานำเสนอมานี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นจากข้อมูลการทดสอบจริงจากผู้เชี่ยวชาญส่วนจะขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมันก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาเครื่องยนต์หรือการบรรทุกน้ำหนักภายในในรถของคุณเองหากท่านใดต้องการ Crossover รุ่นที่เรานำมาแนะนำนี้มาไว้ครอบครองสามารถสอบถามได้ที่ตามโชว์รูมแลตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดังกล่าวได้ทั่วประเทศ

ดูเพิ่มเติม

• ฤกษ์ดีออกรถใหม่ประจำเดือน มิถุนายน 2562
• รีวิว 5 อันดับรถเปิดประทุน 2019 ที่น่าซื้อมากที่สุด