14:27, 24 ธ.ค. 2561

ซื้อรถมือสองต้องทำอย่างไร มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

บันทึกรายการ

ขั้นตอนการซื้อรถมือสอง ทั้งรถบ้านและรถเต็นท์ พร้อมค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียมตัว ก่อนการเลือกซื้อรถมือสอง


สรุปขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์มือสอง

อยากซื้อรถมือสองต้องทำอย่างไร ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ต้องเตรียม ?

การเลือกซื้อรถยนต์มือสองสักคัน อาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก และมีขั้นตอนมากมาย ไม่ว่าจะซื้อรถมือสองผ่านดีลเลอร์อย่าง “เต็นท์รถ” หรือซื้อกับเจ้าของรถโดยตรงแบบ “รถบ้าน” สำหรับวันนี้ทาง khaorot.com เราได้สรุปขั้นตอนในการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง และรายการค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ท่านที่สนใจได้เตรียมตัวก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองกันครับ

7 ขั้นตอนในการซื้อรถมือสอง

1. ตั้งงบประมาณ

สิ่งที่ต้องประเมินเป็นอันดับแรกเลยก็คือ “งบประมาณ” ที่ต้องตั้งคร่าวๆไว้ในใจก่อนเสาะหารถยนต์รุ่นที่ต้องการ เพราะหากเลือกซื้อรถยนต์คันที่ราคาสูงเกินงบที่จ่ายไหว อาจต้องทำเรื่องขอสินเชื่อ นอกจากนี้ยังต้องสำรองเงินสำหรับวางเงินดาวน์, ค่าต่อทะเบียนรถยนต์, ซ่อมแซมเพิ่มเติม (กรณีรถยนต์สภาพช้ำ หรือต้องแก้ไขบางส่วน), ค่าน้ำมัน รวมถึงภาระที่ต้องจ่ายรายเดือนสำหรับกรณีเช่าซื้อ ซึ่งผู้ซื้อต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบ จนกระทั่งแน่ใจว่า “จ่ายไหว” จึงตัดสินใจเลือกรุ่นที่ต้องการ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลัง


สำรวจรายรับ-รายจ่าย และตั้งงบประมาณที่ "จ่ายไหว"

2. เลือกรุ่นและยี่ห้อที่สนใจ

การเลือกรุ่นรถที่จะซื้อ อาจทำให้คุณเวียนศีรษะได้หากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะรถยนต์ในตลาดมือสองมีให้เลือกมากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อ โดยสามารถจำกัดกรอบเป้าหมายได้ดังนี้
1)    ลักษณะการใช้งานหลัก ผู้ซื้อต้องการรถสำหรับบรรทุกสินค้า, ขับทำงานในเมือง หรือออกทริปต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่
2)    จำนวนผู้โดยสาร ดูว่ามีผู้โดยสารประจำกี่ท่าน หากนั่ง 2-3 คน ก็ตัด mini MPV หรือ SUV 7 ที่นั่งออก
3)    ความชอบส่วนบุคคล ต้องการสไตล์ไหน ระบบการขับขี่แบบใด
4)    ระบบเครื่องยนต์ที่ต้องการ อาจเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล ไฮบริด หรือปลั๊ก-อิน ไฮบริด
5)    งบประมาณที่ตั้งไว้ การหาประเภทรถยนต์ที่อยู่ในกรอบงบประมาณ จะช่วยให้พบรถที่เหมาะสมง่ายขึ้น

3. ค้นหารถยนต์รุ่นที่เลือก

ผู้ซื้อสามารถค้นหารถยนต์รุ่นที่ต้องการจากแหล่งจำหน่ายรถยนต์มือสองต่างๆ อาทิ เต็นท์รถ เว็บไซส์รถยนต์มือสอง จุดรับซื้อและจำหน่ายรถมือสองของแต่ละยี่ห้อ อาทิ  โตโยต้า ชัวร์, ฮอนด้าเซอร์ติฟายยูสคาร์ (Honda Certified Used Car) เป็นต้น โดยควรเปรียบเทียบราคา และจุดเด่นจุดด้อยของรถยนต์แต่ละแห่งก่อนตัดสินใจ


นัดผู้ขายเพื่อตรวจสอบสภาพรถ และทดลองขับ

4. นัดตรวจสอบสภาพ และทดลองขับ

เมื่อได้รถยนต์ที่ถูกใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือทำการนัดกับเจ้าของรถ เพื่อดูสินค้าจริง พร้อมทั้งตรวจสอบและทดลองขับ ผู้ซื้อควรนัดเวลาสาย หรือช่วงกลางวัน จะได้สังเกตุตำหนิในส่วนต่างๆของรถได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญควรพาผู้เชื่ยวชาญไปร่วมทดสอบรถด้วย (ส่วนใหญ่จะให้ช่างที่ไว้ใจไปร่วมตรวจสอบ และให้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้) โดยควรเดินตรวจสอบรอบคันรถเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นค่อยเปิดดูภายในห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง รวมถึงที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ต่อจากนั้นให้เข้าไปนั่งในรถ สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดทุกอุปกรณ์เพื่อทดสอบ สุดท้ายค่อยทดลองขับออกด้านนอก หากมีจุดบกพร่องให้แจ้งกกับผู้ขายทันที อาจต่อรองซ่อมแซม หรือลดราคา (ควรเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หากเป็นที่ภายนอกควรถ่ายรูปเก็บไว้)

5. ต่อรองราคา

เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ หากซื้อรถกับดีลเลอร์อย่าง “เต็นท์รถ” ส่วนใหญ่จะได้เป็นของแถม แต่ถ้าซื้อกับเจ้าของรถโดยตรงจะสามารถต่อรองลดราคาได้อีก (เพราะไม่มีของแถม) ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อรองของผู้ซื้อและความพอใจของทั้งสองฝ่าย


ติดต่อขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง

6. ทำสัญญาซื้อขาย โอนทะเบียน หรือติดต่อขอสินเชื่อเช่าซื้อ (กรณีต้องการผ่อนชำระ)

กรณีซื้อเงินสด
สำหรับการซื้อรถด้วยเงินสด ขั้นตอนสุดท้ายคือทำสัญญาซื้อขาย โอนทะเบียน ซึ่งควรตรวจสอบเล่มทะเบียนว่าตรงกับสภาพรถหรือไม่ และที่สำคัญผู้ขายจะต้องเป็น “เจ้าของกรรมสิทธิ์” รถคันที่จะตกลงซื้อขาย หลังจากนั้นให้นัดโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมขนส่งทางบก (ทั้งสองฝ่ายควรไปโอนพร้อมกัน)

กรณีต้องการผ่อนชำระ
ผู้ซื้อติดต่อขอสินเชื่อเช่าซื้อ หากซื้อรถจากดีลเลอร์ ส่วนใหญ่จะมีบริการจัดหาไฟแนนซ์ให้ผู้ซื้อ ซึ่งจะสะดวกกว่ามาก เพียงจัดเตรียมเอกสารตามที่ธนาคารกำหนดและรออนุมัติ (โดยทั่วไปทราบผลไม่เกิน 3-7 วัน) หากซื้อรถบ้านผู้ซื้อต้องติดต่อขอไฟแนนซ์เอง โดยทางไฟแนนซ์จะนัดผู้ขายเพื่อประเมินสภาพรถและประเมินราคา หลังจากนั้นจะนัดผู้ซื้อผู้ขายมาทำสัญญาซื้อขายกัน และโอนรถที่กรมขนส่งทางบก


ผู้ซื้อรับรถ ผู้ขายรับเงิน

7. ผู้ซื้อรับรถ ผู้ขายรับเงิน

ขั้นตอนสุดท้ายผู้ซื้อชำระเงินดาวน์ตามที่ตกลง และรับรถกลับบ้าน ส่วนผู้ขายรับเงินดาวน์จากผู้ซื้อ และรับเงินที่เหลือจากทางไฟแนนซ์

ซื้อรถมือสอง ต้องจ่ายอะไรบ้าง


ค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียมล่วงหน้า

นอกจากขั้นตอนข้างต้นที่ได้กล่าวไปแล้ว การซื้อรถยนต์มือสองยังมีค่าใช้จ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า ดังนี้

1. ค่าจอง
เป็นการวางเงินมัดจำรถที่คุณต้องการ เพื่อรักษาสิทธ์ไว้ในช่วงระหว่างขอสินเชื่อจากทางไฟแนนซ์ โดยส่วนมากจะวางค่าจองที่ประมาณ 5,000-10,000 บาท หากคุณเปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้ว ทางผู้ขายมีสิทธิ์ยึดค่าจองของคุณ (ถือเป็นค่าเสียโอกาสของผู้ขาย) แต่เมื่อตกลงซื้อและไฟแนนซ์ผ่านการอนุมัติ ค่าจองนี้จะไปรวมกับเงินดาวน์หรือเงินค่าจัดไฟแนนซ์

2. เงินดาวน์
ผู้ซื้อจะต้องเตรียมเงินดาวน์ตามจำนวนที่ตกลงกับทางสินเชื่อ เช่น ขอสินเชื่อได้ 80% ของราคารถ ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินเอง 20% เป็นต้น แต่ถ้าหากขอสินเชื่อได้ 100% หรือซื้อด้วยเงินสดก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินดาวน์

3. ค่าจัดไฟแนนซ์ ค่าโอน
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางไฟแนนซ์จะเรียกเก็บกับผู้ขอสินเชื่อ เป็นค่าดำเนินการจัดไฟแนนซ์ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินการ ต้องสอบถามรายละเอียดและราคาให้แน่ชัด เพราะไฟแนนซ์บางแห่งไม่แจ้งผู้ขอสินเชื่อล่วงหน้า มาทราบอีกทีตอนมีบิลเรียกเก็บไปแล้ว ซึ่งเรียกร้องหรือโวยวายอะไรก็ยาก

4. ค่าประกันภัยรถยนต์
หากขอสินเชื่อ ทางไฟแนนซ์จะบังคับให้ทำประกันภัยรถยนต์ ส่วนใหญ่หากรถที่คุณซื้อมีประกันเหลือน้อยกว่า 6 เดือน ทางไฟแนนซ์จะให้คุณทำประกันภัยรถยนต์ใหม่ตั้งแต่วันที่รับรถ โดยบางเต็นท์อาจมีโปรโมชั่นแถมประกันภัยให้ในปีแรก ซึ่งต้องสอบถามและต่อรองกับทางผู้ขายให้แน่ชัด

5. ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อ
เป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับทางแหล่งสินเชื่อหลังจากที่ได้รับอนุมัติ เป็นจำนวนเงินตามที่ตกลงไว้ ยิ่งผ่อนนาน ดาวน์น้อย ดอกเบี้ยยิ่งมาก ไม่ว่าจะจัดไฟแนนซ์กับที่ไหนก็ตาม หากเป็นไปได้เลือกซื้อรถมือสองด้วยเงินสด หรือดาวน์สูงจะดีกว่ามาก และที่สำคัญผู้ซื้อควรมีเงินสำรองในการผ่อนชำระอย่างน้อย 2 งวด เผื่อกรณีหมุนเวียนเงินไม่ทันจะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่ม


เพียงทำตาม  "7 ขั้นตอน" และเตรียม "5 ค่าใช้จ่าย" คุณก็จะได้รถยนต์คู่ใจกลับบ้านแบบไม่ยาก

สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสอง ไม่ว่าจะเป็น “รถเต็นท์” หรือ “รถบ้าน” ก็ล้วนมีการดำเนินการไม่ต่างกัน ซึ่งมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน 5 ค่าใช้จ่าย ที่ผู้ซื้อควรเตรียมพร้อมก่อนเลือกซื้อรถ ซึ่งจะทำให้การเลือกซื้อรถมือสองของคุณ ไม่ยากอย่างที่คิด

ดูเพิ่มเติม:

Khan-Chit

ในหมวดเดียวกัน