รีวิว MG GS 2018 รถที่คนจะซื้อครอสโอเวอร์หรือ SUV ต้องมีรุ่นนี้เป็นตัวเลือก

1. แนะนำรถยนต์ MG GS

รีวิว MG GS รถที่คนจะซื้อครอสโอเวอร์หรือ SUV ต้องมีรุ่นนี้เป็นตัวเลือก 

MG GS ที่จำหน่ายอยู่ปัจจุบันถือเป็น SUV โมเดลแรกสุดของ MG ประเทศไทย รุ่นรถที่เข้ามาเพื่อเติมเต็มตลาดให้กับค่าย MG เองและเพิ่มทางเลือกที่น่าสนใจแก่ผู้ใช้ในรถประเภทนี้ที่นับวันจะยิ่งเติบโตมากขึ้น  เปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงปี 2016 ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Brit Dynamic อันโดดเด่นลงตัวทั้งภายนอก ภายใน และเรื่องสมรรถนะการขับขี่  เครื่องยนต์เบนซิน 2.0L เทอร์โบถือเป็นจุดขายที่น่าสนใจเมื่อการเปิดตัวครั้งนั้น แต่ปรากฎว่าด้วยราคาที่เริ่มต้นกว่า 1.2 ล้านบาทสำหรับ MG GS อาจถูกมองว่าสูงเกินไปสำหรับรถจากค่ายนี้ จึงทำให้ MG GS 2.0 ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จสักเท่าไรหลังเปิดตัวเมื่อมองที่ตัวเลขยอดขายในช่วงนั้น

ดูเลย:  ราคารถ MG

รถยนต์ MG GS เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2016

แต่ MG ก็ยังไม่ท้อ เอาใหม่อีกรอบกับเครื่องยนต์ทางเลือกที่ขนาดเล็กลงถูกเปิดตัวในช่วงท้ายปี หวังดึงราคาค่าตัวของรถรุ่นนี้ให้กลับลงมาเริ่มต้นที่ไม่เกินล้านบาท ไม่สูงเกินไปแล้วทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น MG GS 1.5L เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคือรุ่นใหม่ที่ถูกเปิดตัวเพิ่มเข้ามา และปรากฎว่าช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี มีบางเดือนในปี 2017 ที่ขายดีแซง SUV รุ่นอื่น ๆ จนเป็นรองแค่เจ้าตลาด Honda CR-V ก็มี โดยยอดขายส่วนใหญ่ของ MG GS ที่ขายได้ก็จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.5L นี่แหละที่ขายดีชูโรงให้กับรุ่น จนถึงตอนนี้เราไปดูราคาจำหน่ายของ MG GS กันดีกว่าว่าราคาแต่ละรุ่นย่อยอยู่ที่เท่าไรกันบ้าง

• MG GS 1.5T D 2WD ราคา 890,000 บาท
• MG GS 1.5T X 2WD ราคา 990,000 บาท
• MG GS 2.0 D 2WD ราคา 1,210,000 บาท
• MG GS 2.0 X 4WD ราคา 1,310,000 บาท

(ราคาตรวจสอบเมื่อ 08/2018)

2. รีวิวภายนอก MG GS 2018

นิยามการออกแบบ Brit Dynamic ที่ถูกนำมาใช้ใน MG GS ช่วยสื่อถึงความพิเศษได้มากกว่าอย่างน่าประหลาด แม้รูปลักษณ์จะยังไม่อัพเดทตามรูปแบบที่ใช้อยู่ใน MG ZS และ MG3 ก็ตาม รูปทรงที่ใหญ่ล่ำสมกับความเป็น SUV เมื่อประกอบเข้ากับเส้นสายและลายเส้นของกระจกด้านข้างตัวถัง ยิ่งทำให้รถดูลงตัวที่สุดเหมาะกับคลาส ถ้าคุณจะบอก Honda CR-V หรือ Mazda CX-5 ที่ว่าสวยดูดีระดับท็อปแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าถ้ามองที่ด้านข้างของ MG GS ความรู้สึกที่ได้ก็ดีไม่ต่างกัน  ด้านหน้าจะมากับไฟแบบโปรเจคเตอร์ HID ที่มาพร้อมระบบปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ เมื่อมองลงมาจะพบกับไฟตัดหมอก ไฟท้ายเป็นแบบ LED ที่ด้านล่างก็พกไฟตัดหมอกมาให้ด้วยเช่นกันและแอบสปอร์ตขึ้นอีกนิดด้วยท่อไอเสียโครเมี่ยม มองที่ด้านบน “แน่นอน ! ” กับรถระดับนี้ที่ต้องมากับหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้าที่ให้ราวหลังคาด้านบนมาด้วย ดูพรีเมี่ยมยิ่งขึ้นสีหลังคาถูกตัดใช้เป็นสีดำเงา ล้อที่ใช้เป็นล้ออัลลอยดีไซน์ Diamond Cut สี Bicolour ขนาด 18 นิ้วสำหรับรุ่น 2.0L และขนาด 17 นิ้วสำหรับรุ่น 1.5L 

ภายนอกลงตัวทุกเส้นสาย มีการใช้หลังคาสีดำเพื่อให้ตัวรถดูพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น

มิติตัวรถ : MG GS

• ยาว (mm) : 4500
• กว้าง (mm) : 1855
• สูง (mm) : 1699
• ระยะฐานล้อ (mm) : 2650 

3. รีวิวภายใน MG GS 2018

ความชัดเจนในเรื่องอารมณ์ที่จะสื่อของรถรุ่นนี้เริ่มมากขึ้นเมื่อเข้ามาที่ภายใน เหนือระดับไปอีกขั้นด้วยโทนสีการตกแต่งใช้เป็นสีดำ มีการตกแต่งในตัวของวัสดุโดยเฉพาะคอนโซลหน้าที่ใช้สี Piano Black สัดส่วนมากเป็นพิเศษมากกว่ารถรุ่นอื่น ๆ ยิ่งทำให้ภายในห้องโดยสารของรุ่นนี้หรูหราน่านั่ง ดีไซน์เน้นความโฉบเฉี่ยวมีผสมสีเงินเมทัลลิกเพิ่มมิติไม่ให้น่าเบื่อ ปุ่มสวิตซ์ควบคุมต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัวเน้นเพื่อการใช้งานที่สะดวก ส่วนเรื่องอุปกรณ์การใช้งาน อื่น ๆ ในส่วนของภายในห้องโดยสารไปดูกันดีกว่าว่ารถรุ่นนี้มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ

• เบาะหุ้มหนัง(สีดำ) ปรับไฟฟ้าทั้งสองข้าง 6 ทิศทาง
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง (ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง)
• ระบบ Cruise Control 
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแอร์เบาะหลัง 
• หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Multi Function Display
• หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ AUX, USB และ Bluetooth
• ระบบนำทาง Navigation 
• ระบบ inkaNet 
• ลำโพง 8 ตัว 
• ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่ม Push Start

ภายในเรื่องความกว้างนั่งสบายไว้ใจได้ พร้อมกับการตกแต่งส่วนของวัสดุที่ทำให้ตัวรถดูพิเศษยิ่งขึ้น

MG ZS ขึ้นแท่น แชมป์ B-SUV

4. รีวิวเครื่องยนต์ MG GS 2018

ในส่วนของเครื่องยนต์กับ 2 ทางเลือกที่ผันเปลี่ยนตามปัจจัย อยากได้แรงแบบเน้น ๆ ก็มุ่งหน้าไปกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0L เทอร์โบ รหัส 20L4E DOHC แบบ 4 สูบ TGI-TECH ที่รีดแรงม้าสูงสุดได้กว่า 218 ตัว กับแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 350 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ TST 6 Speed แต่ถ้าอยากแรงแบบพอใช้ เน้นความประหยัดเป็นหลักก็ลองมองที่เครื่องยนต์เบนซิน 1.5L เทอร์โบ รหัส 15E4E 4 สูบ DOHC TGI-TECH แรงม้าน่าคบหาอยู่ที่ 167 ตัวกับแรงบิด 250 Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์ TST 7 Speed โดยทุกรุ่นย่อยจะรองรับน้ำมันสูงสุด E85 ดิสก์เบรกมีให้มาทั้งหน้า-หลัง โดยด้านหน้าจะมีช่องระบายความร้อนมาให้และสะดวกกว่าด้วยเบรกมือไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับระบบ Auto Vehicle Hold 

เครื่องยนต์ 2 ขนาดเลือกได้ตามอัธยาศัย

รายละเอียดด้านสมรรถนะของ MG GS 2018

• น้ำหนักตัวรถ 1.5L, 2.0L (กิโลกรัม) : 1460, 1642
• ความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 1.5L, 2.0L (วินาที) : 10.4, 10.8
• ความเร็วสูงสุด 1.5L, 2.0L (กิโลเมตรต่อชั่วโมง) : 200, 210
• อัตราการสิ้นเปลืองในสภาวะรวมใน Eco Sticker 1.5L, 2.0L (กิโลเมตรต่อลิตร) : 15.6, 12 

5. รีวิวความปลอดภัยของ MG GS

มาที่เรื่องความปลอดภัยของ MG GS ที่คันนี้ขนอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การขับขี่มั่นใจได้มากขึ้น ปลอยภัยได้มากกว่าเริ่มตั้งแต่ตัวโครงสร้างตัวถังที่เป็นแบบนิรภัย FSF และถุงลมนิรภัยให้มา 4 จุดคู่หน้าและด้านข้าง ซึ่งน่าเสียดายที่ยังไม่มีม่านถุงลมมาให้ คงต้องรอตัวไมเนอร์เชนจ์ก่อน และยังมีอะไรบ้างในเรื่องระบบความปลอดภัยของรถรุ่นนี้ที่น่าสนใจ ไปดูกัน

• กล้องมองหลัง 
• สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง 
• ระบบเบรกมือไฟฟ้าและ ระบบป้องกันการลื่นไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
• ABS ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน
• EBD ระบบช่วยกระจายแรงเบรก
• EBA ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์
• OHBV ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิกเบรกให้เหมาะสม
• TCS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
• CBS ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
• SCS ระบบควบคุมการทรงตัว
• BDC ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัตโนมัติ
• MSR ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน
• HAS ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
• TPMS ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง

ถุงลมคู่หน้ามาให้พร้อมด้านข้าง น่าเสียดายที่ยังไม่มีม่านถุงลม

6. สรุป

ถือเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจกับความเป็นทางเลือกของ SUV อีกหนึ่งรุ่นในคลาสที่ตลาดกำลังไปได้สวยความนิยมท่วมถ้น ลักษณะตัวรถที่ใหญ่เทียบเท่าได้กับรถในคลาส SUV แท้ ๆ แม้คุณจะเลือกขับรุ่นเครื่องยนต์ 1.5L ก็คงไม่มีใครมองว่าคุณขับแค่ครอสโอเวอร์ที่ภายในแสนจะอึดอัด MG GS ให้ความโอ่โถงที่ภายในได้มากกว่ากับราคาเริ่มต้นไม่ถึง 9 แสน  และถึงแม้ตัวรถจะใหญ่โตแต่ก็มั่นใจได้ในเรื่องของเรี่ยวแรง เครื่องยนต์ทั้งสองไซส์รับรองว่าเอาอยู่ ตอบสนองได้ทันใจตามโจทย์การขับขี่ที่ต้องการอย่างแน่นอน

  
ไม่ต้องกำเงินล้านก็ขับ SUV สวย ๆ สักคันได้แล้วอย่าง MG GS

ภายในห้องโดยสารโดดเด่นที่เรื่องความหรูหราพรีเมี่ยม ให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่าแม้จ่ายเงินไปไม่ถึงล้าน “ก็หรูได้”  ส่วนสิ่งที่จะทำให้รถรุ่นนี้น่าซื้อน้อยลงก็มีบ้างเหมือนกัน เป็นในเรื่องความปลอดภัยที่ว่าให้มาเยอะแล้ว แต่เรื่องเทคโนโลยีเชิงป้องกันจากเซ็นเซอร์อย่างเช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยชะลอรถยังไม่มี หรือแม้กระทั่งม่านถุงลมก็ด้วยเช่นกัน ถ้ามีมาให้จะ Perfect ยิ่งกว่านี้  รวมไปถึงส่วนด้านหน้าที่ภายนอก ถ้าไมเนอร์เชนจ์ของรุ่นนี้มีการปรับปรุงมาในอารมณ์แบบเดียวกับ MG ZS หรือ MG3 และทำราคาดี ๆ จูงใจแบบเจียมตัวความเป็นรถค่ายน้องใหม่ในตลาดไทยสักหน่อยนะ รับรองว่ารถรุ่นนี้ยังไปได้อีกไกลในตลาดรถเมืองไทยอย่างแน่นอน 

และบอกไว้เลยว่าถ้าคุณจะเลือกรถที่เป็นครอสโอเวอร์ รับรองว่าความกว้างสบายของภายในจะไม่เท่า MG GS อย่างแน่นอน

และไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาครอสโอเวอร์หรือ SUV หรืออะไรก็ตามแต่ที่จริตของคุณจะเรียก เราเชื่อว่าทางเลือกอย่าง MG GS น่าจะเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ และควรนำไปเป็นอีกตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังดู ๆ รถในรูปแบบนี้อยู่  แม้คำตอบสุดท้ายจะไม่ใช่ MG GS จะด้วยเงื่อนไขของแบรนด์ที่อาจจะยังไม่ตรงบริบทของคนที่ซื้อรถเพราะชื่อค่ายเป็นหลักหรือจะอะไรก็ตาม แต่รถรุ่นนี้ก็แสดงให้เห็นตามที่กล่าวรีวิวมาข้างต้นทั้งหมดแล้วว่า ถ้าถอดป้ายโลโก้ออก สิ่งที่ให้มาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนอ่อนค่ากว่ารถค่ายดังอะไรเท่าไรเลย 

ดูเพิ่มเติม:
All New MG ZS อเนกประสงค์ SUV ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง
MG HS เตรียมเปิดตัวสู่ตลาดรถจีนในเดือนกันยายน 2018