4 ขั้นตอนตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว
การตรวจเช็ดสภาพรถยนต์ 4 ขั้นตอนก่อนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายในต้นหนาว
ชอบขับรถเที่ยวต่างจังหวัดค่ะ ไม่ทราบว่า ควรมีการเตรียมตัวเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถอย่างไรบ้างให้การเดินทางราบรื่น
ประเทศไทยท่องเที่ยวได้ทั้งปี และในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่กำลังใกล้จะมาถึงในเดือนตุลาคม จนถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ภูเขา น้ำตก ดอย ทะเลน่าท่องเที่ยวเป็นที่สุด แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวไหนในช่วงอากาศดีๆและมีวันหยุดพักผ่อนยาวๆแบบนี้ การตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและถึงจุดหมายด้วยความสุขและปลอดภัย วันนี้เรามาดูวิธีการตรวจสอบรถยนต์ก่อนเดินทางออกไปพบประสบการณ์ใหม่ๆในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ตรวจสอบระบบเบรค
ตรวจสอบการเบรค หมั่นฟังเสียงเบรคประจำรถของคุณไว้เสมอๆ ว่ามีเสียงเอี๊ยดอ๊าดผิดปกติ หรือเวลาเหยียบเบรคแล้วหยุดสนิทหรือไม่ อาการของรถมีการสั่นหรือกระตุกอย่างไร เพื่อที่จะได้บอกอาการของรถถูกเมื่อนำรถไปตรวจเช็คระบบเบรกที่ศูนย์บริการ เพราะการตรวจสอบระบบเบรกมีความยุ่งยากและซับซ้อนเกินกว่าที่คุณจะสามารถดูแลด้วยตนเองได้ ไว้ใจให้ผู้เชี่ยวชาญเช็คเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ดีกว่า
ตรวจเช็คแบตเตอรี่
ในส่วนของแบตเตอรี่เป็นชนิดเติมน้ำกลั่น ควรตรวจวัดระดับน้ำกลั่นก่อนทุกครั้ง และควรตรวจที่ขั้วแบตเตอรี่ว่าแน่นหรือไม่ มีสนิมมาเกาะบริเวณขั้วหรือเปล่า ซึ่งโดยปกติแล้วอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ที่ประมาณ 2 ปี หากใช้แบตฯ ลูกนี้มีการใช้งานนานเกินจำ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทาง เพราะการขับรถไปจอดแล้วสตาร์ทไม่ติดอาจจะทำให้เสียเวลาการท่องเที่ยว และหาที่เปลี่ยนยากสุดๆในแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่สามารถทราบได้ว่ามีหรือไม่
ตรวจเช็คหม้อน้ำและน้ำยาหล่อเย็น
ความสำคัญของหม้อน้ำคือ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ความร้อนที่สูงเกินไปจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์เสียหาย ดังนั้น แค่เปิดกระโปรงรถ แล้วดูระดับน้ำในหม้อน้ำสำรอง ให้อยู่ในระหว่าง Max กับ Min ก็เพียงพอแล้ว ข้อควรระวังคือ อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์กำลังร้อน เพราะน้ำร้อนอาจพุ่งขึ้นมาจนทำให้เกิดอันตรายได้ เช่นเดียวกับการตรวจเช็คน้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ที่ช่วยให้ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
ก่อนขับรถทางไกลทุกครั้งควรเช็คระดับหรือเช็คสภาพน้ำมันเครื่อง ซึ่งการเช็คระดับน้ำมันเครื่องนั้น คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยจอดรถในแนวราบ สตาร์ทรถทิ้งไว้ เพื่อวอร์มเครื่องให้มีความร้อนเท่ากับตอนวิ่งปกติ เมื่อมาตรวัดความร้อนขึ้นแล้ว ให้ดับเครื่อง แล้วรอสัก 2-3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่อยู่ในเครื่องยนต์ไหลกลับลงอ่าง จากนั้นดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วใช้กระดาษชำระเช็ดน้ำมันเครื่องที่ส่วนปลายก้านออก เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องกลับลงไปตรงๆ จนสุด แล้วดึงขึ้นมาเพื่ออ่านค่าระดับน้ำมันที่วัดได้ หากอยู่ในระดับ Mid ก็เติมน้ำมันเครื่องให้อยู่ระหว่าง Max กับ Mid
ส่วนการเช็คสภาพน้ำมันเครื่องนั้น ให้สังเกตว่าน้ำมันเครื่องเปลี่ยนสีเป็นสีดำหรือยัง ถ้าใช่ แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว และควรดำเนินการทันที เพื่อให้รถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการเดินทางไกลอย่างปลอดภัย
เมื่อสภาพรถพร้อมแล้ว สุขภาพของผู้ขับขี่ก็มีความสำคัญเช่นกัน ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง เพราะการขับรถอย่างมีสติสำคัญไม่แพ้สมรรถนะความพร้อมของเครื่องยนต์ เพื่อความปลอดภัยและสดชื่นสดใสกับการท่องเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างมีความสุข
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
โปรโมชั่น ดูทั้งหมด
โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ
โปรโมชั่น Ford กันยายน 2565 สิทธิพิเศษจากฟอร์ดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถแต่ยังไม่มีงบ พร้อมทั้งโปรโมชั่น Ford อื่น ๆ เช็กได้กันเลย
โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ
โปรโมชั่น Isuzu กันยายน 2565 สิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าอีซูซุที่ยกมาให้เลือกพิจารณากันทั้งค่าย เช็กโปรโมชั่น Isuzu ได้ที่นี่
โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ
โปรโมชัน Nissan กันยายน 2565 สิทธิดี ๆ ส่วนลดสุดปัง สำหรับรถยนต์ผู้ที่สนใจรถยนต์นิสสัน เช็กรายละเอียดโปรโมชั่น Nissan ได้ที่นี่
โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 ดีลเด็ดโดนใจ
โปรโมชัน Suzuki กันยายน 2565 และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายให้ที่ Suzuki นำมามอบให้แบบจัดเต็ม!