ในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาประเทศไทยถือว่าได้รับผลกระทบอย่างเป็นจำนวนมาก การที่ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันก่อให้เกิดน้ำท่วมขังสูงในหลายจังหวัด จนทำให้เกิดความเสียหายอย่างเป็นวงกว้าง และอีกหนึ่งปัญหาที่คนมีรถต้องพบเจอนั่นก็คือน้ำท่วมรถจนเสียหาย เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คนมีรถอยากหลีกเลี่ยงและภาวนาว่าขอให้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองมากที่สุด แต่ถ้าวันหนึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และพบกับปัญหาน้ำท่วมรถแบบนี้เข้าสักวันควรจะทำอย่างไรต่อไป สามารถเคลมประกันได้หรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ
น้ำท่วมรถแบบไหนที่ประกันรับเคลม
สำหรับปัญหาน้ำท่วมรถก็มีหลากหลายรูปแบบ ก่อนอื่นเจ้าของรถต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทางประกันภัยไม่ได้ให้ความคุ้มครองในทุกรูปแบบ และแต่ละแบบก็มีการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมได้ ดังนี้
หากเจ้าของรถจอดรถของตัวเองทิ้งไว้แถวบ้านหรือจอดไว้ที่บ้านแต่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้วต้องเจอกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ เมื่อกลับมาแล้วพบว่ารถที่จอดไว้ถูกฝนตกหนักจนน้ำท่วมไปเป็นที่เรียบร้อยและสร้างความเสียหายบางส่วนของตัวรถ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรถจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทางประกันภัยรถยนต์รับเคลมแต่จะประเมินออกมาว่าไม่คุ้มกับการซ่อมเพื่อให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ โดยทางประกันภัยจะจ่ายเงิน 70-80% ของทุนประกัน
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ขับรถของตัวเองเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วพบว่าฝนตกหนักจนทำให้น้ำท่วมขังสูง และผู้ขับขี่ก็ได้ตัดสินใจขับรถลุยฝ่าน้ำท่วมต่อไปจนทำให้น้ำเข้ามาภายในตัวเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้าเกิดความเสียหาย เครื่องยนต์ดับ หรือน้ำเข้ามาท่วมสูงยังภายในห้องโดยสาร หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทางประกันภัยจะไม่รับเคลมความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือบริษัทประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ 1 บางแห่งจะช่วยจ่ายค่าเสียหายเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
ฝนตกรถติดจนน้ำท่วมรถ
กรณีนี้จะมีความแตกต่างกับเหตุการณ์ด้านบนตรงที่ผู้ขับขี่ไม่ได้มีความตั้งใจเพื่อขับรถลุยน้ำท่วมจนเกิดความเสียหาย แต่เป็นการขับรถออกไปข้างนอกตามปกติแล้วรถติดบนถนนเส้นหนึ่งเป็นเวลานานจนเกิดฝนตกหนักส่งผลทำให้น้ำท่วมขังที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ทางประกันภัยรถยนต์จะรับเคลมในทันที
การขอเคลมค่าซ่อมแซมรถยนต์ที่เกิดจากน้ำท่วมจะขึ้นอยู่กับลักษณะความเสียหาย โดยทางบริษัทประกันภัยจะพิจารณาจากลักษณะของน้ำท่วมรถที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากกรมธรรม์ว่าสามารถคุ้มครองได้ในกรณีไหนบ้าง โดยประเภทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเหตุการณ์น้ำท่วมรถ ได้แก่
เมื่อผู้ขับขี่ทำการตรวจเช็กแล้วว่ารถของตัวเองที่เกิดจากน้ำท่วมสามารถเคลมกับประกันภัยได้ ขั้นตอนต่อมาให้เตรียมตัวเพื่อทำเรื่องเคลมได้ ดังนี้
เอกสารที่เกี่ยวกับตัวรถและกรมธรรม์ประกันภัย สิ่งสำคัญควรมีฉบับสำรองเพื่อเตรียมเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เอกสารที่เกี่ยวกับเจ้าของรถ เช่น ใบขับขี่ สำเนาบัตรประชาชน หลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยสามารถประเมินความเสียหาย
ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานยืนยันให้ผู้ขับขี่ใช้การบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์เอาไว้ให้ได้มากที่สุด โดยคาดคะเนความเสียหายทั้งหมดเอาไว้ด้วยตา และคำบอกเล่าเพื่อบอกว่าน้ำท่วมสูงมากน้อยแค่ไหน เกิดเหตุเมื่อตอนกี่โมง หรือการไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยสามารถพิจารณาได้
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่แปรปรวนเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ โดยเหตุการณ์น้ำท่วมรถนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การเลือกทำประกันภัยรถยนต์แบบครอบคลุมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อภัยมา
ดูเพิ่มเติม
ประกันรถกระบะ เชิงพาณิชย์ คืออะไร แตกต่างจากรถกระบะทั่วไปอย่างไร
ถอดรองเท้าขับรถผิดกฎหมาย หรือไม่? ภัยร้ายใกล้ตัวที่คนขับรถต้องรู้