สหภาพยุโรป (The European Union) ต้องการที่จะลดวิกฤตการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก CO2 หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเหลือเพี...
สหภาพยุโรป (The European Union) ต้องการที่จะลดวิกฤตการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก CO2 หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเหลือเพียงร้อยละ 30 ภายในช่วงระหว่างปี 2021 ถึง 2030
[caption id="attachment_807" align="aligncenter" width="600"]

ในยุโรปมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะลดค่ามลพิษที่เกิดขึ้นจากรถยนต์[/caption]
โดยจะบังคับให้มาตรฐานก๊าซคาร์บอนได์ออกไซด์ในรถยนต์ที่ปล่อยออกมาได้อยู่ที่ 95 กรัมต่อกิโลเมตร (g/km) ภายในปี 2021 และพอถึงปี 2030 จะบังคับให้รถยนต์ทุกคันมีค่ามลพิษที่ปล่อยออกมาได้สูงสุดเหลือเพียงแค่ 66.5 กรัมต่อกิโลเมตร(g/km) เท่านั้น นั่นหมายถึงในรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซลจะต้องมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและเครื่องยนต์เบนซินจะเหลืออัตราสิ้นเปลืองได้เพียง 2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยในรถที่ใช้เพียงเครื่องยนต์เผาไหม้ปกติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในระหว่างข้อบังคับนี้ ในปี 2025 จะถูกนำไปบังคับใช้กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ผลิตรถออกมาไม่ตรงกับข้อกำหนดของสหภาพจะถูกปรับ 95 ยูโรต่อกรัมที่เกินกว่าข้อกำหนด ซึ่งเป็นข้อบังคับที่โหดไม่น้อย เพื่อเป็นการเปิดทางอย่างเต็มรูปแบบให้กับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และรถยนต์ประเภทไฮบริด ที่ตอนนี้ค่ายรถยนต์ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาและทยอยอวดโฉมรถประเภทนี้มาหลายรุ่นแล้วในแบบ Concept Car
ซึ่งโครงการ ‘Driving Clean Mobility’ นี้อยู่ภายใต้การผลักดันอย่างจริงจังของสหภาพยุโรปเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 1990 ถึงปี 2030 จากผลสำรวจของสหภาพยุโรปก็พบอีกว่าการขนส่งทางถนน สร้างปัญหาดังกล่าวสูงมากคิดเป็น
ร้อยละ 22 ของการผลิตก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด
[caption id="attachment_808" align="aligncenter" width="600"]

รถยนต์ไฟฟ้า’ กลุ่มรถยนต์ทางเลือกในตอนนี้จะกลายมาเป็นกลุ่มรถยนต์หลักในอนาคต[/caption]
ในยุโรปมีข้อบังคับที่แตกต่างออกไปจากในอเมริกาและจีนที่กำหนดเรื่องของโควต้าของชนิดยานพาหนะและมีการบังคับระดับมลพิษที่เข้มงวดกว่า เช่นในรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดจะให้ปล่อย CO2(คาร์บอนไดออกไซด์) จากไอเสียได้ต่ำกว่า 50 g / km เท่านั้น แต่ทางยุโรปก็ไปแทนที่ด้วยการจัดสรรงบการพัฒนาในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของการชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 800 ล้านยูโรและอีก 200 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนในเรื่องของการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับ
รถยนต์ไฟฟ้า หลายประเทศในยุโรปต่างร่วมใจกันเริ่มบังคับใช้ข้อกฎหมายสำหรับลดภาวะเรือนกระจกแล้ว ไม่ว่าจะในฝรั่งเศส ที่ห้ามขายรถใหม่ที่มีเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในปี 2040 ขณะในอังกฤษก็วางแผนที่จะบังคับใช้แต่รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบแทนในปี 2040 รวมถึงเยอรมนีก็กำลังพิจารณาถึงมาตรการที่ลักษณะเดียวกันนี้ด้วย