เคลมประกันรถยนต์ โดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ควรทำอย่างไรดี

อีกหนึ่งเรื่องที่คนมีรถต้องศึกษาและทำความเข้าใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับประกันภัย เพราะในเวลาที่ต้องพบเจอกับเหตุการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุในรูปแบบรถชนรถหรือรถชนคน รถของเราจะอยู่ในความดูแลของประกันรถยนต์ที่สามารถเคลมประกันรถได้ตามประเภทที่เจ้าของรถได้ซื้อเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของรถได้ทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ในจำนวนค่าเบี้ยประกันสูงสุดสำหรับรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุมด้วยจำนวนเงินที่สูงเช่นเดียวกัน และยังคุ้มครองทั้งเจ้าของกรมธรรมน์และคู่กรณี หรือหากขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณีก็จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงวันที่ประกันรถยนต์หมดอายุ เจ้าของรถมีความต้องการที่จะต่อประกันรถยนต์ในปีถัดไป แต่กลับพบว่าทางบริษัทประกันกลับขอเพิ่มค่าเบี้ยประกัน จนทำให้กลายเป็นภาระที่ต้องจ่ายมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม หากต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ควรทำอย่างไร แล้วผู้ขับขี่จะมีวิธีการหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้โดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่มได้ยังไง บทความนี้มีคำตอบ

สาเหตุที่เคลมประกันรถยนต์แล้วโดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่ม

หากถึงเวลาที่ต้องอายุประกันภัยรถยนต์แล้วต้องพบว่าทางบริษัทประกันขอเพิ่มค่าเบี้ยประกัน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้สามารถสันนิษฐานได้ว่าเจ้าของรถอาจมีพฤติกรรมของการขับขี่รถที่ไม่ดี เมื่อเกิดอุบัติเหตุทีไรเป็นฝ่ายผิดตลอด เมื่อถึงเวลาที่ต้องเคลมประกันรถยนต์หรือเคลมบ่อยจนเกินขีดจำกัดของวงเงินสูงสุดที่ระบุไว้ในกรมธรรมน์ประกันภัย เพื่อไม่ให้เป็นการขาดทุนทางบริษัทประกันจึงมองว่าควรเพิ่มค่าเบี้ยประกันกับเจ้าของกรมธรรมน์ผู้นี้ในปีถัดไป

แนะนำ 3 วิธี หลีกเลี่ยงการโดนเรียกเพิ่มค่าเบี้ยประกัน

หลายคนเมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ทางบริษัทประกันภัยขอคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติมก็เกิดความกังวลใจแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ สามารถยกเลิกประกันภัยกลางคันแบบนี้ได้ไหม หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะติดแบล็กลิสต์กับทางบริษัทประกันภัยหรือไม่ ซึ่งทุกปัญหามีทางออกเสมอ หากเจ้าของรถไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ สามารถทำตามวิธีได้ ดังนี้

• เปลี่ยนประเภทประกันภัยรถยนต์ หากเจ้าของรถรู้พฤติกรรมการขับขี่รถของตัวเองเป็นอย่างดี เช่น ชอบขับรถซุ่มซ่าม ขับรถเกิดอุบัติเหตุง่าย ๆ บ่อยครั้ง ที่ต้องเรียกประกันภัยมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ควรรีบเปลี่ยนประกันภัยจะเป็นทางออกและวิธีที่ดีที่สุด เช่น เปลี่ยนจากประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 เป็นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ ที่มีค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง ซึ่งอาจจะไม่สามารถครอบคลุมกับความเสี่ยงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าของควรพิจารณาด้วยปัจจัยหลายด้านแล้วจึงตัดสินใจเลือกประเภทประกันภัยที่ถูกใจ
• ขับรถมีประวัติดี หากเจ้าของรถไม่อยากต้องเจอกับเหตุการณ์โดนทางบริษัทประกันภัยรถยนต์เรียกเก็บค่าเบี้ยประกันเพิ่ม อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือเจ้าของรถต้องมีพฤติกรรมการขับขี่รถที่ดี ขับรถให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ไม่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบ่อย หรือหากไม่เคยมีประวัติการเคลมเลยจะเป็นผลดีอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันจากการขับรถมีประวัติดีในปีถัดไป
• ส่วนลดค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม สำหรับเจ้าของรถที่มีความต้องการอยากได้ส่วนลดค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติมมีด้วยกันหลากหลายวิธี ซึ่งวิธีที่ถูกแนะนำเอาไว้เป็นวิธีที่ดีที่สุดมาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ระบุเอาไว้ว่าการติดกล้องรถยนต์สามารถรับส่วนลดเบี้ยประกันได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ หากบริษัทประกันภัยไม่ยินยอมลดค่าเบี้ยประกันภัยให้จะมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ขับขี่รถทุกคนมีวินัยในการใช้รถใช้ถนนมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากผู้ขับขี่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยทำให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม แถมยังได้ส่วนลดมาแทนที่ได้อีกด้วย ซึ่งการเคลมประกันรถถ้าหากว่าเจ้าของรถไม่ใช่ฝ่ายผิดจะไม่โดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่มในปีถัดไป แต่ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเจ้าของรถเป็นฝ่ายผิดทุกครั้ง ทางบริษัทประกันภัยมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มค่าเบี้ยประกัน เนื่องจากเจ้าของรถได้ใช้วงเงินเกินในการเคลมสูงจากที่ได้ระบุเอาไว้ในกรมธรรมน์ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรขับรถด้วยพฤติกรรมที่ดี ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อในปีถัดไปจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประกันเพิ่มนั่นเอง

ดูเพิ่มเติม

รวมเทคนิค พาน้องหมานั่งรถ อย่างไรให้ปลอดภัยและไม่เมารถ

วิธีขับรถบนทางด่วน ขับอย่างไรให้ปลอดภัย