รถไฟฟ้าที่ขับได้ไกลที่สุดในโลก KIA e-Niro 2019 ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกล 485 กิโลเมตร ในการชาร์จเพียงครั้งเดียว

KIA e-Niro 2019 วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 485 กิโลเมตร จากการชาร์จในครั้งเดียว

KIA e-Niro 2019 ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าทรงสปอร์ตจากเกาหลี ได้เผยรายละเอียดในงาน Paris Motor Show 2018 โดย e-Niro สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 301 ไมล์ (485 กิโลเมตร) ในการชาร์จแบตเตอรีเพียงครั้งเดียว (สำหรับรุ่นที่ติดตั้งแบตเตอรีขนาดใหญ่) จากการทดสอบของ European Worldwide harmonized Light vehicles Test Procedure (WLTP) สำหรับกำลังเฉลี่ยของ EPA ยังไม่เปิดเผยแน่ชัดแต่คาดว่าอาจลดลงมาเหลือประมาณ 250 ไมล์ในสหรัฐอเมริกา

Long EV range now affordable

ซึ่งระยะทาง 300 ไมล์ (485 กิโลเมตร) ที่ e-Niro ทำได้ ถือเป็นระยะทางที่ยาวที่สุดของโลกในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และมีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องใช้แบตเตอรีขนาด 64 กิโลวัตต์ชั่วโมง ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ ซึ่งจะสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 201 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด  291 นิวตัน-เมตร

สำหรับ e-Niro รุ่นมาตรฐาน มาพร้อมกับแบตเตอรีขนาด 39.2 กิโลวัตต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ ซึ่งในการชาร์จแต่ละครั้งสามารถวิ่งได้ระยะทาง 193 ไมล์ (310 กิโลเมตร) ตามการทดสอบของ European WLTP 

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำสปอร์ตพร้อมฟังก์ชันล้ำสมัย

KIA e-Niro 2019 ถูกพัฒนามาจากรุ่น Niro hybrid และ plug-in hybrid ซึ่งเป็นครอสโอเวอร์ที่ทำยอดขายทั่วโลกมากกว่า 200,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 ภายนอกตัวถังจึงมีความคล้ายคลึงกับรุ่นเบนซินและไฮบริด รวมถึงฟังก์ชั่นภายในที่เหมือนกันอย่าง adaptive cruise control, ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่, ระบบเบรกอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนก่อนชนด้านหน้า และระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องจราจร เป็นต้น แต่การปรับเปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้าให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น 

ภายนอกคล้ายกับ  Niro hybrid แต่ปรับปรุงกระจังหน้าและกันชนให้สอดคล้องกับ Aerodynamics มากขึ้น

สำหรับภายในห้องโดยสารมีการปรับเปลี่ยนพอสมควร จุดที่โดดเด่นที่สุดคือระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ล่าสุด “shift-by-wire” โดยเปลี่ยนเกียร์ผ่านการหมุนปุ่มควบคุม ซึ่งแตกต่างจากคันโยกรูปแบบเดิมทำให้คอนโซลกลางดูโล่ง มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับเบรกมือไฟฟ้า เบาะนั่งที่มีระบบนวดและระบบปรับอุณหภูมิ พวงมาลัยที่มีระบบทำความร้อน ปุ่มปรับโหมดการขับขี่และเซ็นเซอร์ช่วยจอดรวมไปถึงฟังก์ชั่นเบรกอัตโนมัติ “Auto Hold” จาก Niro 

นอกจากนี้ยังมีหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่เพิ่มฟังก์ชั่นสามารถแสดงสถานีชาร์จบริเวณใกล้เคียง และแสดงระดับพลังงานที่เหลืออยู่ ที่สำคัญผู้ขับยังสามารถกำหนดเวลาใช้งานรถล่วงหน้าเพื่อให้ระบบปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก่อนการเดินทางได้อีกด้วย รวมทั้งฟังก์ชั่นการชาร์จซึ่งออกแบบมาเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดย KIA e-Niro 2019 จะมุ่งหน้าทำตลาดในโซนยุโรปเป็นแห่งแรกโดยมีแผนวางจำหน่ายช่วงปลายปีนี้

ดูเพิ่มเติม:
Kia Sportage 2018 เข้ม ดุดัน ตอบโจทย์ SUV สไตล์ครอบครัว
Kia Grand Carnival SXL ให้ความหรูหราในทุกมุมมอง