เผย 4 เทคนิคเด็ด ถ้าต้องขับรถตอนกลางคืน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่เป็นลำดับต้นๆนั้น ก็คือทัศนวิสัยที่ไม่เอื้อต่อการมองเห็น หนึ่งในนั้นก็คือการขับรถในเวลากลางคืน แน่นอนว่าย่อมทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงค่อนข้างมาก รวมไปถึงสภาพของร่างกายที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะหากสภาพร่างกายไม่พร้อม การขับรถในเวลากลางคืนย่อมเป็นปัญหาตามไปด้วย อย่างผู้ใช้รถบางคน อาจจะเกิดอาการหลับใน เนื่องจากความง่วงในการขับรถในสภาพที่มืด และรถที่สัญจรในขณะนั้นค่อนข้างน้อย จึงทำให้การขับรถในเวลากลางคืนค่อนข้างอันตราบพอสมควร

ดูเพิ่มเติม:  ทําใบขับขี่ใหม่ออนไลน์ 2564

การขับรถในเวลากลางคืนที่มีทัศนวิสัยจำกัด

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า หนึ่งในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็คือ การขับรถในเวลากลางคืน ส่วนหนึ่งก็คือระยะจำกัดของแสงไฟ และอันตรายจากผู้ขับคนอื่นที่ใช้ไฟสูงขณะที่ขับสวนทางกัน ดังนั้น การขับรถในเวลากลางคืนถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง และต้องระมัดระวังมากเป็นเท่าตัวจากตอนกลางวัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืนจะต้องรู้เทคนิคในการขับเสียก่อน เพื่อการปรับตัวและเตรียมพร้อมในทุกๆสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในการขับขี่ ด้วยเทคนิค ดังต่อไปนี้

เทคนิคที่ 1 การใช้ไฟสูง

สำหรับการใช้ไฟสูงนั้น จะต้องใช้สำหรับกระพริบแจ้งเตือนรถช้าที่แล่นอยู่เลยขวาเพื่อขอทางสำหรับแซง และใช้ส่องไปด้านหน้าเมื่อขับในเส้นทางที่มืดมิดเพื่อดูสภาพของเส้นทางขณะขับขี่ แน่นอนว่าเป็นการส่งสัญญาณแจ้งเตือนรถคันข้างหน้าด้วย ซึ่งการขับขี่ในเวลากลางคืนไม่ควรขับด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้ระยะของการเบรกกระชั้นชิดเกินไป โดยความเร็วที่ควรใช้คือ 80-100 Km./hr. เพราะจะทำให้ระยะในการเบรกมีมากกว่า 800 เมตร ยิ่งมีความเร็วในการขับขี่มากเท่าไหร่ ระยะของการเบรกก็จะยิ่งน้อยลง และไม่ควรขับไปพร้อมกับการสาดไฟสูง เพราะจะทำให้รถที่สวนมากระทบกับแสงไฟโดยตรง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขับขี่รถที่สวนมามองทางไม่เห็นได้ และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้

การใช้ไฟสูงในการขับรถในเวลากลางคืน

เทคนิคที่ 2 ระวังรถที่จอดบริเวณไหล่ทาง

การขับรถเวลากลางคืน โดยเฉพาะทางที่ขึ้น-ลงเขา หรือทางโค้งอันตราย บางครั้งอาจจะมีรถที่จอดเสียตามไหล่ทางโดยที่ไม่เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน แน่นอนว่าบางจุดนั้นไฟอาจจะส่องไม่ถึง ดังนั้น การป้องกันรถที่จอดบริเวณไหล่ทางก็คือการเปิดไฟสูงสลับกับไฟต่ำบ่อยๆ เพื่อสังเกตุการณ์ด้านหน้า จะทำให้ช่วยปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังว่าไฟสูงจะไปกระทบกับรถที่สวนมาด้วย

การระวังรถที่เสียบริเวณไหล่ทาง

เทคนิคที่ 3 ทิ้งระยะห่างจากคันข้างหน้า

การทิ้งระยะห่างจากคันข้างหน้านั้น จะทำให้ระยะของการเบรกมีมากพอ และด้วยข้อจำกัดของแสงไฟในรถรวมถึงไฟเบรกของคันข้างหน้าที่อาจไม่ทำงานเมื่อขับใกล้จนเกินไป อาจจะทำให้เกิดการชนท้ายรถคันข้างหน้าได้ง่ายมากขึ้นกว่าตอนกลางวัน ดังนั้น การทิ้งระยะห่างให้มากก็จะยิ่งทำให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งการทิ้งระยะห่างนั้นยิ่งจำเป็นมากขึ้นหากอยู่ในทัศนวิสัยที่ฝนตกด้วย เพราะถนนจะลื่นมากกว่าปกติ จึงเป็นสิ่งที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาด

การทิ้งระยะห่างที่พอเหมาะกับรถคันข้างหน้า

เทคนิคที่ 4 ไฟทุกตัวต้องทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ระบบไฟภายในรถถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นค่อนข้างมากไม่ว่าจะขับรถในเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ตาม ยิ่งเมื่อขับรถในเวลากลางคืนด้วยแล้ว ระบบไฟทุกตัวจะต้องทำอย่างอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเบรก ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร ไฟฉุกเฉิน ทุกระบบจะต้องตรวจสอบก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อเช็คว่าอยู่สภาพที่พร้อมต่อการเดินทางหรือไม่ แน่นอนว่าการเดินทางสิ่งที่ควรมีติดรถอีกหนึ่งอย่างก็คือไฟฉาย เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินด้วยนั่นเอง

ไฟของทุกระบบภายในรถจะต้องทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

สรุป

สำหรับการขับขี่รถนั้น ถือว่าผู้ขับจะต้องมีความระมัดระวังในทุกๆเส้นทาง โดยเฉพาะการขับรถตอนกลางคืน ที่มีข้อจำกัดหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทัศนวิสัย เส้นทางที่ขับขี่ และสภาวะของร่างกาย เนื่องจากจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอถึงจะสามารถขับรถในเวลากลางคืนได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเสี่ยงเรื่องการหลับในได้ อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้เทคนิคต่างๆในการขับขี่รถในแต่ละสถานการณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะมือใหม่ที่จะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : 

• รวบรวมปัญหาต่างๆของรถยนต์ Honda HR-V และแนะนำการแก้ไข
• ส่อง BMW iNEXTครอสโอเวอร์ไฟฟ้า กับภาพครั้งแรกบนโลกออนไลน์