ดูแลเกียร์ออโต้ยังไงให้ดูวิธี พร้อมทริคง่ายๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนที่เลือกใช้เกียร์ออโต้ในการขับขี่รถยนต์ ก็มักจะเป็นเหตุผลที่มาจากการลดความเมื่อยล้าในการขับขี่ โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่มีการจราจรติดขัด หากขับเกียร์กระปุกก็คงต้องมาคอยเหยียบคลัทช์จนทำให้เมื่อยล้าได้ไม่มากก็น้อย จนอาจจะเกิดความรำคาญได้

วิธีการดูแลเกียร์ออโต้ในการขับขี่

โดยเกียร์อัตโนมัตินั้น จะมีทั้งระบบส่งกำลังแบบ Torque Converter หรือแบบคลัทช์ไฟฟ้า ซึ่งคุณสมบัติต่างๆก็จะมีความทนทานแตกต่างกัน โดยส่วนมากแล้วเกียร์ออโต้มักจะพังก่อนเกียร์กระปุกอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากการใช้งานแบบไม่ถูกต้อง หรือไม่รู้วิธีการดูแลและใช้อย่างเข้าใจการทำงานของเกียร์ออโต้ ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน Khaorot.com จะมาแนะนำวิธีการดูแลเกียร์ออโต้ให้ถูกวิธี ใช้งานได้นาน ที่สำคัญไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าไปจ่ายค่าดูแลบ่อยๆ

ไม่จำเป็นอย่าคิกดาวน์

สิ่งหนึ่งที่คนขับรถมักกระทำกันบ่อยๆก็คือการคิกดาวน์ แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีนี้ไม่ควรทำเป็นเด็ดขาด ถึงแม้การคิกดาวน์จะเป็นการเปลี่ยนจังหวะของเกียร์เพื่อเพิ่มให้อัตราเร่งมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลต่อการสึกหรอโดยตรง แต่รู้หรือไม่ว่าหากใช้การคิกดาวน์บ่อยก็จะทำให้เกียร์มีความร้อนสะสมมากขึ้น และยังทำให้เสื่อมสภาพเร็วตามไปด้วย ดังนั้นหากไม่จำเป็นอย่าคิกดาวน์ดีที่สุด ควรที่จะขับรถอย่างถนอมและระมัดระวัง

เปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อยมากขึ้น

หลายคนมักลืมไปว่าการใช้งานของรถจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ด้วย หรือบางครั้งอาจจะนับรอบตามอายุที่ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ แต่ถ้าหากอยู่ในสังคมเมือง วิ่งรถบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งการใช้รถต้องวิ่งๆ หยุดๆ เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัดนั้น จะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำมันเกียร์โดยตรง ดังนั้นควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ดีกว่าการมานั่งจ่ายเงินหลักหมื่นเพื่อมาซ่อมเกียร์แทน

การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้รถทุกๆ 6 เดือน

ใส่เกียร์ R ทันทีในขณะที่รถยังไม่หยุดสนิท

แน่นอนว่าหากรถไม่หยุดสนิท สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดก็คือใส่เกียร์ R เพราะจะมีแรงหมุนสวนทางค่อนข้างมาก มีผลต่อชุดเฟือง สายพาน และลูกปืนต่างๆ ที่ทำหน้าที่ส่งกำลังของตัวรถ แน่นอนว่าจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง ไม่เพียงแต่ระบบเกียร์เท่านั้น แต่หมายถึงฟันเฟืองต่างๆที่ทำงานร่วมกันด้วยเช่นเดียวกัน

ตอนรถติดให้ใส่เกียร์ N แทนที่เกียร์ D และการเหยียบเบรกค้างไว้

แน่นอนว่าในเวลาที่รถติดคนส่วนมากมักจะใช้เกียร์ D พร้อมกับการเหยียบเบรกค้างไว้ รู้หรือไม่ว่าการกระทำดังนี้ทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ เพราะชุด Torque Convertrer ที่ทำหน้าที่รับกำลังจากเครื่องยนต์โดยตรง และเมื่อเราเบรกค้างไว้เพื่อหยุดรถไม่ให้เคลื่อนไปด้านหน้า ทั้งที่ตัวเกียร์ยังทำงานอยู่และยังมีแรงสะสมมาก จะทำให้แรงดันของน้ำมันหมุนตลอดเวลา ความร้อนก็จะมากขึ้น ส่งผลต่อการใช้งานของเกียร์โดยตรง ดังนั้น เมื่อรถติดควรที่จะใส่เกียร์ N จะดีกว่า โดยเฉพาะหากรถติดมากๆ หรือนานกว่า 2 นาทีขึ้นไป เป็นต้น

การเลือกใช้เกียร์ N เมื่ออยู่ในสถานการณ์รถติดแทนเกียร์ R

เหยียบเบรกก่อนรถเคลื่อนที่

แน่นอนว่าการเหยียบเบรกรถก่อนการเคลื่อนที่นั้นจะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกดการกระชากของตัวรถ และยังทำให้ระบบเกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งถนอมชุดเฟืองเกียร์เอาไว้ด้วย ซึ่งหากเป็นระบบเกียร์ใหม่ๆอย่าง CVT จะมีความเปราะบางด้านกลไกมาก หากขาดการเหยียบเบรกก่อนการเคลื่อนที่เพื่อเริ่มจากตำแหน่งหยุดนิ่งไปยังตำแหน่งขัลเคลื่อนก็จะทำให้พังได้ง่ายมากขึ้น ที่สำคัญอย่าเร่งรอบเครื่องยนต์สูงในช่วงการออกตัว เพราะหากออกตัวแรงจะส่งผลให้เกียร์พังก่อนอายุการใช้งานจริงก็เป็นได้