ดูแลผ้าเบรกอย่างไรช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น

เคล็ดลับดูแลผ้าเบรก

แนะนำเคล็ดลับดูแลผ้าเบรก

ระบบเบรก หรือ ระบบห้ามล้อนั้นนับเป็นส่วนประกอบภายในรถยนต์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากระบบห้ามล้อนี้จะช่วยหยุดยั้งไม่ให้รถของผู้ขับขี่ไปชนกระแทกเข้ากับสิ่งกีดขวาง ยิ่งในกรณีที่ต้องจอดรถอยู่ในพื้นที่ลาดเอียงการเหยียบเบรกและดึงเบรกมือจะช่วยให้รถสามารถจอดนิ่งอยู่ได้โดยที่ไม่ไถลเคลื่อนตัวไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามการใช้งานระบบเบรกอยู่เป็นประจำในทุกครั้งที่ต้องขับขี่รถก็ย่อมส่งผลให้ระบบเบรกมีการเสื่อมสภาพ เช่น น้ำมันเบรกหมด ผ้าเบรกเสื่อมสภาพ และ จานเบรกขึ้นสนิม

ส่วนประกอบชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในระบบเบรก คือ ผ้าเบรกซึ่งมีหน้าที่ในการทำงานสร้างแรงเสียดทานเข้ากับดิสก์เบรก หรือ ดรัมเบรกเพื่อหยุดรถ โดยมีลักษณะเฉพาะตัวที่อ่อนตัวได้ดีและไม่แข็งกระด้างถูกผลิตขึ้นมาผ่านกรรมวิธีผสมระหว่างโลหะหลายชนิดเพื่อให้มีแรงเสียดทานสูงเพื่อที่จะหยุดความเร็วของล้อได้เมื่อใช้ความเร็วสูง ทั้งนี้ในอดีตมีการใช้แร่ใยหินเป็นวัสดุหลักในการผลิตผ้าเบรกแต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมาใช้แกรไฟต์คาร์บอนแทนที่ เมื่อผ้าเบรกเริ่มเสื่อมสภาพจะสามารถสังเกตได้ง่ายจากผิวสัมผัสที่จะเริ่มมีสีผงสีดำขึ้นเกาะเป็นคราบจนส่งผลให้มีอาการเบรกลื่นและต้องใช้ระยะในการเบรกเพื่อหยุดรถมากขึ้น

ดรัมเบรก

สำหรับขั้นตอนการทำงานของผ้าเบรกแบ่งออกได้ตามลักษณะของชุดห้ามล้อ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ชุดห้ามล้อแบบ Disc Brake ซึ่งมีหลักการทำงานง่ายๆเริ่มจากเมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรกแรงดันน้ำมันเบรกจะเข้าไปผลักดันให้คาลิปเปอร์ซึ่งมีผ้าเบรกติดอยู่ทำการหนีบผ้าเบรกให้เข้ากับจานเบรกเพื่อหยุดยั้งรถ

ส่วนผ้าเบรกอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ชุดห้ามล้อแบบดรัมเบรกที่ผู้ขับขี่มักจะพบเห็นได้ในรถยนต์กระบะ หรือ รถที่มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยมีหลักการทำงานง่ายๆเพียงเมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรกจะทำให้แรงดันน้ำมันเบรกผลักดันให้ฝักเบรก (Brake Shoe) ซึ่งมีผ้าเบรกติดอยู่ให้เข้ามาหาจานเบรกเพื่อทำการหยุดชะลอรถ

ดิสก์เบรก

อย่างไรก็ตามการเลือกใช้งานผ้าเบรกที่มีคุณภาพย่อมเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกได้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถที่จะทำการตรวจสอบคุณภาพของผ้าเบรกได้ง่ายๆผ่านวิธีการสังเกตลักษณะของผ้าเบรกที่ยิ่งมีความอ่อนตัวมากก็ยิ่งเพิ่มแรงเสียดทานได้มากขึ้นตามไปด้วยแต่ก็ต้องมากังวลกับปัญหาผ้าเบรกไหม้เมื่อต้องใช้การเบรกอยู่บ่อยครั้ง หรือ มีอาการผ้าเบรกลื่นตามมาในกรณีที่ต้องทำการเหยียบเบรกบ่อยในเวลาที่ยาวนาน ในทางกลับกันหากผู้ขับขี่มีการใช้งานผ้าเบรกที่มีความแข็งมากก็สามารถที่จะทนต่อความร้อนได้ดี เบรกดีในช่วงความเร็วสูงแต่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำจะเบรกไม่ค่อยอยู่ หรือ ต้องอาศัยการอุ่นเบรกให้ร้อนก่อนเพื่อให้สามารถเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

กระปุกน้ำมันเบรก

ส่วนเกรดของผ้าเบรกนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายเกรดแต่หลักๆแล้วสามารถที่จะแบ่งแยกออกได้เป็น 3 เกรดย่อยๆซึ่งการเลือกใช้งานผู้ขับขี่ควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานรถ ประเภทรถ สมรรถนะในการขับขี่ และ น้ำหนักในการบรรทุกหนักในกรณีที่ต้องใช้ในการบรรทุกสัมภาระ

สำหรับผ้าเบรกรูปแบบแรก ได้แก่ ผ้าเบรกเกรดมาตรฐานที่มีความเหมาะสมต่อการใช้งานของรถโดยทั่วไป ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรกสามารถที่จะหยุดความเร็วของล้อได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องใช้การอุ่นผ้าเบรกให้ร้อนก่อนสามารถทำงานได้ดีในช่วงที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ-ปานกลาง หรือ ในช่วงที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงนัก แต่ในกรณีที่ใช้การเบรกในช่วงความเร็วสูงและมีความรุนแรงก็อาจส่งผลให้ผ้าเบรกร้อนจนเบรกไหม้ได้เช่นกัน โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 500-2,000 บาท เท่านั้น

• เบรกมือไม่สามารถหยุดรถได้เกิดจากอะไรใครบอกที
• เปลี่ยนผ้าเบรค ราคา

เปลี่ยนผ้าเบรกเมื่อมีอายุการใช้งานเกิน 60,000 กิโลเมตร

ผ้าเบรกในรูปแบบต่อมา ได้แก่ ผ้าเบรกเกรดกลาง ถือเป็นผ้าเบรกที่สามารถใช้งานในการเบรกช่วงความเร็วปานกลาง-ความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความทนทานในการสะสมความร้อนได้มากกว่าผ้าเบรกในแบบมาตรฐานรูปแบบแรกแต่ก็ยังคงมีข้อเสียอยู่บ้างในส่วนของการเบรกในช่วงแรกที่ผ้าเบรกยังคงไม่ร้อนนักจะมีอาการหน่วงในการหยุดยั้งแต่เมื่อผ้าเบรกเริ่มร้อนก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีราคาจำหน่ายที่สูงกว่าผ้าเบรกในแบบแรกอยู่ไม่สูงมากนักอยู่ในช่วงราคาประมาณ 1,000-4,000 บาท

ส่วนผ้าเบรกในรูปแบบท้ายสุด คือ ผ้าเบรกในเกรดนักแข่ง หรือ ผ้าเบรกที่สามารถใช้ในทำการแข่งขันในสนามได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถใช้ในการหยุดยั้งรถเพื่อทำการเบรกได้ดี ส่วนประกอบของผ้าเบรกชนิดนี้จะมีทั้งวัสดุโลหะและทองแดงผสมกันจนในบางครั้งอาจดูคล้ายกับเป็นโลหะอ่อนเลยทีเดียว สำหรับวิธีการใช้งานเบรกประเภทนี้ต้องมีการอุ่นให้ร้อนก่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกแม้จะใช้การเบรกบ่อยครั้ง หรือ เบรกอย่างรุนแรงก็มีความร้อนสะสมน้อยอีกทั้งยังลดอาการผ้าเบรกไหม้ลงอีกด้วย ทางด้านราคาจำหน่ายผ้าเบรกในกลุ่มนี้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ขึ้นไป

ผ้าเบรก Bendix

ทั้งนี้ผ้าเบรกรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาดรถเมืองไทยมีอยู่ด้วยกันหลากยี่ห้อและหลายระดับราคา เช่น

• ผ้าเบรก Bosch ราคาเริ่มต้นประมาณ 700 บาท
• ผ้าเบรก Bendix ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,200 บาท
• ผ้าดิสก์เบรกหน้า ACDelco ราคา 1,470 บาท , ผ้าดิสก์เบรกหลัง ACDelco ราคา 980 บาท
• ผ้าเบรก N Sport มีให้เลือกใช้ 3 รุ่น ได้แก่ N Sport Mu Spec ราคา 1,000 บาท , N Sport 500 ราคา 2,000 บาท และ N Sport 800 ราคา 2,800 บาท

สำหรับเคล็ดลับดูแลผ้าเบรกว่ามีความผิดปกติหรือไม่นั้นก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพียงหมั่นสังเกตในช่วงที่ทำการเหยียบเบรกจะมีเสียงดังคล้ายคลึงกับแผ่นเหล็กเสียดสีกันซึ่งถือเป็นอาการของผ้าเบรกหมด  อีกทั้งในกรณีที่เหยียบเบรกจะรู้สึกได้ว่าเบรกลื่นเหยียบไม่ค่อยมีความหนืดเป็นสัญญาณของผ้าเบรกหมดได้อีกเช่นกัน นอกจากนี้แล้วผ้าเบรกในบางรุ่นมีการออกแบบให้มีลักษณะเป็นตุ้มโลหะเมื่อผ้าเบรกหมดจะส่งผลให้มาเสียดสีกับจานเบรกจนทำให้จานเบรกเสียหาย ในกรณีนี้เมื่อพบว่าผ้าเบรกหมดผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เพื่อให้ระบบห้ามล้อสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

หมั่นตรวจเช็คระบบเบรกอยู่เป็นประจำ

ส่วนวิธีการป้องกันปัญหาความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นกับระบบเบรกผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คระบบห้ามล้ออยู่ตลอดโดยเฉพาะในชิ้นส่วนผ้าเบรกควรทำการเปลี่ยนใหม่เมื่อใช้งานไปได้ครบระยะประมาณ 60,000 กิโลเมตร รวมไปถึงลูกยางรองปั้มเบรก และ ลูกยางลูกสูบเบรก เนื่องจากอุปกรณ์ประเภทนี้เมื่อผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานานจะส่งผลให้คุณภาพเสื่อมลงจนทำให้เมื่อเบรกจะส่งเสียงดังรวมไปถึงในบางครั้งอาจทำให้การเบรกไม่นิ่งสนิทซึ่งในกรณีนี้ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนส่วนที่ชำรุดให้ทันท่วงทีเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

สำหรับผู้ที่มีการใช้งานรถอยู่เป็นประจำควรหมั่นตรวจเช็คระบบเบรกให้มีความพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอและเลือกใช้ผ้าเบรกที่ได้รับมาตรฐานครับ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/

ดูเพิ่มเติม:

• 6 สัญญาณบ่งบอกว่าเบรกรถยนต์กำลังมีปัญหา
• เปลี่ยนผ้าเบรก จำเป็นไหมที่ต้องเจียรจานเบรก???