23:24, 12 ม.ค. 2566

กฎหมาย รถ กระบะ บรรทุก อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย

บันทึกรายการ

เรื่องที่คนขับรถกระบะควรรู้ว่ากฎหมาย รถ กระบะ บรรทุก ได้ กี่ ตัน และ รถ กระบะ บรรทุก หนัก อย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย

สำหรับผู้ขับขี่ที่มียานพาหนะเป็นรถกระบะที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้ธุรกิจเพื่อการพาณิชย์ เช่น ส่งสินค้า เกษตรกร การที่ต้องใช้รถกระบะเพื่อบรรทุกของหนักแทบจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่การที่จะใช้รถ กระบะ บรรทุก สิ่งของหนักนั้นก็จะมี กฎหมายรถกระบะบรรทุก 4 ล้อ เอาไว้เพื่อควบคุมความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน เพราะถ้าหากว่ารถกระบะของเราบรรทุกสิ่งของหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็อาจถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจและเสียค่าปรับได้ วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่ารถกระบะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้เท่าไร และรถกระบะบรรทุกหนักอย่างไรไม่ให้โดนตำรวจจับและถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ตามไปหาคำตอบได้ในบทความนี้

รถกระบะ คือรถยอดนิยมของคนไทย

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความนิยมรถกระบะในประเทศไทยนั้นมีความต้องการทางการตลาดสูงมาก เนื่องจากโดยส่วนใหญ่แล้วคนไทยนิยมใช้รถกระบะเพื่อประกอบอาชีพได้หลากหลายช่องทาง เช่น ค้าขาย เกษตรกร หรือขนส่งสินค้า เป็นต้น รวมทั้งในปัจจุบันรถกระบะยังสามารถตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางได้เป็นอย่างมาก ทั้งการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ พละกำลังของเครื่องยนต์อันทรงพลัง ความสมบุกสมบันที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเส้นทาง จึงทำให้รถกระบะเข้ามาตอบโจทย์ประเภทกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังมีข้อบังคับทางด้านการลงทุนของรัฐบาลที่ส่งผลให้รถกระบะมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับรถเก๋ง และการใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีการประหยัดน้ำมันดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน รวมทั้งรถกระบะยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลายและมีความอเนกประสงค์มากกว่ารถเก๋งอีกด้วย

รถกระบะบรรทุกน้ำหนักได้เท่าไร

โดยตามกฎหมายรถกระบะขนาด 1 ตัน สามารถบรรทุกของได้ไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน ตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 หากผู้ขับขี่ต้องการบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากกว่านี้จะต้องทำการยื่นเรื่องเพื่อขออนุญาตดัดแปลงรถ เช่น เสริมแหนบ เปลี่ยนเพลา หรือเปลี่ยนกระทะล้อ เพื่อให้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าเดิมและมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมทั้งยังถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย หากผู้ขับขี่มีการดัดแปลงแต่ไม่ได้ทำการติดต่อสำนักงานขนส่งจะมีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 14 ฐานแก้ไขดัดแปลงสภาพรถและถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท

บรรทุกน้ำหนักอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่ารถกระบะห้ามบรรทุกของไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม โดยผู้ขับขี่ยังต้องคำนึงถึงภาพรวมของตัวรถด้วย ทั้งความยาว ความกว้าง และความสูง รวมไปถึงสิ่งของที่บรรทุกมาด้วย โดยกฎหมายตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ปี 2522 มาตรา 5 และมาตรา 15 ได้ระบุเอาไว้ว่าต้องบรรทุกของไม่เกินความกว้างของตัวรถ ส่วนความยาวด้านหน้าไม่ควรยื่นออกมาเกินฝากระโปรงหน้ารถ และด้านหลังสามารถเลยตัวรถได้ไม่เกิน 2.5 เมตร ส่วนความสูงวัดจากพื้นแล้วไม่เกิน 3.8 เมตร หากในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องบรรทุกสิ่งของที่มีความยาวเกินตัวรถจะต้องติดธงสีแดงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาด 30x45 เซนติเมตร ไว้ที่ปลายสิ่งของที่บรรทุกมา และหากในช่วงเวลากลางคืนจะต้องมีการติดสัญญาณไฟสีแดงที่สามารถให้รถคันหลังที่ตามมาสามารถมองเห็นได้ชัดในระยะ 150 เมตร รวมถึงจะต้องมีการจัดการป้องกันไม่ให้สิ่งของตกหล่นลงมาสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน หากผู้ขับขี่ฝ่าฝืนและไม่ทำตามข้อปฏิบัติจะมีโทษปรับ 1,000 บาท

รถกระบะติดคอกสูงได้เท่าไร

สำหรับรถกระบะที่มีความจำเป็นต้องติดตั้งคอกสูงเอาไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มปริมาณความสามารถในการบรรทุกเพิ่มขึ้น โดยทางกฎหมายรถกระบะบรรทุก 4 ล้อ ได้ระบุเอาไว้ว่า ด้านข้างของตัวคอกกว้างไม่เกิน 2.30 เมตร และจะต้องมีความสูงไม่เกิน 3.00 เมตร และกำชับเอาไว้ว่าผู้ขับขี่จะต้องหาวิธีเพื่อป้องกันสิ่งของตกหล่นเอาไว้ให้เป็นอย่างดี เพื่อสร้างความปลอดภัยในการขนส่งที่สามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ในระหว่างการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ใช้รถกระบะภายในประเทศไทยมีตัวเลขที่สูงมากกว่ารถประเภทอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วมาจากธุรกิจขนส่งที่มีความจำเป็นต้องใช้รถกระบะเพื่อเพิ่มความสามารถในการบรรทุกสิ่งของในปริมาณมาก อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับเวลาเพื่อเดินทางไปขนส่งยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ จึงทำให้รถเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น หากเจ้าของรถหรือเจ้าของธุรกิจที่ใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะหลักในการเดินทาง การทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักที่ถูกต้องก็จะช่วยทำให้ไม่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกจับ ไม่ต้องเสียค่าปรับ และยังเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนได้อีกด้วย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/

ดูเพิ่มเติม:

ในหมวดเดียวกัน