Toyota Rush มีปัญหาอะไรบ้าง? ลองมาสำรวจฟีดแบ็คจากผู้ใช้จริง

สำรวจปัญหาของ Toyota Rush ที่ผู้ใช้พบเจอ

Toyota Rush มีปัญหาอะไรบ้าง ?

Toyota Rush เปิดตัวรุ่นแรกในปี 2006 ที่อินโดนีเซีย ด้วยคุณสมบัติของรถยนต์ SUV ขนาด 5 ที่นั่ง ซึ่งผลิตออกมาจำหน่ายควบคู่กับ Daihatsu Terios ที่มีขนาดใหญ่กว่าคือ 7 ที่นั่ง โดยทั้งคู่มีระบบขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนกัน ภายหลังได้ผนวกคุณสมบัติของทั้งสองคันเข้าด้วยกัน ปรับแต่งหน้าตาใหม่และพัฒนาขึ้นภายใต้เพลทฟอร์มเดียวกันกับ Avanza และ Xenia อีกทั้งยังใช้แชสซีส์แบบ unibody กลายเป็น Toyota Rush โฉมใหม่ (อีกชื่อหนึ่งคือ Daihatsu Terios) ขนาด 7 ที่นั่ง ส่งขายไปทั่วโลกในปี 2018 ซึ่งโฉมล่าสุดนี้ มีดีไซน์ถูกใจชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก กวาดยอดขายมากที่สุด และวันนี้ khaorot.com เราจะพาไปชมกระแสตอบรับว่า หลังจากใช้งาน “Toyota Rush” แล้ว มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีวิธิการแก้ไขอย่างไรครับ

Toyota Rush โฉมใหม่ 2018 มาพร้อมกับชุดแต่ง TRD

1. เกียร์กระตุก มีเสียงดัง

อาการที่พบคือ มีเสียงดัง “แกร๊ก แกร๊ก” ขณะเปลี่ยนเกียร์ หรือมีอาการกระตุก กระชาก บางกรณีอาจมีเสียงเกียร์ดังกอรปกับตัวรถไม่ขยับเคลื่อน ทั้งที่รอบเครื่องขึ้นสูง

สาเหตุอาจเกิดจาก

•    กล่องเกียร์พัง
•    มีเศษโลหะเข้าไปขัดระหว่างเฟืองเกียร์

เกียร์อัตโนมัติกระตุก กระชาก

วิธีแก้ปัญหาคือ

1)    เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ และเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ควรทำอันดับแรก แม้ว่ายังไม่ถึงระยะเปลี่ยนถ่ายของเหลวก็ตาม เพราะมีเศษโลหะที่เกิดจากการสึกหรอของอะไหล่ในกล่องเกียร์ เข้าไปขัดระหว่างเฟืองเกียร์ ทำให้การทำงานของระบบเกียร์ไม่ราบรื่น
2)    ให้ผู้เชี่ยวชาญเช็คระบบเกียร์ กรณีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์แล้วยังมีอาการเช่นเดิม ซึ่งอะไหล่บางชิ้นอาจเสียหายต้องทำการเปลี่ยน หรือถ้าอาการหนักอาจต้องเปลี่ยนยกชุด
3)    หมั่นตรวจสอบน้ำมันเกียร์อยู่เสมอ สำหรับเกียร์อัตโนมัติทั่วไปควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 20,000-30,000 กิโลเมตร
4)    ขับขี่ด้วยความนุ่มนวล ไม่ขับกระชากเกียร์ หรือเปลี่ยนเกียร์อย่างรุนแรง จะช่วยยืดอายุเกียร์อัตโนมัติให้อยู้กับคุณนานขึ้น

อัตราเร่งอืด ขับเร็วหรือขับในเมืองสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก

2. เครื่องยนต์อืด

Toyota Rush ติดตั้งเครื่องยนต์รหัส 2NR-VE ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 136 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ Avanza นอกจากนี้ที่สำคัญ Rush มีตัวถังที่ใหญ่และหนักกว่า Avanza จึงวางให้เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (การใช้แรงผลักดันจากด้านหลังจะใช้กำลังน้อยกว่าการดึงจากด้านหน้าแบบขับเคลื่อนล้อหน้า) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดจาก Avanza และเพิ่มรุ่นเกียร์ธรรดา 5 สปีด ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้ Rush มีอัตราเร่งค่อนข้างช้าเมื่อเปรียบเทียบกับ SUV ค่ายอื่น

วิธีการแก้ไข

1)    ลดการบรรทุกสัมภาระที่มากเกินความจำเป็น
2)    หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่อง ควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดี จะทำให้การหล่อลื่นชิ้นส่วนเครื่องยนต์ดีขึ้น
3)    หมั่นเช็คและเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามความเหมาะสม เพราะหากกรองน้ำมันสกปรก จะทำให้รถวิ่งอืด กำลังหาย และมีอาการสตาร์ทติดยาก

3. สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

Toyota Rush มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8 กิโลเมตร/ลิตร (ในเมือง) และ 10-11 กิโลเมตร/ลิตร (ทางนอกเมือง) ซึ่งถือว่า “ซด” มากกว่าค่ายอื่นอยู่เหมือนกัน

โดยสามารถช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ ดังนี้

1)    ลดการบรรทุกสัมภาระหนักเกินความจำเป็น
2)    เลี่ยงการขับขี่แบบรวดเร็ว เร่งเครื่องยนต์ตลอดเวลา
3)    หมั่นตรวจสอบแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ และเช็คขนาดยางว่าใหญ่หรือเล็กมากเกินไปหรือไม่
4)     เลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถ และต้องมีคุณภาพ เพราะจะช่วยเพิ่มการหล่อลื่นของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ให้ทำงานประสานกันง่ายขึ้น ไม่ฝืด

Toyota Rush 2018 Sun Visor Mirror Light Problem

4. ไฟส่องกระจกหน้าไม่ดับ

อาการนี้เป็นเฉพาะบางคัน โดยไฟส่องบริเวณกระจกที่บังแดด เมื่อพับปิดแล้ว ไฟบางจุดยังคงสว่างอยู่ ทำให้หลอดไฟร้อน และเกิดความเสียหาย

วิธีการแก้ไข

1)    เช็คความผิดปกติของหลอดไฟ และขั้วหลอดไฟ
2)    เช็คแบตเตอรี่ว่าเสื่อมหรือไม่ พร้อมกับตรวจดูอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆภายในรถยนต์ อาทิ ลมแอร์ไม่สม่ำเสมอ ไฟตก วิทยุติดๆดับๆ เป็นต้น
3)    หากแบตเตอรี่ปกติควรให้ผู้ชำนาญเช็คระบบทางเดินสายไฟภายในห้องโดยสาร ว่ามีจุดใดผิดพลาดหรือไม่

สรุป

จากการสำรวจผู้ใช้งาน Toyota Rush ทั้งในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ถือว่ามีปัญหาจุกจิกน้อยมาก ซึ่งเป็นจุดเด่นของโตโยต้าที่ทำให้ผู้บริโภค “เชื่อถือ” และ “มั่นใจ” ในรถยนต์ของค่าย กอรปกับหน้าตาของ Rush โฉมใหม่ หล่อเหลา ต้องตา ต้องใจ ผู้ใช้ทั่วโลกมากทีเดียว จึงทำให้รับได้กับปัญหาบางข้อ และหากดูแลเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆอย่างสม่ำเสมอ ขับขี่ด้วยความนุ่มนวล ไม่รีบร้อน จะช่วยลดปัญหาที่ว่าได้ดีทีเดียว ต้องรอลุ้นกันว่า Toyota Rush จะเข้ามาให้ชาวไทยได้สัมผัสบ้างหรือไม่

ดูเพิ่มเติม:
เปรียบเทียบ Toyota Rush 2018 กับ Mitsubishi Expander 2018 มาดูคันไหนดีกว่ากัน
เปรียบเทียบ Toyota Rush 2018 vs. New Honda BR-V 2018 แบบจุดต่อจุด