รวบรวมทุกจุดเด่น-จุดด้อย BMW X1 2018 รถยนต์เอนกประสงค์ สายพันธุ์สปอร์ต

รีวิว BMW X1 2018 

BMW X1 เป็น SAV (Sport Activity Vehicles) รุ่นเล็กสุดของตระกูล X ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น ด้านการใช้งานก็โดนใจผู้ขับเช่นกัน ซึ่งการันตีได้จากยอดขายรุ่นแรกถึง 730,000 คัน และล่าสุด BMW X1 2018 ที่เพิ่งเปิดตัวออกไปไม่กี่เดือนก่อนหน้าก็ได้การรับจากบรรดานักขับอย่างดีทีเดียว ซึ่งรุ่นใหม่นี้ได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งวางเครื่อง โดยย้ายมาไว้ด้านหน้า ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้นมาก และยังใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ฉีกแบบเดิมๆที่เป็นรถขับหลังออกไป ให้รู้สึกท้าทายยิ่งขึ้น โดยวันนี้เราจะมาดูความคิดเห็นของผู้ขับขี่ทั้งหลายกันว่า เพราะอะไรถึงตัดสินใจเลือก BMW X1 และมีปัญหาในการขับขี่อะไรบ้าง

เปรียบเทียบอย่างละเอียดระหว่าง BMW X1 กับคู่แข่ง Mercedes-Benz GLA Class รถคันไหนดีกว่า

กระจังหน้าออกแบบใหม่ให้ดูลึก มีมิติมากขึ้น

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่แนวยาว ตามแบบสมัยนิยม

2018 BMW X1 Review

รีวิวภายนอก

ลักษณะภายนอกของ BMW X1 2018 มีการปรับดีไซน์ให้ดูกลมกลืนขึ้น สวยงามและดูสปอร์ตกว่ารุ่นก่อนหน้า ตัวถังมีขนาดใหญ่กว่าเดิม มิติตัวถังยาว 4,439 มิลลิเมตร กว้าง 1,821 มิลลิเมตร สูง 1,612 มิลลิเมตร น้ำหนักทั้งคันอยู่ที่ 1,505 กิโลกรัม 
ไฟหน้า LED พร้อม Day Time Running Light และชุดไฟตัดหมอก ตัวกระจังหน้าออกแบบใหม่ให้มีมิติมากขึ้น กันชนหน้าตรงชายด้านล่างตกแต่งด้วยแถบอลูมิเนียม เพิ่มความเป็น SAV  ส่วนไฟท้ายเป็น LED ตามแนวเส้นยาวพร้อมกับไฟตัดหมอกด้านในสุดทั้งสองข้าง ใช้ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 95W  โดยรวมแล้วมีความทะมัดทะแมงและมีเส้นสายที่ชัดเจน กลมกลืนกับมิติรถมากขึ้น ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปโฉมภายนอกที่ปรับปรุงใหม่ไว้ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 1
“ไฟท้าย ผมว่า สวยดีครับ ”
ความคิดเห็นที่ 2
“ รูปทรงดูกลมกลืน แต่ดูดีขึ้น ”
ความคิดเห็นที่ 3
“การออก เเบบ รูปทรงรถภายนอก  สวย  สีขาว น่าจะเป็นสีที่สวยสุด  (แล้วมั้ง )”
ความคิดเห็นที่ 4
“ไฟท้ายแบบรุ่นใหม่สวยกว่ารุ่นเก่ามาก”

ดูเพิ่มเติม: BMW X1 2018

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนัง โทนสีภายในขึ้นอยู่กับสีรถ

รีวิวภายใน

ภายในตกแต่งด้วยสีน้ำตาลเข้ม Mocha หรือสีขาว ขึ้นอยู่กับสีภายนอกที่ท่านเลือก โดยทุกรุ่นย่อยจะได้ระบบ Comfort access มาให้เหมือนกันหมด เพียงแค่พกกุญแจเข้าใกล้รถก็เปิดประตูได้ ไม่ต้องเสียเวลากดปุ่มรีโมท การตกแต่งภายในลงตัวสวยงามตามฉบับ BMW มีไฟ LED Ambient light ภายในตัวรถ เพิ่มอรรถรสในการขับขี่ยามค่ำคืน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ไม่มี Cruise Control มีหน้าจอหลักขนาด 8.8 นิ้ว พร้อม iDrive และระบบนำทางที่ใช้งานได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้าอีกด้วย ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาออกจากด้านหน้า 

คอนโซลมีการจัดสรรพื้นที่อย่างลงตัว ใช้งานสะดวก

มีโหมดากรขับขี่ให้เลือกทั้งแบบสปอร์ตและ ECO PRO

พื้นที่เก็บสัมภาระมากถึง 1,550 ลิตร

ส่วนระบบปรับอากาศสามารถปรับแยกส่วนเป็นสองฝั่ง พร้อมปรับอัตโนมัติและปุ่ม SYNC ที่ทำให้อุณหภูมิทั้งสองข้างเท่ากันตามความต้องการ การจัดวางคอนโซลใช้งานงาน รวมถึงปุ่มต่างๆสามารถกดได้สะดวกแม้ว่ากำลังขับขี่อยู่ก็ตาม ติดตั้งเบรกไฟฟ้าเพื่อลดพื่นที่ แต่ยังไม่มี Auto brake hold มาให้เหมือนใน BMW X5 xDrive 40e 

พื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหลังมีขนาด 505 ลิตร ซึ่งสามารถพับเบาะลงมาแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่อีกสามเท่าตัว รวมเป็น 1,550 ลิตรด้วยกัน และได้มีผู้แสดงความคิดเห็นไว้ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 1
“ใช้เบนซินครับ ชอบมากกก ไม่ชอบที่คือแอร์มันแปลกๆ ไม่ค่อยเย็น บางทีต้องตั้ง 22-23 องศาถึงเย็น”
ความคิดเห็นที่ 2
“ผมว่า ระบบปิดกลิ่นจากข้างนอกมันไม่ค่อยดี ขับรถผ่านควันไฟหรือจุดไหนที่มีกลิ่นอะไรแรงๆ กลิ่นมันเข้ามาชัดเจนมาก”

ความคิดเห็นที่ 3
“เบาะรองนั่งอึดอัด ตรงขอบดันขึ้นนั่งลำบาก แต่ในรุ่น M Sport ดีกว่า”
ความคิดเห็นที่ 4
“I drive control ใช้งานได้ ครบ ครอบคลุม สะดวกดี”
ความคิดเห็นที่ 5
“เก็บเสียง ช่วงล่าง ไม่ค่อยดี เสียงยาง รันแฟต เข้ามาในห้องโดยสาร ค่อยข้างดัง (แต่ผมรับได้ เพราะ เปิดเครื่องเสียงกลบ 55..)”

เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo

รีวิวเครื่องยนต์

สำหรับเครื่องยนต์ มีให้เลือกสองแบบ คือ BMW X1 sDrive18i ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS)  และเครื่องยนต์ดีเซลในรุ่น BMW X1 sDrive18d และ BMW X1 sDrive20d M Sport ขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ที่ให้กำลังสูงสุด 150 และ 190 แรงม้า โดยเครื่องดีเซลสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ในระดับ 20.4 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว ทั้งสามรุ่นย่อยใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด และ 8 สปีด พร้อม Paddle Shift หลังพวงมาลัย ช่วยปรับเกียร์เร็วขึ้น ขับเคลื่อนแบบ FWD

ช่วงล่างแน่น ไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป

การเข้าโค้งมีการทรงตัวได้ดี

สำหรับช่วงล่างเหมือกัน คือ ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์พร้อมปีกนกอัลลอย ที่สามารถขับได้ทั้งทางเรียบและทางขรุขระ ไม่นุ่มไม่แข็งจนเกินพอดี
ซึ่งมีผู้แสดงความติดเห็นไว้ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 1
“ดีครับรับรถมาตอนสิ้นเดือน แรงดี ผมออกตัวดีเซล”
ความคิดเห็นที่ 2
“รถสมรรถนะ ดี นิ่งมาก เกาะถนน เยี่ยม เข้าโค้ง 140 ยังโออยู่”
ความคิดเห็นที่ 3
“ประหยัดดีครับ นอกเมือง 16-17 km/l ในเมือง น่าจะ 10-11  นี้หล่ะ จำไม่ค่อยได้ เครื่องแรงดี  เร่งแซง มั่นใจ ถ้าใช้ Mode Sport จะเห็นความแตกต่าง”
ความคิดเห็นที่ 4
“ไม่มีครุยซ์คอนโทลนะ. ขับยาวๆนี้แย่เลย”
ความคิดเห็นที่ 5
“น่าจะมีเกียร์ธรรมดาด้วย จะขับสนุกกว่านี้”

ระบบช่วยจอด BMW Parking Assistant

ระบบความปลอดภัย

ด้านความปลอดภัยคลอบคลุมด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งรอบคัน เข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง และระบบนิรภัยพื้นฐานต่างๆที่รถระดับนี้มักใส่กันมา เช่น ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบความคุมการยึดเกาะถนน ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ กล้องมองหลัง และระบบช่วยจอด BMW Parking Assistant เป็นต้น โดยมีข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งาน ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 1
“ระบบความปลอดภัยน่าจะมีให้มากกว่านี้”
ความคิดเห็นที่ 2
“ระบบช่วยจอดดีมาก”

สรุป

New BMW X1 2018 หลังจากไปเสริมหล่อมาใหม่พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมขึ้นมา จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย มว่าบางฟังก์ชั่นอาจไม่เลิศเหมือคู่แข่งในค่ายอื่น แต่ New BMW X1 2018 ก็เอาความแรงเข้าสู้ ด้วยเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร ซิ่งแซงจนตัวปลิวกันไปเลย อีกทั้งยังประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าด้วย นอกจากนี้ยังมีขนาดที่เก็บสัมภาระกว้างกว่าชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นเหตุผลที่หลายๆคนยังตัดสินใจเลือก BMW ไม่เปลี่ยนแปลง 

ดูเพิ่มเติม:
BMW X1 2018 Diesel ดีไหม?
รีวิว BMW 730 Ld M Sport เรียบหรู พร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน