ประกันมรดก 101: รู้ครบรอบด้านก่อนตัดสินใจทำ

เมื่อพูดถึงการส่งต่อทรัพย์สินจากรุ่นสู่รุ่น หลายคนมักนึกถึงการเขียนพินัยกรรมหรือการจัดตั้งกองมรดก (Trust) แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริหาร นักธุรกิจ และผู้ที่ใส่ใจในการวางแผนทางการเงินระยะยาว นั่นคือ “ประกันมรดก” หรือ ประกันชีวิตเพื่อการส่งต่อทรัพย์สิน นั่นเอง

หากคุณกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประกันมรดกแบบครบทุกมิติ พร้อมข้อควรคำนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน

ประกันมรดกคืออะไร ?

ประกันมรดกหรือประกันชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านมรดก (Legacy Planning) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาทอย่างเป็นระบบ โดยเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต บริษัทประกันจะจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถใช้เป็นมรดกที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการแบ่งทรัพย์ในศาล หรือภาระทางภาษีบางประการ

จุดเด่นของประกันมรดก

• ส่งต่อทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ: เงินที่ได้รับจากกรมธรรม์สามารถตกทอดให้ทายาทโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาผ่านกระบวนการจัดการมรดกในศาลซึ่งอาจใช้เวลานาน และมีข้อขัดแย้งทางกฎหมาย
• ลดความเสี่ยงเรื่องภาษีและค่าใช้จ่ายหลังเสียชีวิต: ในบางประเทศ ประกันชีวิตสามารถใช้ลดภาระภาษีมรดก หรืออย่างน้อยก็ช่วยเตรียมเงินสดไว้ชำระค่าธรรมเนียม ภาษี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งต่อทรัพย์สิน
• รักษาความสัมพันธ์ภายในครอบครัว: การแบ่งมรดกด้วยเงินจากกรมธรรม์สามารถลดปัญหาการขัดแย้งระหว่างทายาทได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีทรัพย์สินไม่สามารถแบ่งได้ เช่น ธุรกิจครอบครัว หรืออสังหาริมทรัพย์เพียงหนึ่งหลัง

ประเภทของประกันมรดก

1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance): แบบประกันที่คุ้มครองตลอดชีวิตโดยไม่จำกัดระยะเวลา และมีมูลค่าเวนคืนที่เติบโตตามเวลา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการส่งต่อความมั่งคั่งโดยตรงและมั่นใจว่าจะได้รับเงินตามสัญญาแน่นอน
2. ประกันชีวิตแบบชำระเบี้ยสั้น: เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้สูงในช่วงเวลาหนึ่ง และต้องการวางแผนส่งต่อมรดกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเบี้ยในอนาคต เช่น ชำระเบี้ย 5 ปี แต่คุ้มครองตลอดชีวิต
3. Universal Life หรือ Unit-Linked: สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนเบี้ยและความคุ้มครองได้ และมีองค์ประกอบของการลงทุนในระยะยาว

ข้อควรพิจารณาก่อนทำประกันมรดก

• เป้าหมายทางการเงินของคุณคืออะไร ? หากเป้าหมายคือการส่งต่อความมั่งคั่งแบบปราศจากข้อพิพาท และมีเงินสดพร้อมใช้ในมือของทายาท ประกันมรดกอาจเป็นคำตอบ
• คุณมีทายาทที่ต้องดูแลหรือไม่ ? หากคุณมีบุตรหลาน หรือผู้ที่คุณต้องการดูแลหลังจากคุณไม่อยู่แล้ว การมีเงินก้อนที่มั่นใจว่าจะส่งถึงมือเขาได้แน่นอน คือการแสดงความรับผิดชอบทางการเงินที่สำคัญ
• คุณรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ? ประกันบางแบบอาจมีองค์ประกอบของการลงทุน เช่น Unit-Linked จึงควรพิจารณาระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ก่อนตัดสินใจ
• ภาษีและกฎหมายท้องถิ่น แม้ประกันจะไม่ถูกนับรวมเป็นทรัพย์มรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณี จึงควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินร่วมกับนักกฎหมาย

ประกันมรดกไม่ใช่เรื่องของคนมีเงินเท่านั้น แต่คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมการส่งต่อความมั่งคั่งได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหาทางกฎหมายหรือความขัดแย้งในครอบครัวในอนาคต

หากคุณมีเป้าหมายระยะยาว ต้องการสร้างคุณค่าให้เงินของคุณมีความหมายยิ่งขึ้นหลังจากคุณจากไป “ประกันมรดก” คือก้าวสำคัญที่ควรเริ่มคิดตั้งแต่วันนี้