สำหรับใครหลายคน ตัวเลขแรงม้ารถยนต์และแรงบิด นับเป็นค่าที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลในการตัดสินใจหรือเปรียบเทียบรถยนต์ หากคันใดรุ่นใดมีตัวเลขยิ่งมากมักถูกตีความกันว่าเหนือกว่า ซึ่งจริง ๆ ยังมีผู้คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจว่าสองค่านี้ต่างกันอย่างไร (นอกจากยิ่งมากทั้งคู่ยิ่งดี) แต่ถ้าเกิดคันใดคันหนึ่ง มีค่าใดค่าหนึ่งมากกว่า แต่อีกค่าหนึ่งน้อยกว่าอีกคันล่ะจะตัดสินอย่างไร และค่าไหนสำคัญกว่ากัน
แรงม้ารถยนต์คืออะไร
“แรงม้าคืออะไร” แรงม้าก็คือตัวเลขของหน่วยของกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์สำหรับการลากวัตถุให้เคลื่อนที่ โดยไทยมักนิยมใช้หน่วยเป็น HP (Horse Power) หรือถ้าว่ากันแบบเข้าใจง่ายคือ ยิ่ง “แรงม้า” มากก็จะมีผลต่อ “ความเร็วสูงสุด” ของรถยนต์
แต่อย่างไรก็ตามในการใช้งานเครื่องยนต์ในรถยนต์ไม่ได้หมุนด้วยความเร็วแบบ Static หรือความเร็วรอบคงที่ เพราะฉะนั้นผู้ผลิตรถยนต์จะแสดงค่าแรงม้าสูงสุดพร้อมกำกับด้วยรอบของเครื่องยนต์ เช่น 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที นั่นหมายความว่า รถยนต์คันนั้นจะใช้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ได้นั้น เครื่องยนต์ก็ต้องหมุนที่ 5,500 รอบ/นาที
แล้วแรงบิดคือ ?
ส่วนแรงบิด (Torque) นั้นหมายถึงแรงที่เกิดจากแรงหมุน (บิด) เพลาข้อเหวี่ยงภายในเครื่องยนต์ ซึ่งจะส่งกำลังผ่านเกียร์ไปสู่ล้อเพื่อฉุดให้รถยนต์เคลื่อนที่และแรงบิดนั้นจะมีผลต่อ “ความไว” หรืออัตราเร่ง รวมถึงกำลังฉุดลากของรถยนต์
โดยผู้ผลิตรถยนต์ในไทยจะนิยมใช้หน่วย นิวตันเมตร ในการบอกแรงบิดสูงสุดของรถรุ่นนั้น ๆ ที่รอบเครื่องยนต์เท่าไร เช่น 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบ/นาที หมายความว่า รถคันนี้จะมีแรงบิดสูงสุดให้ใช้ตลอดช่วง 2,000-4,500 รอบ/นาที (เรียก Flat Torque คือมีแรงบิดสูงสุดให้ใช้บนรอบเครื่องที่กว้าง เดาได้ว่าใช้ระบบอัดอากาศช่วย) ขณะที่รถหายใจธรรมดาจะได้แรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องใดรอบเครื่องหนึ่ง ถ้ายังไม่ถึงหรือเกินจากรอบเครื่องนั้นแรงบิดจะลดลง
แรงม้ากับแรงบิดอันไหนสำคัญกว่ากัน
จริง ๆ แล้วทั้งสองค่าสำคัญทั้งคู่สำหรับรถยนต์ แต่สำหรับผู้ขับขี่นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยม พฤติกรรมหรือการใช้งาน ถ้าเน้นอัตราเร่ง กำลังฉุดลาก ยิ่งแรงบิดสูงยิ่งได้เปรียบ แต่หากความสุขเป็นเรื่องของความเร็วปลายหรือความเร็วสูงสุดยิ่งแรงม้ามากยิ่งได้เปรียบ ซึ่งในรถยนต์หนึ่งรุ่นอาจให้ทั้งสองอย่างหรือไม่ก็ได้
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงตัวเลขสองค่า ทั้ง แรงม้ารถยนต์ หรือ แรงบิดรถยนต์ บนแคตตาล็อกบอกสมรรถนะหรือความได้เปรียบของรถได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น เพราะการที่รถจะวิ่งได้เร็วที่สุดหรือเร่งได้ไวที่สุด ไม่ได้อยู่แค่เพียงตัวเลขแรงม้ากับแรงบิด
เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น รถที่มีกำลังแรงม้าน้อยกว่า อาจทำความเร็วปลายได้สูงกว่ารถที่มีแรงม้าสูงกว่าก็ได้ ถ้าต้องลากน้ำหนักตัวน้อยกว่า แหวกลมได้ดีกว่า หรือไม่สามารถเอาแรงม้าที่มีลงพื้นได้ไม่หมด
แม้แต่แรงบิดก็เช่นกัน รถแรงบิดสูงอาจมีกำลังฉุดลากมากแต่การออกตัวไม่ปรู๊ดปร๊าดก็ได้ถ้าผู้ผลิตเซตอัตราทดเกียร์ให้ค่อยเป็นค่อยไปอย่างดุดันแต่สุภาพ ไม่กระโชกโฮกฮาก เน้นแรงบิดสูงในรอบต่ำสำหรับวิ่งไกลยาว ๆ และสามารถเรียกอัตราเร่งได้ทันทีทันไดแบบไม่ต้องเค้น เป็นความทรงพลังที่ไหลมาเรื่อย ๆ แต่ไม่จัดจ้านก็ได้ หรือรถแรงบิดน้อยอาศัยการทดเกียร์ช่วยเพื่อให้กระโดดออกตัวได้ไวแล้วค่อยไปแผ่วที่เกียร์สูงเนื่องจากเน้นการใช้งานในเมือง จาจรหนาแน่น ต้องการความคล่องตัว ก็ได้เช่นกัน
สรุปคือ “แรงม้ารถยนต์” กับ “แรงบิดรถยนต์” นั้นให้ “ผล” ที่ต่างกัน และตัวเลขแรงม้ากับแรงบิดเป็นเหมือน Figure ที่บอก “ประสิทธิภาพ” แต่ไม่ได้การันตี “ประสิทธิผล” ได้เสมอไป เหมือนคนสูงขายาวอาจวิ่งได้ช้ากว่าคนที่เตี้ยและขาสั้นกว่าก็ได้ มันไม่ได้อยู่ที่ “What” แต่มันอยู่ที่ “How”
เพราะรถยนต์ไม่ได้มีแค่เครื่องยนต์ มันมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นตัวแปรและมีผลต่ออัตราเร่งรวมถึงความเร็วสูงสุด และต่อให้เร็วก็ไม่ได้แปลว่าขับดี เกาะถนน ขับสบายหรือไม่ ตัวเลขบนแคตตาล็อกบอกได้เพียงคร่าว ๆ เพื่อให้พอคาดเดาได้เท่านั้น ซึ่งถ้าใครพอใจกับตรงนั้นก็ไม่ผิด
อ่านเพิ่มเติม