ตั้งแต่มีข่าวน้ำมันปรับตัวขึ้นนั้น เรียกได้ว่า ทุกคนต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีรถเป็นของตัวเอง เพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องบานเบอะตามไปด้วย จากแต่ก่อนที่ขับรถแบบสบายๆ น้ำมันใกล้หมดเมื่อไหร่ก็เติมซะเต็มถัง แถมราคาก็ไม่ได้สูง จ่ายค่าน้ำมันเพียงไม่กี่ร้อยก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แล้ว แต่หลังจากที่มีการปรับราคาน้ำมันขึ้น แน่นอนว่ามันก็ต้องกระทบกับคนที่มีรถเป็นของตัวเองอย่างเต็มๆ
เพราะฉะนั้น การหาสรรหาวิธีทำให้ประหยัดน้ำมันลงได้ก็เป็นอีกหนทางหนึ่ง ที่จะทำให้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ เพราะบางคนก็ยังผ่อนรถไม่หมดงวด เรียกได้ว่า มีวิธีไหนช่วยประหยัดน้ำมันลงได้ก็ต้องลองมันให้หมด
การหาแนวทางในการขับรถที่ดีช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้
ในที่นี้ เราจะมาแนะนำวิธีการลดอัตราการเผาผลาญของเครื่องยนต์ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ เรียกได้ว่า หมดกังวลว่ารถจะกินน้ำมันไปได้เปราะหนึ่งเลยทีเดียว ต่อให้ขึ้นค่าน้ำมันมาอีกก็ไม่ต้องหวั่น เพราะแค่ขับรถให้ถูกวิธี มีทักษะเล็กๆน้อยๆ ก็ช่วยประหยัดค่าน้ำมันลงไปได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
วิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่ง่ายๆและหลายคนก็คงจะรู้จักกันแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ขับรถด้วยความเร็วคงที่ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่รีบเร่ง รถติด ถนนโล่ง จะต้องมีจังหวะเร่ง เบรก ชะลอ สลับๆกันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าการขับรถในความเร็วที่คงที่นี้แหละช่วยประหยัดน้ำมันได้มากโข แถมถ้าลดการเหยียบคันเร่งช้าบ้าง เร็วบ้างลงไป จะทำให้อัตราการเผาผลาญลดลงไปถึง 15-20% เลยทีเดียว
ดังนั้น จะต้องระมัดระวังเท้าเอาไว้ให้ดี เพราะจะต้องค่อยๆเหยียบ ตั้งแต่การออกตัวของรถ ไม่เหม่อลอยจนเผลอเหยียบคันเร่งมากจนเกินไป เพราะจะทำให้รถกระชาก เครื่องยนต์ก็จะทำงานหนักตามไปด้วย แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกต่างหาก
การใช้ความเร็วที่คงที่นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยให้ปลอดภัยด้วย
การเหยียบเบรกกะทันหันนั้น ถือเป็นวิธีการขับรถที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เครื่องยนต์ทำงานหนักแล้ว ยังเป็นการลดประสิทธิภาพของเบรกรถอีกด้วย ซึ่งการเบรกรถกะทันหันนั้น จะต้องใช้ในยามที่จำเป็น อย่างเช่น การหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุหากมีรถสวนมากะทันหัน หรือรถคันข้างหน้าเบรกกะทันหัน เพราะการเบรกกะทันหันนี้นอกจากจะทำให้รถกินน้ำมัน ยังทำให้เสี่ยงต่อการให้รถเหวี่ยงได้อีกด้วย ดังนั้น การขับขี่ที่ดีจะต้องขับด้วยความเร็วคงที่และใช้การชะลอความเร็วลงแล้วค่อยเหยียบเบรกจะดีกว่า
ไม่เหยียบเบรกกระทันหันขณะขับขี่
การบรรทุกสัมภาระที่มากนั้น จะทำให้รถต้องแบกภาระเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นระบบการทำงานก็จะหนักขึ้นตามไปด้วย การบรรทุกสิ่งของก็ควรที่จะเลือกสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากจะเป็นการลดการทำงานที่หนักของรถแล้ว ยังเป็นการทำให้รถไม่ดูรกอีกด้วย
การบรรทุกของหนักจะไปเพิ่มภาระของเครื่องยนต์มากขึ้น
โดยเฉพาะในยามที่ติดไฟแดง ควรที่จะปล่อยรถให้เป็นไปตามแรงเฉื่อยมากกว่าการปลดเกียร์ว่าง เพราะเครื่องยนต์นั้นจะตัดการจ่ายน้ำมันโดยอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นระบบจะรับรู้ว่าไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมัน วิธีการนี้จะทำให้ประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 4-8% เลยทีเดียว
การปลดเกียร์ถือเป็นส่วนที่มีผลกับการใช้พลังงานโดยตรง
วิธีการนี้คือการหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ขรุขระไม่เอื้ออำนวยต่อการวิ่งของรถสักเท่าไหร่นัก และถ้าหากรู้ว่าเส้นทางใดเป็นทางชันจะทำให้เตรียมตัวได้ว่าจะต้องปรับเกียร์อย่างไรถึงจะเหมาะสมกับถนนที่มีความชัน นอกจากนี้การศึกษาเส้นทาง ยังทำให้รู้ว่าเส้นทางที่จะไปนั้นการจราจรเป็นอย่างไร หากเป็นเส้นทางที่รถติดก็จะได้หลีกเลี่ยง เนื่องจากการติดไฟแดงเป็นเวลานานย่อมส่งผลให้รถสูบฉีดน้ำมันโดยใช่เหตุ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงเส้นทางไม่ได้ ก็ต้องอาศัยการปลดเกียร์ว่างตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น
การศึกษาเส้นทางจะทำให้ประมาณการเติมน้ำมันก่อนได้
วิธีสุดท้ายถือเป็นไม้ตายสำหรับเจ้าของรถเลยก็ว่าได้ เพราะการรู้จักรถของตัวเองนั้น จะทำให้รู้ว่ารถที่กำลังขับอยู่ระบบเครื่องยนต์เป็นอย่างไร ช่วงเวลาไหนควรขับแบบใดถึงจะเหมาะสม เพราะในปัจจุบันนี้ บางคนถึงแม้จะขับรถมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักนิสัยของรถตัวเองก็มีอยู่ประปราย ดังนั้น การเรียนรู้รถของตัวเองจะยิ่งทำให้รู้เทคนิคเฉพาะ ซึ่งก็จะทำให้ประหยัดน้ำมันลงไปได้ด้วยเช่นเดียวกัน
เทคนิคข้างต้น ถือเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆสำหรับการใช้รถใช้ถนน เพราะไม่ใช่เพียงแต่การประหยัดน้ำมันเท่านั้น หากแต่หมายถึงการมีสติทุกครั้งในการขับขี่ เพราะถ้าเผอเรอเมื่อไหร่ ไม่ใช่เพียงแต่เปลืองน้ำมันเท่านั้น หากแต่จะนำมาสู่การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้นั่นเอง
..................
อ่านเพิ่มเติม :
ใครผิดใครถูก ? เมื่อเปิดประตูรถแล้วมอเตอร์ไซค์ขับมาชน
รถใหญ่ชนรถเล็ก ใครผิดกันแน่ ?!