วิธีกำจัดกลิ่นอับภายในรถยนต์แบบง่ายๆ ด้วยของใช้จากก้นครัว
ใครกำลังประสบปัญหา กลิ่นอับในรถยนต์ คลุกครามบ้าง ยกมือขึ้นสูงๆ เลยคะ วันนี้ khaorot.com จะมาช่วยกำจัดกลื่นอับเหล่านั้นให้หายไปจากรถยนต์ของคุณ โดยเฉพาะช่วงทีฝนกำลังตกหนักและตกบ่อยในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นตัวนำพากลิ่นอับเข้ารถดีนักแล ไม่ว่าจะเป็นที่มาจากส่วนต่างๆ ของผู้ใช้รถเอง ความชื้นของฝนที่เข้ามาในตัวรถทำให้เกิดกลิ่นอับ และนานาสารพัดกลิ่นที่เข้ามาสะสมหมักหมมอยู่ในรถ แต่ต่อจากนี้ไปปัญหาเล่านี้จะหมดไปเพียงคุณเดินเข้าไปในครัวแล้วค้นหาสิ่งเหล่านี้มา รับรองกลิ่นอับในรถลาขาดจากรถคุณอย่างแน่นอน
น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวันเมื่อขับรถถึงบ้านก่อนที่จะไปทำภารกิจอื่นๆ ต่อ ก็ให้นำน้ำส้มสายชู 2-4 ช้อนโต๊ะใส่ถ้วยเล็กๆ วางไว้ในรถ ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้กลิ่นเปรียวของน้ำส้มสายชูดูดซับกลิ่นอับออกไปจากรถ
>> 4 ตัวช่วย เมื่อรถคุณเปื้อนสีที่ไม่พึงประสงค์
>> ฝนตกห้ามล้างรถ เป็นความเชื่อที่ผิดหรือถูก
ถ่านหุงข้าว
ถ่านหุงข้าว นำถ่านก้อนดำๆ ที่ใช้ก่อไฟหุงข้าวในครัวนั้นแหละคะ นำใส่กระปุกเล็กๆ แล้ววางไว้ตามจุดต่างๆ ของรถ วางทิ้งไว้เลยทั้งวันทั้งคืน ถ้ากลิ่นอับไม่รุนแรงมาก 2-3 วันก็เหตุผล แต่ถ้ากลิ่นอับรุนแรงก็ต้องใช้เวลาสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ กลิ่นอับก็จะค่อยๆ เลือนหายไป
ใบชาจีนแห้ง
ใบชาจีนแห้ง บ้านใครชอบดื่มชาก็จัดมาเลย สักประมาณ 1 กำมือ จากนั้นนำผ้าขาวบางมาห่อหรือจะใส่ถุงเล็กๆ น่ารักขิกขุมาใส่ก็ได้ จากนั้นก็นำไปวางไว้ในรถ ได้ทั้งกำจัดกลิ่นและความสวยงาม
เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา หรือ ผงฟู ใช้ประมาณ 2 ชิ้นโต๊ะ ใส่กระปุกเล็กๆ เจาะรูที่ฝา แล้วนำไปวางไว้ในรถ จะช่วยกลิ่นอับได้ดีมากโดยเฉพาะกลิ่นบุหรี เบกกิ้งโซดาเอาอยู่แน่นอน
ใบเตย
สุดท้ายก็สมุนไพรต่างๆ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกลิ่นสมุนไพรก็จัดเลยคะ ไม่ว่าจะเป็น ใบเตย มะนาว มะกรูด ดอกมะลิ จะใช้แบบสดๆ หรืออบแห้งก็ได้ ถ้าเป็นแบบสดก็ให้นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้มีกลิ่นของน้ำมันหอมละเหยของสมุนไพรออกมาจากนั้นใส่ถุงหรือกระปุกสวยๆ วางไว้ในรถ การนำสมุนไพรไว้ในรถนอกจากจะช่วยลดกลิ่นอับแล้วยังช่วยให้ผ่อนคลายเมื่อยามที่เหนื่อยล้าจากการขับรถได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างวิธีการกำจัดกลิ่นอับของเรา ง่ายไหมหละคะ ที่สำคัญไม่ต้องลงทุนซื้อน้ำหอมปรับอากาศที่ใช้ในรถราคาแพง มาใส่ไว้ในรถ ของจากก้นครัวกับสมุนไพรหลังบ้านก็ช่วยกำจัดกลิ่นในรถยนต์ได้ ไม่เชื่อลองทำดูนะคะ
ดูเพิ่มเติม:
>> จริงๆ แล้วโช๊คอัพ มีอายุการใช้งานกี่ปี
>> 8 วิธีขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน ลดรายจ่าย-เพิ่มเงินเก็บ