09:58, 27 ธ.ค. 2561

รวบรวมปัญหาจากประสบการณ์ของผู้ขับขี่ HONDA CR-V และวิธีแก้ปัญหา

บันทึกรายการ

Honda CR-V เป็นรถยนต์ Urban SUV ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามาหลายสิบปี เป็นรถยนต์ได้รับรางวัลมามากมายในด้านมาตรฐานของรถยนต์โดยเฉพาะความปลอดภัยหากกล่าวถึงเรื่องปัญหาของรถยนต์ Honda CR-V ที่ตอนนี้ใครหลายๆ คนคงกำลังตัดสินใจจะซื้อดีหรือไม่ซื้อดี ? เพราะบ้างก็บอกว่าปัญหาจุกจิกมากมายถึงแม้จะมีการการันตีรางวัลจากหลากหลายสถาบันก็ตามทีบทความนี้เราจึงมารวบรวมสรุปปัญหาที่ผู้ใช้ Honda CR-V รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น หรือวิธีการแก้ปัญหาจากช่างมืออาชีพให้เป็นทางเลือกให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจกันดังนี้


รีวิวรถยนต์ HONDA CR-V 2018-2019

1. ปัญหาเกี่ยวกับเกียร์

1.1 ปัญหาระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)

Honda CR-V ที่เป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO (หรือเครื่องยนต์ดีเซล) นั้นมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แต่การควบคุมของมัน ไม่ใช่เกียร์แบบเดิมที่เราคุ้นชินกันอีกต่อไป เพราะมันเป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ซึ่งปัญหาที่พบจากประสบการณ์ผู้ใช้ CRV รุ่นที่มีเกียร์แบบนี้ พบว่าหากต้องปลดเกียร์ว่างจอดจะยุ่งยากต้องแกะข้างคอนโซลเกียร์เพื่อปลดเกียร์ว่าง ซึ่งอาจเป็นอันตรายเพราะว่าต้องละสายตาจากถนนมาดูเวลาเราจะจิ้มปุ่มเปลี่ยนเกียร์  

เกียร์อัตโนมัติแบบปุ่มแม้จะสะดวกสบายแต่อาจสร้างปัญหาให้ผู้ที่ไม่เคยชิน

ซึ่งวิธีแก้ปัญหาในส่วนนี้  คือ ต้องสร้างความเคยชินในการใช้งานเพราะตำแหน่งการวางปุ่ม จาก เกียร์ ถอยหลัง ถึงเกียร์ สุดท้ายเรียงอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับเกียร์อัติโนมัติของ Honda ทั่วไปรวมถึงรุ่นเบนซินที่ใช้อัตโนมัติแบบปกติอยู่

1.2 เกียร์เสื่อมคุณภาพ

ปัญหาหัวเกียร์หลุดเกิดขึ้นได้กับ CRV รุ่นนี้แม้รถจะมีอายุการใช้งานที่ไม่นานมาก

คำบอกเล่าจากผู้ใช้รถยนต์ CRV สำหรับในรุ่นปัจจุบัน แบบเบนซินทียังมีคันเกียร์ในการควบคุมการใช้งานปกติ พบว่ามีปัญหาอุปกรณ์เกียร์เกียร์หลุดหลายราย วิธีแก้ปัญหานอกเหนือจากเข้าศูนย์ไปเปลี่ยนใหม่คือการใช้อย่างระมัดระวัง ช่วงระหว่างเปลี่ยนเกียร์เพื่อถนอมอุปกรณ์ให้อยู่คงทนถาวรโดยเฉพาะเมื่อรถยนต์อยู่ในช่วงเวลาที่หมดประกันจากศูนย์รถยนต์ไปแล้ว

เคล็ดลับวิธีแก้ปัญหาเกียร์หลุดเกียร์เสื่อมสภาพ

2. ปัญหาเกี่ยวกับเบรกของรถยนต์

    2.1 ปัญหาเบรกเสื่อมสภาพ

เกิดจาก สลักเบรกเสื่อมสภาพหลวม ผ้าเบรกบางเกิดการเสียดสีกับดิสก์เบรก จานเบรกบางจึงทำให้เกิดอาการเบรกสั่นเบรกสะท้านซึ่งวิธีแก้ปัญหา หมั่นตรวจสอบผ้าเบรกเป็นประจำ เมื่อ     รถยนต์มีอายุการใช้งานมากขึ้นหรือวิ่งไปตั้งแต่ 100,000 โล ขึ้นไปควรเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เกียวกับเบรกใหม่         

2.2 ปัญหาดิสก์เบรก

จากประสบการณ์ของผู้ใช้ CR-V พบว่าระบบดิสก์เบรกค่อนข้างจะตอบสนองตื้นผู้ขับต้องจิกและเกร็งเท้าทำให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยซักเท่าไหร่ ซึ่งการแก้ปัญหาอาจจะต้องใช้เวลาให้ชินกับการตอบสนองของแป้นเบรกสักหน่อยและในเรื่องของการชะลอตัว

3. ปัญหาช่วงล่าง

โครงสร้างช่วงล่างของ Honda CRV

ช่วงล่างของ CR-V ในเครื่องยนต์ดีเซล ค่อนข้างจะกระด้างนิดๆ ไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าไหร่  ฮอนด้า ซีอาวี ช่วงล่างเสียงดัง กุกๆกักๆ ยิ่งเวลาเจอถนนผิวขรุขระอีกทั้ง ช่วงล่างของรุ่นดีเซล ถูกปรับมาให้ออกสปอร์ตหน่อยๆ ให้เข้ากับเครื่องยนต์ที่เน้นความเป็นสปอร์ตขับสนุก ไม่ตอบโจทย์กลุ่มคนมีครอบครัวเพื่อใช้เป็นรถยนต์ครอบครัวที่มีจำนวนผู้โดยสาร

การเปลี่ยนลูกหมากกันโคลงหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาช่วงล่าง

การแก้ปัญหาคือฮอนด้า ซื้ออะไหล่ มาเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ ที่บ้านไม่ต้องเข้าอู่เสียเป็นพัน ลูกหมากกันโคลงตามคลิปวิดีโอ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญเรื่องงานช่างก็ให้อู่เปลี่ยนให้เพื่อความสบายใจในการขับขี่

4. ปัญหารถยนต์ซดน้ำมัน

 โดยเฉพาะรถยนต์ CR-V รุ่น 7 ที่นั่ง Gen 5 มีน้ำหนักของตัวรถยนต์ที่ 1,742 กิโลกรัม มากกว่ารุ่นเบนซินเกือบๆ 80 กิโลกรัม ทำให้มีผลต่ออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เพราะต้อง “แบก” น้ำ  หนักตัวไม่น้อยทีเดียว อัตราสิ้นเปลืองสำหรับขขับในเมืองของรถยนต์คันนี้จากประสบการณ์ผู้ขับขี่อยู่ที่ประมาณ 10-12 กิโลเมตร/ลิตร ไว้โอกาสหน้าจะมารายงานให้ทราบครับ

ภาพประกอบหัวข้อ

ส่วนวิธีแก้ปัญหาหากรถมีปัญหาเรื่องการกินน้ำมัน เจ้าของรถควรที่จะต้องมีเคล็ดลับในการดูแลรักษารวมถึงปรับการขับขี่ด้วยวิธีตามหัวข้อด้านล่าง ดังนี้

-ปรับตั้งเครื่องยนต์อย่างถูกต้อง 
เครื่องยนต์ที่มีการปรับตั้งที่ถูกต้องจะช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ และการแก้ปัญหาที่สำคัญ เช่น เซ็นเซอร์วัดปริมาณออกซิเจนทำงานผิดปกติ จะสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้มากขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ และผู้ขับขี่ไม่ควรละเลยสัญญาณไฟเตือนให้นำรถเข้าไปตรวจสอบ
-ตรวจสอบแรงดันลมยาง 
การเติมลมยางที่เหมาะสมสามารถเพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้มากขึ้นถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ยางที่มีลมยางอ่อนอาจทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทุกหนึ่งปอนด์ต่อตารางนิ้วของความดันลมยางที่ตกลงทั้งสี่ล้อ ซึ่งการตรวจสอบลมยาง ผู้ขับขี่ไม่ควรตรวจสอบแค่จากในระบบเพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจเช็คสภาพลมยางด้วยอุปกรณ์วัดลมยางที่ดีอย่างน้อยเดือนละครั้ง และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านคู่มือการใช้งานรถยนต์ของคุณ3. เครื่องยนต์หลวม
-แก้ไขปัญหาสิ่งอุดตัน
หากคุณหายใจไม่ออก คุณก็จะเคลื่อนไหวได้ยากลำบาก เครื่องยนต์ก็เช่นกัน เครื่องกรองอากาศที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างหนัก และสิ่งแปลกปลอมอาจทำลายเครื่องยนต์ได้ การเปลี่ยนไส้กรองที่อุดตันจะช่วยเพิ่มการประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อมูลของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรืออีพีเอ ระบุว่า ในรถยนต์สมัยใหม่ การเปลี่ยนไส้กรองที่อุดตันและสกปรกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้รถยนต์มีการเร่งความเร็วที่ดีขึ้น
 -เลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสม
การใช้น้ำมันเครื่องจะช่วยลดการเสียดสีของเครื่องยนต์ เพราะการเสียดสีนั้นจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ยากขึ้น ดังนั้น การใช้น้ำมันเครื่องตามที่บริษัทผู้ผลิตรถแนะนำจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 1-2 เปอร์เซ็นต์
-ใช้เกียร์สูง
เมื่อขับรถด้วยเกียร์ธรรมดาให้ใช้เกียร์สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่ำเนื่องจากการหมุนรอบเครื่องยนต์ต่ำจะใช้น้ำมันที่น้อยกว่า แต่ไม่ควรขับขี่เช่นนี้มากเกินไป เพราะจะฉุดกำลังเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงาน หากขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ ควรผ่อนคันเร่งเล็กน้อย ในจังหวะที่ระบบเกียร์เปลี่ยนไปสู่เกียร์ที่สูงขึ้น รถเชฟโรเลตทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ซึ่งมีอัตราการทดเกียร์ที่สูงกว่า ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่และประหยัดน้ำมัน
 -ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวลหรือเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์สูงมาเกียร์ต่ำจนรถจอดสนิท
เมื่อขับรถเกียร์อัตโนมัติในสภาพการจราจรที่หนาแน่น คุณสามารถขับรถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เพราะรถจะแล่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ หากขับรถเกียร์ธรรมดา ให้ลดเกียร์ลงอย่างต่อเนื่องจนรถจอดสนิท ผู้ขับขี่สามารถถอนคันเร่งออก ขณะที่ยังใส่เกียร์เดินหน้าอยู่ได้ เครื่องยนต์สมัยใหม่แทบจะไม่ใช้น้ำมัน และเพียงพอต่อการเลี้ยงเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ เครื่องยนต์จะใช้น้ำมันมากกว่าถ้าอยู่เกียร์ว่าง ขณะรถจอดนิ่ง

สรุป

HONDA CR-V 2019   5 ประตู

สำหรับ ปัญหาของ Honda CR-V นั้น ถือเป็นปัญหาที่สามารถพบได้ในรถยนต์ทั่วไปด้วยเช่นเดียวกัน หลักๆแล้วมักจะมาจากการใช้งานของรถที่อาจจะไม่ถูกประเภทโดยเฉพาะการขับรถในบ้านเราที่จะเน้นการใช้ความเร็วไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหนก็ตาม แน่นอนว่าปัญหาที่พบนั้นสามารถแก้ไขได้ที่การคำนึงถึงจังหวะการขับขี่ประสบการณ์และเน้นที่ความปลอดภัยให้สมกับเป็นหนึ่งในรถครอบครัวที่ได้รับความนิยมใน ทศวรรษนี้

ดูเพิ่มเติม:

Palist

บทความที่เกี่ยวข้อง

ในหมวดเดียวกัน