15:37, 9 ธ.ค. 2563

DIY วิธีการซ่อมสีรถยนต์ ที่ทำด้วยตัวเองได้

บันทึกรายการ

แนะนำวิธีซ่อมสีรถยนต์ การพ่นสีรถยนต์ ที่สามารถทำด้วยตัวเองได้ สำหรับผู้ที่ขี้เกียจรอช่าง หรือไม่อยากจ่ายค่าซ่อมสีรถแพง ๆ

แนะนำวิธีซ่อมสีรถยนต์เองที่สามารถทำด้วยตัวเองได้ สำหรับผู้ที่ขี้เกียจรอช่าง หรือไม่อยากจ่ายค่าซ่อมสีรถแพง ๆ ซึ่งในการทำสีรถด้วยตัวเองนั้น บอกเลยว่ามีหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลานานพอสมควร หากสนใจก็ตามมาได้เลย

ขั้นตอนใหญ่ ๆ ของการทำสีรถ มีดังนี้

  1. เคาะตัวถัง เตรียมผิวก่อนพ่นสีตัวรถ
  2. โป๊วสีรถ
  3. พ่นสีรถ

1. วิธีการเคาะตัวถัง เตรียมพื้นผิวรถ

อุปกรณ์

  • เครื่องเจีย หรือลูกหมู (หากไม่มีใช้กระดาษทราย หรือแปรงทองเหลือง ขัดแทนได้)
  • สีสเปรย์ (ใช้รองพื้น)
  • ค้อน (สำหรับรถที่มีบุบเยอะ ๆ นำไว้เคาะพื้นผิว)

ดูเพิ่มเติม: ทําสีรถยนต์

อุปกรณ์การเคาะตัวถัง

ขั้นตอนการเคาะตัวถัง

- แคะสีโป๊วออกมาให้หมด

- หากเป็นรอยบุบก็ให้ใช้เคาะขึ้นมา (ในระหว่างที่เคาะให้เอาเหล็กประกบไว้ แล้วเคาะเบา ๆ ป้องกันค้อนทะลุตัวถัง)

- ใช้เครื่องเจียขัดผิวที่เป็นสนิมออกให้หมด อย่าให้มีเหลืออยู่

- ขัดให้ผิวเรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นรอยขรุขระ

- เช็ดเอาฝุ่นออกจากพื้นผิวรถ

- พ่นสเปรย์รองพื้น ประมาณ 2 - 3 รอบ เฉพาะบริเวณรอยที่เกิด เพื่อให้สีโป๊วยึดเกาะได้ดี (ไม่ควรพ่นจี้เป็นจุด ๆ เพราะจะทำให้สีเยิ้ม)

อุปกรณ์การโป๊วสี

ขั้นตอนการโป๊วสี

- ผสมสีโป๊ว ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ (ป้องกันการโป๊วไม่ทัน)

- ปาดสีโป๊วลงไปบนวัตถุ โดยต้องทำให้พื้นผิวเสมอกัน และทิ้งไว้ให้แห้ง

- ขัดสีโป๊วด้วยเครื่องขัด (หรือกระดาษทราย แต่อาจเมื่อยมือหน่อย) หากโป๊วไปแล้วเป็นหลุมเป็นบ่อ ให้ทำการโป๊วซ้ำ และขัดใหม่จนกว่าผิวจะเรียบเนียนเสมอกัน

*ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้น้ำ เพราะหลังทำเสร็จ สีอาจจะบวมและหลุดลอกในภายหลัง

3. วิธีพ่นสีรถ

อุปกรณ์

  • สีรองพื้น 2K
  • สีขาว (เป็นสีรองพื้นที่ใช้พ่นก่อนลงสีจริง)
  • สีรถของคุณ (สามารถดูรหัสสีรถของคุณได้จากสมุดคู่มือ หรือถอดฝาถังน้ำมันไปให้ร้านผสมสีให้เลย)
  • ทินเนอร์สำหรับพ่นสีรถยนต์
  • แล็กเกอร์ หรือสีเคลือบเงา
  • กาพ่นสี (ตัวเล็ก)
  • เครื่องปั๊มลม (ขนาด 30 ลิตร)
  • กระดาษทราย
  • สำหรับคนที่เพิ่งหัดทำ แนะนำว่าให้ซื้อกระป๋องผสมสีมาตวงวัดสีด้วย

อุปกรณ์การพ่นสี ทำสีรถเอง

ขั้นตอนการพ่นสีรถด้วยตัวเอง

เช็กสภาพอากาศก่อนพ่นสี

- หากคุณไม่มีห้องอบหรือห้องพ่นสี ควรเลือกทำในวันที่มีแดดออก เพราะหากแดดไม่ออก หรือมีฝนตก ความชื้นในอากาศจะทำให้สีรถของคุณเซตตัวช้า และอาจจะเกิดฝ้าหรือไอน้ำบนผิววัตถุด้วย

พ่นสีรองพื้น

- ผสมสีรองพื้นลงในถังผสมสี โดยสีรองพื้น 2K จะมีน้ำยา 2 ตัว คือตัวสีรองพื้นกับตัวฮาร์ด ซึ่งต้องผสมคู่กันในอัตราส่วน 4 : 1 (สำหรับมือใหม่ ควรผสมทินเนอร์เข้าไปด้วย 10% ให้พ่นได้ลื่นไหล)

- นำสีที่ผสมแล้วใส่ในกาพ่นสี

- สำหรับแรงดันลมที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับความข้นเหนียวของสีที่ผสม ทั้งนี้ แนะนำว่าให้ปรับเบา ๆ แล้วพ่นทดสอบลงไปบนวัตถุอื่นก่อน ถ้าใช้งานได้ค่อยนำมาพ่นบนตัวถัง

- หากเป็นปั๊มลมตัวเล็ก ๆ เวลาพ่น ไม่ควรพ่นยาวติดกัน ให้พ่นไปหยุดไป เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันลมตก (หากแรงดันลมตกจะทำให้สีที่พ่นออกมาเป็นเม็ด)

- สำหรับการพ่นสี ควรพ่นไปทีละแถบ (บาง ๆ) ให้สีค่อย ๆ ทับกัน (ไม่ควรพ่นจี้ให้หนาเกินไป เพราะสีอาจจะเยิ้มได้) ส่วนการพ่น ควรทำให้กาพ่นเป็นแนวฉากกับวัตถุเสมอ

- ทิ้งไว้ให้แห้ง (อาจจะประมาณ 20 - 30 นาที) แล้วกลับมาพ่นทับอีก 1 - 2 รอบ

- หากพ่นแล้วสีเยิ้ม หรือมีสิ่งสกปรกมาติดให้นำกระดาษทรายมาขัดบริเวณนั้น แล้วพ่นซ้ำใหม่อีกรอบ

พ่นสีรอง (ก่อนพ่นสีจริง)

- ผสมสีรองพื้นสีขาวและทินเนอร์ลงในกาพ่นสี (กะปริมาณส่วนผสมให้พอดี และไม่ควรผสมให้สีหนืดหรือจางมากเกินไป)

- ทำการพ่นสี โดยเริ่มจากการโปรยสีบาง ๆ ก่อน ให้สีค่อย ๆ ทับกัน จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วค่อยพ่นสีจริง

พ่นสีจริง

- ผสมสีลงในกาพ่น (ทำเหมือนกับตอนผสมสีรองพื้นเลย)

- พ่นสี และทิ้งไว้ให้แห้ง

- สำหรับการพ่นสีจริง จะต้องพ่นทับกี่รอบก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของสี หากเป็นสีที่เข้มหน่อย ก็อาจจะพ่นทับสัก 2 - 3 รอบ แต่ถ้าเป็นสีอ่อน ก็อาจจะพ่นทับ 4 - 5 รอบเลยทีเดียว

พ่นแล็กเกอร์

- ผสมแล็กเกอร์ลงในถังผสมสี (แล็กเกอร์ 2K จะมีอยู่สองชนิด คือชนิดใส และชนิดข้น ให้ผสมด้วยอัตราส่วน 4 : 1)

- จากนั้นนำใส่กาพ่นแล็กเกอร์ลงบนผิววัตถุ โดยอาจจะผสมทินเนอร์ลงไปด้วย เพื่อให้พ่นได้ลื่นไหล

- สำหรับการพ่นแล็กเกอร์ ต้องปรับลมให้เหมาะสม ไม่งั้นอาจจะแห้งเป็นฝุ่นอยู่ในอากาศ ทำให้เกิดผงขาว ๆ ติดบนตัววัตถุได้

- ควรกะระยะพ่นให้พอดี หากพ่นใกล้เกินไปจะทำให้แล็กเกอร์เยิ้ม

*ข้อควรระวัง*

ไม่ควรผสมทินเนอร์มากไป เพราะจะทำให้สีจางพ่นไม่ติด ไม่ควรผสมทินเนอร์น้อยเกินไป เพราะจะทำให้สีเหนียว เมื่อพ่นออกมาแล้วไม่เป็นละออง ไม่ควรปรับแรงดันลมมากเกินไป เพราะจะทำให้สีแห้งในอากาศ ทำให้เกิดเม็ดทรายบนผิววัตถุ ไม่ควรปรับแรงดันลมน้อยเกินไป เพราะจะทำให้สีหยดเป็นน้ำอยู่ที่ปลายกา

การทำสีรถด้วยตัวเองนั้น มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องรอคิวซ่อมจากอู่ แถมไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมแพง แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากสักหน่อยในครั้งแรก (ครั้งต่อไปก็ไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วล่ะ) นอกจากนี้ ยังต้องมีความชำนาญ ขอแนะนำว่าหากเป็นมือใหม่ ควรทดลองทำกับวัตถุชิ้นอื่นก่อนทำสีจริง เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : youtube TheBabyboom

ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/

อ่านเพิ่มเติม

ในหมวดเดียวกัน