แนะนำวิธีซ่อมสีรถยนต์เองที่สามารถทำด้วยตัวเองได้ สำหรับผู้ที่ขี้เกียจรอช่าง หรือไม่อยากจ่ายค่าซ่อมสีรถแพง ๆ ซึ่งในการทำสีรถด้วยตัวเองนั้น บอกเลยว่ามีหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลานานพอสมควร หากสนใจก็ตามมาได้เลย
ขั้นตอนใหญ่ ๆ ของการทำสีรถ มีดังนี้
อุปกรณ์
ดูเพิ่มเติม: ทําสีรถยนต์
อุปกรณ์การเคาะตัวถัง
ขั้นตอนการเคาะตัวถัง
- แคะสีโป๊วออกมาให้หมด
- หากเป็นรอยบุบก็ให้ใช้เคาะขึ้นมา (ในระหว่างที่เคาะให้เอาเหล็กประกบไว้ แล้วเคาะเบา ๆ ป้องกันค้อนทะลุตัวถัง)
- ใช้เครื่องเจียขัดผิวที่เป็นสนิมออกให้หมด อย่าให้มีเหลืออยู่
- ขัดให้ผิวเรียบเสมอกัน อย่าให้เป็นรอยขรุขระ
- เช็ดเอาฝุ่นออกจากพื้นผิวรถ
- พ่นสเปรย์รองพื้น ประมาณ 2 - 3 รอบ เฉพาะบริเวณรอยที่เกิด เพื่อให้สีโป๊วยึดเกาะได้ดี (ไม่ควรพ่นจี้เป็นจุด ๆ เพราะจะทำให้สีเยิ้ม)
อุปกรณ์การโป๊วสี
ขั้นตอนการโป๊วสี
- ผสมสีโป๊ว ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ (ป้องกันการโป๊วไม่ทัน)
- ปาดสีโป๊วลงไปบนวัตถุ โดยต้องทำให้พื้นผิวเสมอกัน และทิ้งไว้ให้แห้ง
- ขัดสีโป๊วด้วยเครื่องขัด (หรือกระดาษทราย แต่อาจเมื่อยมือหน่อย) หากโป๊วไปแล้วเป็นหลุมเป็นบ่อ ให้ทำการโป๊วซ้ำ และขัดใหม่จนกว่าผิวจะเรียบเนียนเสมอกัน
*ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้น้ำ เพราะหลังทำเสร็จ สีอาจจะบวมและหลุดลอกในภายหลัง
อุปกรณ์
อุปกรณ์การพ่นสี ทำสีรถเอง
เช็กสภาพอากาศก่อนพ่นสี
- หากคุณไม่มีห้องอบหรือห้องพ่นสี ควรเลือกทำในวันที่มีแดดออก เพราะหากแดดไม่ออก หรือมีฝนตก ความชื้นในอากาศจะทำให้สีรถของคุณเซตตัวช้า และอาจจะเกิดฝ้าหรือไอน้ำบนผิววัตถุด้วย
พ่นสีรองพื้น
- ผสมสีรองพื้นลงในถังผสมสี โดยสีรองพื้น 2K จะมีน้ำยา 2 ตัว คือตัวสีรองพื้นกับตัวฮาร์ด ซึ่งต้องผสมคู่กันในอัตราส่วน 4 : 1 (สำหรับมือใหม่ ควรผสมทินเนอร์เข้าไปด้วย 10% ให้พ่นได้ลื่นไหล)
- นำสีที่ผสมแล้วใส่ในกาพ่นสี
- สำหรับแรงดันลมที่ใช้นั้นขึ้นอยู่กับความข้นเหนียวของสีที่ผสม ทั้งนี้ แนะนำว่าให้ปรับเบา ๆ แล้วพ่นทดสอบลงไปบนวัตถุอื่นก่อน ถ้าใช้งานได้ค่อยนำมาพ่นบนตัวถัง
- หากเป็นปั๊มลมตัวเล็ก ๆ เวลาพ่น ไม่ควรพ่นยาวติดกัน ให้พ่นไปหยุดไป เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันลมตก (หากแรงดันลมตกจะทำให้สีที่พ่นออกมาเป็นเม็ด)
- สำหรับการพ่นสี ควรพ่นไปทีละแถบ (บาง ๆ) ให้สีค่อย ๆ ทับกัน (ไม่ควรพ่นจี้ให้หนาเกินไป เพราะสีอาจจะเยิ้มได้) ส่วนการพ่น ควรทำให้กาพ่นเป็นแนวฉากกับวัตถุเสมอ
- ทิ้งไว้ให้แห้ง (อาจจะประมาณ 20 - 30 นาที) แล้วกลับมาพ่นทับอีก 1 - 2 รอบ
- หากพ่นแล้วสีเยิ้ม หรือมีสิ่งสกปรกมาติดให้นำกระดาษทรายมาขัดบริเวณนั้น แล้วพ่นซ้ำใหม่อีกรอบ
พ่นสีรอง (ก่อนพ่นสีจริง)
- ผสมสีรองพื้นสีขาวและทินเนอร์ลงในกาพ่นสี (กะปริมาณส่วนผสมให้พอดี และไม่ควรผสมให้สีหนืดหรือจางมากเกินไป)
- ทำการพ่นสี โดยเริ่มจากการโปรยสีบาง ๆ ก่อน ให้สีค่อย ๆ ทับกัน จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วค่อยพ่นสีจริง
พ่นสีจริง
- ผสมสีลงในกาพ่น (ทำเหมือนกับตอนผสมสีรองพื้นเลย)
- พ่นสี และทิ้งไว้ให้แห้ง
- สำหรับการพ่นสีจริง จะต้องพ่นทับกี่รอบก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของสี หากเป็นสีที่เข้มหน่อย ก็อาจจะพ่นทับสัก 2 - 3 รอบ แต่ถ้าเป็นสีอ่อน ก็อาจจะพ่นทับ 4 - 5 รอบเลยทีเดียว
พ่นแล็กเกอร์
- ผสมแล็กเกอร์ลงในถังผสมสี (แล็กเกอร์ 2K จะมีอยู่สองชนิด คือชนิดใส และชนิดข้น ให้ผสมด้วยอัตราส่วน 4 : 1)
- จากนั้นนำใส่กาพ่นแล็กเกอร์ลงบนผิววัตถุ โดยอาจจะผสมทินเนอร์ลงไปด้วย เพื่อให้พ่นได้ลื่นไหล
- สำหรับการพ่นแล็กเกอร์ ต้องปรับลมให้เหมาะสม ไม่งั้นอาจจะแห้งเป็นฝุ่นอยู่ในอากาศ ทำให้เกิดผงขาว ๆ ติดบนตัววัตถุได้
- ควรกะระยะพ่นให้พอดี หากพ่นใกล้เกินไปจะทำให้แล็กเกอร์เยิ้ม
*ข้อควรระวัง*
ไม่ควรผสมทินเนอร์มากไป เพราะจะทำให้สีจางพ่นไม่ติด ไม่ควรผสมทินเนอร์น้อยเกินไป เพราะจะทำให้สีเหนียว เมื่อพ่นออกมาแล้วไม่เป็นละออง ไม่ควรปรับแรงดันลมมากเกินไป เพราะจะทำให้สีแห้งในอากาศ ทำให้เกิดเม็ดทรายบนผิววัตถุ ไม่ควรปรับแรงดันลมน้อยเกินไป เพราะจะทำให้สีหยดเป็นน้ำอยู่ที่ปลายกา
การทำสีรถด้วยตัวเองนั้น มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องรอคิวซ่อมจากอู่ แถมไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมแพง แต่อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากสักหน่อยในครั้งแรก (ครั้งต่อไปก็ไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วล่ะ) นอกจากนี้ ยังต้องมีความชำนาญ ขอแนะนำว่าหากเป็นมือใหม่ ควรทดลองทำกับวัตถุชิ้นอื่นก่อนทำสีจริง เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : youtube TheBabyboom
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่: https://khaorot.com/
อ่านเพิ่มเติม