ความคิดเห็นของผู้ใช้ BMW i8 รถยนต์ไฮบริดที่พลังเทียบเท่า “ซุปเปอร์คาร์”

BMW i8 รถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด ดีไซน์สปอร์ต

BMW i8 รถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด ดีไซน์สปอร์ต ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก ด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ เส้นสายโฉบเฉี่ยวผสมผสานกับความล้ำสมัยอย่างลงตัว โดย BMW i8 เป็นรุ่นย่อยในตระกูล BMW i รุ่นแรกที่นำเข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่ง BMW i ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “Born Electric” ที่เน้นการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ มีการนำเทคโนโลยีการโดยสารในอนาคตเข้ามาใช้ รวมถึงปรับโครงสร้างตัวถังใหม่ เพื่อให้การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สมดุลกัน นอกจากนี้ตัวถังยังใช้วัสดุจาก “คาร์บอนไฟเบอร์” (Carbon-Fibre Reinforced Plastic หรือ CFRP ซึ่งใช้ในรถแข่งฟอร์มูล่าวัน, เครื่องบิน และ ยานอวกาศ) ด้วยคุณสมบัติที่เบากว่าเหล็กกล้า 2 เท่า แต่แข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้าถึง 5 เท่า สามารถชดเชยน้ำหนักแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่เป็นอุปสรรถต่อความแรงแบบสั่งได้ เทียบเท่าซุปเปอร์คาร์ทีเดียว ซึ่งวันนี้ khaorot.com เราจะมาชมข้อคิดเห็นจากผู้ใช้และผู้ที่เคยพบเห็น BMW i8 กันว่าเป็นอย่างไรบ้าง

BMW i8 โดดเด่นที่ประตูแบบปีกนก 

ความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปทรงภายนอกของ BMW i8

BMW i8 มีหน้าตาคล้ายรถสปอร์ต โดดเด่น สะกดทุกสายตา ลายเส้นรอบตัวถังสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์อย่างลงตัว ยังคงกระจังหน้ารูปไตขนาดใหญ่ ตามฉบับ BMW  แต่ไม่มีรูหรือช่องดักลม เป็นเพียงรูปทรงเท่านั้น ฝากระโปรงหน้าไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากวางตัวแบตเตอรี่และชุดไฮบริดไว้ด้านหน้า ต้องเปิดโดยช่างที่ศูนย์เท่านั้น ด้านล่างมีช่องระบายอากาศใต้กรอบไฟหน้า ที่จะช่วงส่งอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับเบรกคู่หน้าได้เป็นอย่างดี ส่วนบริเวณด้านข้างยาวไปถึงด้านหลังมีช่องทางเดินอากาศ “Layering Principle” ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้รถดูล้ำยุคมากขึ้น ด้านหลังโดดเด่นด้วยไฟท้ายทรงแปลกตา เพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว  และที่สำคัญ ประตูทั้งสองข้างเปิดแบบปีกนก ทำให้นึกถึงภาพ “ยานอวกาศ” แบบในหนัง ซึ่งสัมผัสได้จริงด้วย BMW i8 คันนี้ เรามาดูกันว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นไว้ว่าอย่างไรกันบ้าง เกี่ยวกับรูปทรงภายนอกของ BMW i8

“รูปลักษณ์ทำให้ รถตามถนนชะลอดู เพราะความสวย โดดเด่นไม่เหมือนใคร”

“บางทีก็จะเขินๆ เวลาจอดธุระ แล้วเดินไปเอารถ เพราะมีคนยืนถ่ายรูปคู่กับรถ”

“ชอบที่สุดคือประตู ที่เปิดออกมาด้านบนเหมือนปีกนก แต่ก็ลำบากที่สุดเหมือนกัน เพราะต้องหาที่จอดกว้างๆ หรือไม่ก็จอดด้านริมช่องจอด ไม่อย่างนั้นจะชนกับรถคันอื่น”

“ถ้าไปห้างต้องไปแต่ เซนทรัล กับ พารากอน ไม่งั้นจะหาที่เปิดประตูยากพอสมควร”

รูปทรงโฉบเฉี่ยว สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์

ไฟท้ายดีไซน์แปลกตา

ความคิดเห็นเกี่ยวกับภายในห้องโดยสารของ BMW i8

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำแบบสปอร์ต ดีไซน์ล้ำยุค โดยเฉพาะจอหน้าปัดมาตรวัดที่เป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด พวงมาลัยสามก้านแต่งด้วยเส้นสีฟ้า ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW i ที่แปลกตาคือคอนโซลกลางมีพื้นที่กว้างกว่ารถยนต์ทั่วไป เพราะด้านล่างเป็นตำแหน่งบรรจุแบตเตอรี่แรงดันสูงนั่นเอง สำหรับเบาะนั่งจะเป็นแบบทรงรถซุปเปอร์คาร์ ที่ค่อนข้างเตี้ยและลึก มีที่นั่งด้านหลังและห้องเก็บสัมภาระให้ด้วย สำหรับด้านระบบอินฤเทนเทนต์ มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งระบบ iDrive ส่งพลังเสียงด้วยลำโพงพรีเมี่ยมจาก Harman Kardon sound system มีช่องสำหรับ USB เชื่อมต่อบลูธูท มีระบบนำทาง และมีไฟห้องโดยสาร Ambiance ที่เปลี่ยนสีได้ สำหรับข้อคิดเห็นเกี่ยวกับห้องโดยสาร มีดังนี้

“ เบาะทูโทน สวย นั่งสบาย ให้อารมณ์เหมือนขับรถแข่ง”

“ หน้าปัดเทพ ยังกะขับกันดั้ม ,Ambient Light ยังกะยานอวกาศ แถมเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบ ”

“ เครื่องเสียงเพราะมาก ฟังสบายหู ”

“ เบาะหลังเล็กมาก แทบจะเข้าไปนั่งไม่ได้ ยิ่งคนตัวใหญ่หรือตัวสูงหมดสิทธ์นั่ง เอาไว้วางของหรือวางกระเป๋าอย่างเดียว ”

“ ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังแคบมาก วางได้แค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กขนาดไม่เกิน 20 นิ้ว และยังร้อนมาก ถ้าวิ่งยาวๆไม่ควรวางอาหารในนี้ ”

“ พวงมาลัยปรับ Manual (เทคโนโลยีขนาดนี้ ไม่น่าพลาด) และไม่สามารถรู้ได้ว่า รถสตาร์ทหรือยัง (ต้องดูหน้าปัดเอา)  ”

“ ไม่เหมือนในต่างประเทศที่บอกว่าใช้กุญแจ Smart Key มีจอสไลด์ได้แบบมือถือ แต่เป็นแบบแบนๆ ธรรมดา ”

เบาะนั่งกระชับแบบรถสปอร์ต

เบาะหลังค่อนข้างแคบ

ห้องเก็บสัมภาระที่เล็กเพียงพอสำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมเท่านั้น

 ความคิดเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของ BMW i8

BMW i8 ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 3 สูบ ให้กำลังสูงสุด 228 แรงม้า ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน-ไฮบริดที่ผลิตกำลัง 129 แรงม้า มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูงขนาด 7.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อรวมกำลังทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่จะได้แรงม้ามากถึง 357 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 0.44 วินาที ประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 32.3 กิโลเมตร/ลิตร (76 MPG) ขับเคลื่อนได้ทั้งแบบ RWD และAWD ส่งกำลังด้วนเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลายแบบคือ

• โหมดมาตรฐาน COMFORT เหมาะสำหรับขับขี่ในเมือง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นหลัก เมื่อต้องการความเร็วสูงบางช่วงจึงจะเปลี่ยนมาเป็นกำลังจากเครื่องยนต์

• โหมด SPORT ใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เป็นหลัก 

• โหมด eBOOST เพิ่มกำลังสูงสุด 357 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังมีโหมด Launch Control ที่ช่วยให้รถพุ่งทะยานด้วยอัตราเร่งสูงสุด ในเวลาน้อยที่สุด โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของ BMW i8 ไว้ดังนี้

“ ขอเทียบกับ BMW 528i นะครับ ผมคิดว่า อารมณ์คล้ายกันมากๆ พวกมาลัยแน่น แต่ไม่แน่นเท่า Porsche คงจะเป็นเอกลักษณ์ของ bmw สไตล์นี้ คือทำออกมากลางๆ แต่การบังคับคือ แม่นมาก รู้สึกมั่นใจเวลาขับเร็วครับ อัตราเร่งได้ไวทันใจมากมาย มาตามเท้าเลย สมกับฉายาแบรนด์ Ultimate Driving Machine ลองเร่งไปไม่กี่รอบ แต่ฟินมาก”

“รถแรง ประหยัด มลพิษต่ำ ขับได้ทุกวัน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และมีราคาที่พอซื้อหากันได้ ทั้งมือหนึ่งและมือสอง”

“ เร่งเป็นมา หลังติดเบาะ เป็นไฮบริดที่แรงได้อย่างใจนึก ”

“ ประหยัดน้ำมันดีมาก เวลาไปห้างใหญ่ๆจะมีที่ชาร์จไฟสำหรับ BMW i ให้ด้วย เช่น  เซ็นทรัลเวิลด์, อาคารสำนักงานออลซีซั่นส์เพลส ”

 “ ผมว่าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดเก่าไป สมัยนี้รถระดับสูงใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดกันเกือบหมดแล้ว ”

“ เสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเสียงสังเคราะห์ หลายคนอาจบอกว่าไม่เข้ากันกับรถ แต่ผมชอบ ฟังแล้วดูเร้าใจดี ”

BMW i8 ออกแบบให้เครื่องยนต์เบนซินอยู่ด้านหลัง ส่วนชุดไฮบริดอยู่ด้านหน้า สลับกับรถยนต์ไฮบริดทั่วไป

มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ต้อบสนองทุกความต้องการ เช่น COMFORT,SPORT,eBOOST

BMW i8 ติดตั้งจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โรงแรม และสำนักงานใหญ่

ความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของ BMW i8

ด้านระบบความปลอดภัย BMW i8 มีโครงสร้างตัวถังจากคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) เป็นหลัก ที่ช่วยรับแรงกระแทกในช่วงความเร็ว 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง (40 mph) ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยให้อย่างครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 จุด, ระบบช่วยจอด, กล้องมองรอบคัน 360 องศาล, ระบบสัญญาณกันขโมย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driving Assistant Package ที่ประกอบด้วย Adaptive cruise control, ไฟหน้าปรับอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับคนเดินเท้าและเบรกอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นไว้ดังนี้

“ ไม่มี Blind Spot Assist (อุตส่าห์มีกล้องรอบตัว) ”

 “การซ่อมแซม กรณีอุบัติเหตุ ขอบอกว่ารออะไหล่นานมาก ต่อให้มีประกันก็รอนานมาก เพราะ เบิกอะไหล่นาน (3 เดือนขึ้นไป)”

BMW i8 มีโครงสร้างตัวถังจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)  

ปัญหา BMW i8 ที่ผู้ใช้พบ

สำหรับปัญหาของ BMW i8 ด้านการใช้งานทั่วไปยังไม่พบ แต่เคยมีข้อผิดพลาดจากการผลิต ซึ่งพบเหมือนกันทั่วโลก และทาง BMW ได้ทำการเรียกรถคืนเพื่อแก้ไขแล้ว โดยปัญหาดังกล่าวคือ

1. ถังน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว ในปี 2014

ซึ่งคาดว่าสาเหตุเกิดจากตัวน็อตที่ใช้กับสายกราวด์ระหว่างถังเชื้อเพลิงกับแชสซีส์ มีการเชื่อมต่อที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้ถังน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว และเกิดการลุกไหม้ได้ 

2. อาการหน้าดื้อ (Understeer) ขณะเหยียบเบรก ในรุ่นปี 2015

อาการนี้พบที่ต่างประเทศ แต่ที่ประเทศไทยยังไม่พบ โดยสาเหตุอาจเกิดจากความผิดพลาดของตัวเซ็นเซอร์ ที่เมื่อเหยียบเบรกแล้วทำให้ตัวรถมีอาการหน้าดื้อ

3. ปัญหาถุงลมนิรภัย รุ่นปี 2016

ได้พบว่าในต่างประเทศมีการเรียกคืนเพื่อตรวจสอบการทำงานของถุงลมนิรภัย บริเวณด้านข้าง ศีรษะ และหัวเข่า ของผู้โดยสารด้านหน้า สำหรับ BMW i8 ที่ผลิตในปี 2016

BMW i8 รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด ที่สะกดทุกสายตา

สรุป

BMW i8 รถยนต์สไตล์ซุปเปอร์คาร์ ที่มีดีไซน์ตัวถังล้ำยุค จนใครเห็นต้องเหลียวมอง โดดเด่นในเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิง ขับขี่สนุก อีกทั้งยังสามารถทำความเร็วได้เต็มที่ถ้าต้องการ ในราคา 12 ล้านบาท ถือว่าจับต้องได้ง่ายที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกัน (แม้ในต่างประเทศจะจำหน่ายที่ 4 ล้านกว่าบาทก็ตาม) สำหรับข้อกังวลเรื่องอะไหล่สำรองและการซ่อมแซม ทางผู้นำเข้าได้เตรียมพร้อมพอสมควร ยกเว้นอะไหล่บางชิ้นที่พิเศษจริงๆอาจต้องใช้เวลาในการขนส่ง ซึ่งเป็นปัญหาเช่นเดียวกันกับค่ายอื่นๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากเงินถึงและใจรัก BMW i8 นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแน่นอนครับ

ดูเพิ่มเติม:

รถ Nissan Juke มือสองดีไหม ยังน่าซื้ออยู่ไหม ?

2018 Volvo XC90 สุดยอดรถ SUV สุดหรูชูจุดเด่นด้วยขุมพลังไฮบริด