มีเงินเดือน 18,000 ผ่อนรถได้หรือไม่? ไขข้อข้องใจพร้อมคำแนะนำสำหรับมนุษย์เงินเดือน

สำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์เงินเดือนในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางคือปัจจัยสำคัญในการทำงานมากที่สุด เพราะหากเดินทางสะดวกสบาย รวดเร็ว ก็สามารถไปทำงานได้อย่างสบายใจและไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากการเดินทางไม่เอื้ออำนวย รถติด หรือแม้กระทั่งสถานที่ทำงานไม่ค่อยมีรถขนส่งสาธารณะผ่านก็คงจะสร้างความลำบากได้ไม่น้อย และที่สำคัญก็คือ ถ้าหากออฟฟิตอยู่ไกลจากที่พักก็ยิ่งทำให้ส่งผลโดยตรง ทั้งการเดินทางไปทำงานหรือแม้กระทั่งการเดินทางกลับ แน่นอนว่ามนุษย์เงินเดือนก็คงไม่อยากเอาเงินเดือนของตนเองไปจ่ายค่าแท็กซี่ทุกวันอย่างแน่นอน เพราะหากนับรวมกันแล้วเดือนหนึ่งก็ต้องจ่ายค่าเดินทางหลายพัน แล้วถ้าหากปัญหาต่างๆไม่สามารถหาทางออกได้ง่ายๆ วิธีที่หลายคนนึกถึงก็คือการซื้อรถยนต์ส่วนตัวเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง

การผ่อนรถยนต์ของมนุษย์เงินเดือน

แล้วคนที่มีเงินเดือน 18,000 ผ่อนรถจะรอดหรือไม่ ถ้าหากซื้อรถจะเลือกซื้อรุ่นใด ผ่อนแค่ไหนจะไหวและยังมีเงินเก็บ ที่สำคัญคือเลือกซื้อรถอย่างไรให้ไม่ต้องมาเสียเวลาส่งซ่อมให้เปลืองเงินในกระเป๋า พร้อมไขข้อข้องใจสำหรับมนุษย์เงินเดือน ดังต่อไปนี้

มีเงินเดือน 18,000 บาทควรผ่อนรถหรือไม่?

สำหรับผู้ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 18,000 - 20,000 บาท และมีความคิดที่อยากจะซื้อรถยนต์เป็นของตัวเองนั้น ลำดับแรกต้องคำนึงก่อนว่าในแต่ละเดือนต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยเฉพาะค่าประกันสังคมของบริษัท ซึ่งเงินเดือนจะได้ไม่เต็มอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีค่าอื่นๆที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือน อย่างเช่น ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน  ค่าบัตรเครดิต แน่นอนว่าหากมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่ยังถือว่าไม่ควรที่จะผ่อนรถโดยเด็ดขาด เพราะการผ่อนรถที่ดีนั้น จะต้องอยู่ที่ 10-15% ของเงินเดือน นั่นก็คือ หากมีเงินเดือน 18,000 บาท ความสามารถที่จะผ่อนรถก็คือเดือนละ 1,800 - 3,500 บาทเท่านั้น แน่นอนว่านี่คือจำนวนเงินที่จะไม่ไปกระทบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆในกรณีที่จะซื้อรถยนต์เป็นของตนเอง แต่ถ้าหากว่าไม่มีค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่าย ไม่มีค่าผ่อนคอนโด มีเพียงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การเลือกซื้อรถยนต์ก็สามารถทำได้ เพราะปัจจุบันการผ่อนรถยนต์มือสองก็ถือว่าสามารถจ่ายได้โดยไม่ลำบาก อย่างเช่น หากผ่อนรถยนต์มือสองที่มีราคาอยู่ที่ 200,000 - 300,000 บาท ยอดผ่อนจะอยู่ที่ 4,000 - 5,000 บาท ในระยะเวลา 4-6 ปี หากมีเงินเดือน 18,000 - 20,000 บาท ก็จะมีเงินเหลือใช้ในเดือนหนึ่งมากกว่า 14,000 บาท เลยทีเดียว แต่ถ้าหากมีเงินก้อนเพื่อเอาไว้ดาวน์รถ และไปผ่อนในราคาไม่กี่พันก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่น้อย อย่างเช่น การวางเงินดาวน์ 40,000 บาท หรืออาจจะเป็น 40% ของราคารถ และผ่อนเดือนละ 4,000 บาทในระยะเวลาเพียง 3-4 ปี เท่านั้น

แนวทางสำหรับผู้ที่มีเงินเดือน 18,000 บาทและอยากซื้อรถยนต์

อย่างไรก็ตาม การมีรถยนต์ก็จะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอื่นๆ หลักๆก็คือค่าน้ำมัน ที่ส่วนมากจะตกเดือนละ 2,000 บาท ในกรณีที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน หรือค่าประกันภัยรถยนต์ ที่หากเป็นประกันภัยรถยนต์มือ 1 ก็จะตกปีละ 2 หมื่นบาท หรือราวๆ 1,700 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมค่าภาษีรถยนต์ และค่าซ่อมบำรุงในกรณีฉุกเฉินด้วย

ควรเลือกรถรุ่นไหน ราคาเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่า

แน่นอนว่าหากต้องการเลือกซื้อรถยนต์เป็นของตนเองโดยที่ฐานเงินเดือนอยู่ที่ 18,000 - 20,000 บาท หลักๆแล้วรถยนต์ที่เหมาะสมก็คือรถยนต์ประเภทอีโคคาร์ หรือรถยนต์ที่มีราคาไม่เกิน 700,000 บาท ยิ่งเป็นมือสองก็จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000 - 500,000 บาท เท่านั้น ยอดจัดที่จะต้องผ่อนแต่ละเดือนก็จะอยู่ที่ 4,000 - 7,000 บาท ขึ้นอยู่กับการวางเงินดาวน์ด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับรุ่นรถที่มนุษย์เงินเดือนนิยม และสามารถผ่อนได้โดยที่ยังเหลือใช้นั้น ได้แก่

• Honda City
• Toyota Yaris
• Mitsubishi Mirage
• Suzuki Swift
• MG3
• MG6
• Honda Brio
• Toyota Vios
• Ford Fiesta
• Mazda2

รถยนต์ Honda City

รถยนต์ Toyota Vios

โดยรถยนต์ทั้งหมดที่แนะนำนั้น หากเทียบจากราคาแล้วจะอยู่ในระดับเดียวกัน ที่สำคัญคือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม ใช้งานได้ง่าย รูปทรงสวยงาม ใช้งานได้หลากหลาย ที่สำคัญคือตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่มีรายได้แบบรายเดือนเป็นหลักที่ต้องการผ่อนรถ

ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องเตรียมรับมือ

สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องรับมือนั้น มีหลากหลายอย่างชนิดที่คนไม่มีรถอาจจะคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าทางด่วน สรุปได้ดังต่อไปนี้

• ค่าน้ำมัน เฉลี่ยอาทิตย์ละ 500 บาท หรือราวๆ เดือนละ 2,000 - 2,500 บาท
• เช็คระยะรถยนต์ ปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000 - 3,000 บาท เฉลี่ยปีละ 4,000 - 6,000 บาท
• ค่าประกันภัยรถยนต์ ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันว่าจะใช้แบบใด และยอดจ่ายอยู่ที่เท่าไหร่
• ค่าภาษีรถยนต์ โดย พ.ร.บ. ต้องจ่ายปีละ 1,800 บาท

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย อาทิ ค่าซ่อมบำรุง ค่าเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถยนต์และการดูแล ซึ่งค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน หากผ่อนรถยนต์มือสองเดือนละ 5,000 บาท เมื่อบวกกับค่าน้ำมันรถ ก็จะตกเดือนละ 7,500 - 8,000 บาท โดยหากขึ้นทางด่วนหรือโทลล์เวย์ ก็จะต้องบวกเพิ่มในส่วนนี้ด้วย หากมีเงินเดือน 18,000 บาท แล้วค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 7,500 - 8,000 บาท ก็จะมีเงินเหลือใช้ประมาณ 10,000 - 10,500 บาท ถ้าหากไม่มีค่าคอนโด ค่าอื่นๆที่ต้องใช้จ่ายก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่ถ้าหากว่ายังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอยู่ก็อาจจะยังไม่เหมาะที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัวเท่าใดนัก เว้นแต่ว่าจะมีเงินก้อนและเลือกจ่ายสดครั้งเดียว

ค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะต้องตามมาหากซื้อรถยนต์

สรุป

สำหรับคำถามที่ว่ามนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือน 18000 ผ่อนรถ ได้หรือไม่นั้น โดยหลักๆแล้วจะต้องพิจารณาจากตัวแปรต่างๆเพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์ว่าตนเองสามารถผ่อนจ่ายค่างวดรถในแต่ละเดือนได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ต้องดูว่าสามารถผ่อนจ่ายได้เดือนละเท่าใด หากซื้อแล้วจะมีเงินเหลือเก็บหรือไม่ แน่นอนว่าหากผู้ที่มีเงินเดือนเพียง 18,000 และต้องจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรเครดิต และอื่นๆอีกมากมาย การเลือกซื้อรถยนต์ก็อาจจะไม่เหมาะเท่าใดนัก เพราะต่อให้เป็นผู้ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆนั้น การเลือกซื้อรถยนต์ส่วนตัวได้ดีก็คือการเลือกซื้อรถมือสอง เพราะสามารถผ่อนจ่ายได้ในราคาที่ไม่สูงมากนัก หากเป็นมือหนึ่งยอดผ่อนขั้นต่ำคือเดือนละ 7,000 บาท เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆที่พ่วงมาด้วยก็อาจจะทำให้ลำบากได้ แต่ถ้าหากเลือกซื้อรถยนต์มือสอง ยอดผ่อนอาจจะอยู่ที่ 4,000 - 5,000 บาท ก็จะไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากนัก ดังนั้น หากมนุษย์เงินเดือนท่านใดที่กำลังมองหารถยนต์อยู่ก็อย่าลืมสำรวจว่าตนเองพร้อมมากเพียงใดกับการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆในแต่ละเดือนสำหรับรถยนต์ของท่าน

อ่านเพิ่มเติม :

• ผ่อนรถเดือนละ 3000 ต้องดาวน์เท่าไหร่
• 5 อันดับรถเก๋งราคาไม่เกิน 4 แสน ที่ใช้งานดีที่สุด ด้วยค่าใช้จ่ายประหยัด
• เตือนภัย!! โดนหลอกซื้อรถมือสอง ต้องระวังก่อนตกเป็นเหยื่อ