เรียกได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่นิยมการผ่อนจ่ายเป็นอันดับแรกๆเลยก็ว่าได้ สังเกตได้จากการมีโปรโมชั่นต่างๆออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนโทรศัพท์มือถือ ผ่อนกล้องถ่ายรูป สารพัดที่จะสรรหามาผ่อน จริงอยู่ที่ว่าการผ่อนช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ เพราะไม่ต้องเอาเงินไปวางทีเดียวก้อนใหญ่ๆ ซึ่งก็คงจะขัดกับรายได้อยู่ไม่น้อย และก็คงจะเกิดปัญหาต่างๆตามมาอย่างแน่นอน
เชื่อเถอะว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาล้วนมีสิ่งที่อยากได้ อยากมี ไม่มากก็น้อย เพราะการที่มีสิ่งของเป็นของตนเอง นอกจากจะทำให้มีความมั่นคงในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกถึงสถานะอีกด้วย แต่ใครจะไปรู้ ว่าเบื้อหลังที่แท้จริงที่สุดแสนจะสวยหรูนั้น มันไม่ได้สวยงามเสมอไป เพราะกว่าจะได้ของบางสิ่งบางอย่างที่มีมูลค่าสูงๆมาเป็นของตัวเอง ก็ต้องใช้ปัจจัยหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเงิน ที่หลายคนก็คงไม่สามารถใช้จ่ายได้อย่างตั้งใจ จึงเลือกทางออกโดยการ “ผ่อน”
เมื่อพูดถึงการผ่อนแล้ว ก็ต้องรู้จักคำว่า “ไฟแนนซ์” อย่างแน่นอน เพราะถือเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อนำมาสิ่งของอย่างเช่น บ้าน หรือรถยนต์ แต่สิ่งที่น่ารู้อีกอย่างหนึ่งสำหรับคนชอบผ่อน ก็คือ “การรีไฟแนนซ์” โดยในที่นี้เราจะพูดถึง “การรีไฟแนนซ์รถยนต์” เพียงอย่างเดียว
การรีไฟแนนซ์รถยนต์
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ความหมายของคำว่า “รีไฟแนนซ์” หรือ (Re-Finance) แล้ว จะต้องอธิบายง่ายๆว่า เป็นการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อไปใช้เงินกู้ก้อนเก่า โดยการรีไฟแนนซ์นี้ จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้กู้มากกว่าผู้ให้กู้ เนื่องจากดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม ที่สำคัญก็คือ สามารถลดเงินต้นได้เร็วมากขึ้น
ประการแรก คือ การที่ดอกเบี้ยถูกกว่าแหล่งเดิมจะส่งผลให้การชำระเงินในแต่ละงวดลดลงมา และยังช่วยประหยัดจากการกู้ก้อนใหม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในการรีไฟแนนซ์ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาด้วย ดังนั้นผู้กู้จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนทำการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินอย่างละเอียด
ประการที่สอง คือ ค่าใช้จ่ายที่สำคัญของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ จะเกิดขึ้นเพียง 2 ประการ คือ ส่วนที่ต้องชำระให้กับสถาบันการเงินเดิม และส่วนที่ต้องจ่ายให้กับสถาบันการเงินใหม่ เนื่องจากต้องมีการย้ายสถาบันการเงินเพื่อทำสัญญาในการกู้ โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายทางสถาบันจะเป็นผู้กำหนดขึ้นมา
ข้อดี คือ ราคาที่ประเมินรถยนต์อาจจะสูงกว่ายอดสินเชื่อที่เหลืออยู่ โดยสามารถนำเงินส่วนต่างนี้มาขอกู้เพิ่ม หรืออาจจะนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆได้ตามความเหมาะสม และแน่นอนในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ต้องไปชำระกับเงินก้อนเดิมนับวันก็จะต้องเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการรีไฟแนนซ์สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และยังสามารถเอาเงินส่วนต่างไปทำอย่างอื่นต่อได้อีกด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินก้อนเท่าเดิมกับดอกเบี้ยแพงๆอีกต่อไป ทั้งยังยืดระยะเวลาในการผ่อนให้ยาวขึ้นไปได้อีก ที่สำคัญคือ สามารถขอวงเงินเพิ่มเพื่อเอามาใช้จ่ายได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาในกำลังการชำระของผู้กู้ด้วย ซึ่งข้อดีนี้เองจะส่งผลให้ผู้กู้ มีศักยภาพทางการเงินที่สูงขึ้น สามารถจัดการกับปัญหาทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ข้อเสีย คือ ผู้กู้จะมียอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เพราะการผ่อนชำระสินเชื่อรถยนต์ไม่ได้เป็นการลดต้นลดดอกเหมือนกับการผ่อนชำระอย่างอื่น อย่างเช่น การผ่อนชำระบ้าน และในบางกรณี อาจจะต้องพิจารณาก่อนว่าจะคุ้มค่ากับการขอสินเชื่อใหม่หรือไม่ เพราะอย่างที่อธิบายไปแล้วในข้างต้นว่าการรีไฟแนนซ์นั้นจะต้องมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นด้วย โดยเฉพาะค่าดำเนินการในบางรายการ และยังไม่รวมถึงการมีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานขึ้น ที่จะส่งผลให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น ว่าการรีไฟแนนซ์ถือเป็นการกู้เงินก้อนใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำ มาชำระให้กับเงินกู้ก้อนเก่า ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่สามารถจัดการปัญหาทางการเงินได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีรถ เพราะถึงแม้จะเข้ากระบวนการรีไฟแนนซ์แล้ว แต่รถก็ยังอยู่กับเจ้าของ เพียงแต่ต้องชำระตามกระบวนการเท่านั้นเอง
สำหรับเหตุผลที่เหมาะสมกับการรีไฟแนนซ์นั้น มีอยู่หลากหลายประการด้วยกัน ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
1) เพิ่มศักยภาพทางการเงิน ซึ่งก็คือ การที่สามารถผ่อนชำระเงินก้อนเก่าได้ตามกำหนด และยังมีเงินก้อนใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำลงมาช่วยจัดการปัญหาทางการเงินในช่วงระยะเวลานั้น จะทำให้ผู้กู้สามารถจัดการกับปัญหาทางการเงินได้มากขึ้น และยังช่วยเพิ่มระยะเวลาในการจัดการเงินกู้ได้
2) มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี เพราะการรีไฟแนนซ์นั้น คือการที่นำเงินก้อนที่สองมาจ่ายให้กับ เงินกู้ก้อนแรก โดยจะทำให้ตนเองมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีได้ และมักจะมีผลกับการดำเนินการทางการเงินอย่างอื่นได้ด้วย
3) สามารถเพิ่มวงเงินในการกู้ได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถาบันทางการเงินด้วย ว่าผู้กู้มีศักยภาพในการผ่อนชำระหรือไม่
4) สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้ ถึงแม้จะเป็นการกู้เงินเพื่อมาโป๊ะเงินก้อนเดิมที่กู้เอาไว้ แต่การรีไฟแนนซ์เองก็สามารถยืดระยะเวลาในการผ่อนไปให้นานมากขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้จะสามารถยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระได้ ก็อย่าลืมว่าอัตราดอกเบี้ยก็จะต้องเพิ่มขึ้นไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน ยิ่งนานดอกก็จะต้องยิ่งสูงขึ้นเป็นธรรมดา
หลังจากที่รู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ไปบ้างแล้ว หลายคนคงเกิดคำถามว่า หากต้องการรีไฟแนนซ์รถยนต์นั้น จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีกระบวนการง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1) เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อและผู้ค้ำประกันรถยนต์ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อและผู้ค้ำ เอกสารแสดงรายได้หรือสลิปเงินเดือน เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามี) ทะเบียนรถยนต์หรือสำเนาทะเบียนรถยนต์
2) ติดต่อกับทางสถาบันการเงินที่ต้องการดำเนินการรีไฟแนนซ์ โดยทางสถานบันการเงิน จะมีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาให้กับผู้กู้
3) ทำการประเมินราคารถยนต์ของผู้กู้โดยสถานบันการเงิน
4) ดำเนินการตามที่สถาบันการเงินกำหนด โดยในสัญญาจะมีรายละเอียดต่างๆถึงการผ่อนชำระ และกระบวนการมาให้ ซึ่งก็จะต้องเป็นหน้าที่ของผู้กู้ที่จะต้องศึกษาและอ่านสัญญาให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง
ผู้กู้ศึกษาข้อมูลสำหรับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ก่อนทุกครั้ง
ถึงแม้การรีไฟแนนซ์รถยนต์ จะมีข้อดี ข้อเสีย แต่หลักๆแล้วก็คือการกู้เงินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งก้อน เพื่อนำไปจ่ายเงินที่กู้มาก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าจะต้องมีภาระการชำระเงินถึง 2 ก้อนด้วยกัน ถึงแม้ดอกเบี้ยของเงินกู้ก้อนใหม่จะน้อยลง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องชำระตามทีได้มีการกำหนดไว้กับสถาบันการเงินเช่นเดิม ซึ่งก็จะเหมาะกับผู้ที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูง และมีศักยภาพที่จะชำระตามกำหนด
ดูเพิ่มเติม: