สร้างความหนักใจให้กับเจ้าของรถหลายรายเมื่อถูกทวงถามถึงค่างวดรถ พร้อมถูกขู่ว่าจะยึดรถในกรณีนี้ผู้ที่ประสบปัญหาควรตั้งสติก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงปรึกษาผู้รู้กฎหมาย หรือ สอบถามความรู้เพิ่มเติมจากผู้สันทัดกรณีซึ่งจะได้คำแนะนำที่ดีกว่าการเก็บปัญหาเอาไว้คนเดียว
โดนไฟแนนซ์ขู่ยึดรถควรทำอย่างไรดี
โดยปกติแล้วบริษัทไฟแนนซ์จะเข้ามาทำการยึดรถได้นั้นต้องเป็นไปในกรณีที่เจ้าของรถขาดส่งค่างวดให้กับบริษัทไฟแนนซ์ที่เป็นผู้ให้เช่าซื้ออยู่ไม่ต่ำกว่า 3 งวดติดต่อกันขึ้นไปรวมระยะเวลาก่อนยึดรถอีก 1 เดือน ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน หรือ มากกว่านี้ หากบริษัทไฟแนนซ์ทำการยึดรถโดยยังไม่ครบกำหนดห้วงเวลาข้างต้นนี้ให้ระวังความผิดตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งคุ้มครองเกี่ยวกับสัญญาที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ทำไว้กับผู้เช่าซื้อ เพราะฉะนั้นผู้เช่าซื้อต้องไม่ยินยอมให้บริษัทไฟแนนซ์ยึดรถพร้อมทั้งแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจให้เป็นพยานอีกด้วย
ส่วนในกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อเรียกค่าเสียหายในการติดตามทวงถามเกินความจริงนั้นไม่สามารถที่จะทำได้ เนื่องจากการเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าซื้อด้วยสาเหตุขาดส่งค่างวดนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้มีการดำเนินคดีคดีฟ้องร้องผู้เช่าซื้อในชั้นศาลแล้วเท่านั้นซึ่งผู้ให้เช่าซื้อจะต้องจำแนกให้ผู้เช่าซื้อทราบถึงรายละเอียดของเงินที่เรียกเก็บว่ามีการนำไปใช้ในส่วนใดบ้าง
โดนไฟแนนซ์ขู่ยึดรถสามารถฟ้องดำเนินคดีได้
ในอีกกรณีหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อถูกบริษัทไฟแนนซ์ติดตามยึดรถแล้วผู้เช่าซื้อไม่ยินยอมให้ยึดรถ บริษัทไฟแนนซ์ไม่สามารถที่จะยึดรถไปได้ รวมถึงหากมีการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญให้ผู้เช่าซื้อยินยอมมอบกุญแจรถให้ หรือ ใช้กุญแจสำรองมาเปิดเพื่อนำรถออกไปโดยไม่แจ้งให้ผู้เช่าซื้อทราบ ให้ถือว่าผู้ให้เช่าซื้อมีการกระทำตามความผิดต่อสิทธิเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ทั้งนี้ หากกระทำการโดยใช้อาวุธ หรือ มีผู้ร่วมกระทำความผิดไม่ต่ำกว่า 5 คนขึ้นไปให้ระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับผู้เช่าซื้อทุกรายหากได้รับความไม่เป็นธรรมจากบริษัทไฟแนนซ์ในการติดตามทวงถามค่างวดรถสามารถที่จะถ่ายรูป และ บันทึกเสียง เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้ที่กระทำการขู่เข็ญบังคับยึดรถได้ตามรายละเอียดในข้างต้น
ดูเพิ่มเติม:
เมื่อไฟแนนซ์ยึดรถแล้วผู้เช่าซื้อควรปฏิบัติอย่างไร
ซื้อขายรถหนีไฟแนนซ์ทำได้หรือไม่