14:00, 20 ส.ค. 2561

แฟนๆมีเฮ BMW จับมือ Microsoft เผยเส้นทางสู่นวัตกรรม AI แห่งยานยนต์

บันทึกรายการ

สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากสำหรับการจับมือพัฒนานวัตกรรม AI ของ BMW และ Microsoft ที่ได้เตรียมเปิดตัว BMW ConnectedDrive สำหรับการเชื่อมต่อที่ไร้พรมแดน

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่สร้างเสียงฮือฮาได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากทาง BMW Group Thailand ได้มีการแถลงข่าวเปิดตัวระบบ BMW ConnectedDrive แอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับ ยานยนต์ และโลกภายนอก หรือที่เรียกกันว่า AI ซึ่งจะเริ่มต้นใช้ในตระกูล BMW ConnectedDrive  โดยได้มีการพัฒนาร่วมกับทาง Microsoft Thailand ให้ดูแลในเรื่องของการจัดทำระบบ พร้อม Open Mobility Cloud Platform ของ BMW ด้วย ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก จาก Microsoft Azure นั่นเอง


การพัฒนา AI ใน  BMW ConnectedDrive 

โดยนาย คริสเตีย วิดมานน์ ประธาน BMW Group Thailand ได้กล่าวว่า “ในปี 2561 นี้ ถือว่าเป็นการครบรอบ 20 ปี ของ BMW ConnectedDrive โดยเรายังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไปในฐานะผู้บุกเบิกการให้บริการดิจิทัลล้ำยุคแห่งโลกยนตรกรรมในระดับสากล บริการของเราล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่อย่างไร้ขีดจำกัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่น BMW Connected มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.3 ล้านคน และมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 10 ล้านคันใน 45 ประเทศทั่วโลกที่มีการเชื่อมต่อด้วยฟีเจอร์ของระบบ BMW ConnectedDrive การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ BMW ConnectedDrive ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ NUMBER ONE > NEXT ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งมุ่งปูรากฐานอันแข็งแกร่งไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมในโลกดิจิทัล"


การสร้างความร่วมมือระหว่าง BMW และ Microsoft

โดยในส่วนของ BMW ConnectedDrive จะถูกบรรจุลงในรถยนต์ BMW iPerformance ที่เป็นรถยนต์กลุ่มพลังไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด สามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ของรถได้จากระยะไกลและ เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถ ผ่านแอปพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone สรุปความสามารถเบื้องต้นดังนี้

1. แสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถได้จากทุกที่ทุกเวลา

2. ควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล


ระบบปฏิบัติการภายในแอปพลิเคชั่น

3. หากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถควบคุมการชาร์จด้วยการตั้งเวลาที่ต้องการได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

4. ระบบนำทาง สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด

5. การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน


การประมวลผลระหว่างรถยนต์และแอปพลิเคชั่น

ซึ่งระบบดังกล่าวนั้น เป็นเพียงขั้นพื้นฐานที่จะได้รับการพัฒนาในแอปพลิเคชั่น BMW Connected เท่านั้น เพราะในส่วนของการพัฒนาในอนาคตนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการปรับและเพิ่มการใช้งานเพิ่มเติมอย่างแน่นอน เพื่อให้เข้ากับยานยนต์ในแต่ละรุ่น

แน่นอนว่า ในส่วนของฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของ BMW I เอง ก็ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ออกมาด้วย โดย ดร.อเล็กซานเดอร์ คอเทช ได้กล่าวเอาไว้ว่า BMW I นั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของ BMW Group เลยก็ว่าได้ เพราะทุกการสร้างสรรค์ระบบขับเคลื่อนนั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนด้วย


การพัฒนาระบบอัจฉริยะของ BMW I 

ซึ่งภายในปี พ.ศ. 2568 BMW I จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 25 รุ่น ประกอบไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ถึง 12 รุ่น ขณะที่แบรนด์และสายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ภายใต้ความดูแลของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จต่อไป

ในส่วนของ นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "กระบวนการปฏิรูปด้วยดิจิทัลกำลังผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมและทุกองค์กรทั่วโลกต่างต้องพลิกรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น เป็นที่คาดการณ์กันว่าในปี พ.ศ. 2563 รถยนต์ใหม่ในตลาดโลกกว่า 90% จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือโลกภายนอก ซึ่งทั้ง BMW ConnectedDrive และแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ปูทางไปสู่ประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต"


การเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone 

ทำให้มั่นใจได้ว่า ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ (Microsoft Azure) ระบบคลาวด์ระดับโลก ช่วยให้ BMW ConnectedDrive สามารถทำการวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลปริมาณมหาศาลที่บันทึกจากการขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู โดยระบบ Open Mobility Cloud ของบีเอ็มดับเบิลยูได้เลือกใช้แพลตฟอร์ม ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาบริการอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่มากมาย ที่ไม่เพียงเชื่อมโยงตัวรถเข้ากับสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคอนเทนต์และระบบเครือข่ายอีกมากมายจากภายนอกด้วยนั่นเอง

สรุป

อย่างไรก็ตามบริการใหม่ข้างต้นจาก BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance จะมาพร้อมกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป โดยรุ่นที่รองรับประกอบด้วย BMW 330e, BMW 530e​ และ BMW 740Le ซึ่งก็จะต้องติดตามต่อไปสำหรับการพัฒนาระบบ AI ของทาง BMW และ Microsoft

อ่านเพิ่มเติม :
BMW เผยทีเซอร์ 2018 All-NEW BMW 8-Series!!
BMW CONNECTED DRIVE อิสระทุกการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด

BearsSmiley

ในหมวดเดียวกัน