09:10, 10 มิ.ย. 2562

เผยโฉม Mercedes-Benz C 300 E รุ่นประกอบในประเทศ

บันทึกรายการ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ ในรุ่น Mercedes-Benz C 300 E ตอกย้ำการเป็นผู้นำในด้านการผลิตยนตรกรรมที่ใช้พลังงานสะอาดถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลิตรถในกลุ่ม C-Class พร้อมดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกภายในสุดครบครัน


เผยโฉม Mercedes-Benz C 300 E รุ่นประกอบในประเทศ

เรียกความสนใจจากแฟนคลับเบนช์ชาวไทยได้เป็นอย่างดีเมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ออกมาเปิดเผยถึงการนำรถยนต์รุ่นใหม่ ได้แก่ Mercedes-Benz C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท และ Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde ราคา 2,699,000 บาท ทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการออกแบบยนตรกรรมรูปแบบใหม่ที่มีการคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผสานเข้ากับความทันสมัยของเทคโนโลยีสุดล้ำได้อย่างลงตัว

มร. โรลันด์ เซบาสเตียน โฟลเกอร์ ประธานบริหารบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์นำเสนอเทคโนโลยีภายใต้แบรนด์ EQ ทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. EQ เทคโนโลยีในรถยนต์ Battery Electric Vehicles หรือ BEV 2. EQ Power แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ (EQ Power) และ เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต หรือ รถสมรรถนะสูง 3.EQ Boost เทคโนโลยี 48 โวลต์ที่ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนให้กับรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี


Mercedes-Benz C 300 E

โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีได้มีการเปิดตัว Mercedes-Benz S 560 e รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งผู้นำภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ 2019 และล่าสุดเพื่อเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ EQ บริษัทจึงได้เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้แก่ Mercedes-Benz C 300 E รุ่นประกอบในประเทศ บนแนวทางของยนตรกรรมซาลูนสุดหรูที่มาพร้อมกับความอัจฉริยะผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของรถยนต์ในตระกูล C-Class และเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้ได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบรถที่มีสมรรถนะอันทรงพลังและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ทั้งนี้สำหรับการดีไซน์ภายนอกในรุ่น Avantgarde ได้รับการปรับให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้นผ่านการติดตั้งกระจังหน้าสีเงินโครเมียมพร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วงล่างได้รับการติดตั้งล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว  ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED High Performance


Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde

ส่วนในรุ่น AMG Dynamic ก็ได้รับการดีไซน์ที่โดดเด่นไม่แพ้กันเพิ่มความโฉบเฉี่ยวภายใต้การติดตั้งกระจังหน้าแบบ Diamond Grille เสริมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมกันชนหน้า-หลัง รวมถึงสเกิร์ตด้านข้างในแบบ AMG Bodystyling เพิ่มความประทับใจในทุกทริปการเดินทางผ่านหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบไฟหน้าแบบ Multibeam LED พร้อมระบบปรับไฟสูงแบบ Ultra Range Highbeam รองรับการส่องสว่างได้ระยะไกลถึง 650 เมตร อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มของแสงให้เข้ากับสภาพจราจรโดยรอบได้พร้อมฟังก์ชั่นปรับความเข้มของแสง ปรับระดับไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบ และ ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียนเป็นต้น


ด้านข้าง Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde

ในส่วนของการดีไซน์ภายในทั้งสองรุ่นยังคงมีส่วนที่แตกต่างกันโดยในรุ่นแรก Avantgarde มากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยผสานเข้ากับความผ่อนคลายได้อย่างลงตัวด้วยการติดตั้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแบบ Artico  ทางด้าน C 300 e AMG Dynamic ได้รับการติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตทรงท้ายตัดพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแบบสปอร์ตติดตั้งฟังก์ชั่น Memory Seat Package อย่างไรก็ตามในทั้ง 2 รุ่นยังได้รับการติดตั้งระบบกุญแจแบบ Keyless-Start อีกทั้งในรุ่น AMG Dynamic ติดตั้งระบบกุญแจแบบ Keyless-Go เสริมเข้ามาให้อีกด้วย


ด้านหลัง Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde

ทางด้านฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกแบบมาตรฐานภายใน Mercedes-Benz C 300 E มีดังนี้ หน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว และ Touchpad รองรับการใช้งาน Apple CarPlay โดยที่ในรุ่น AMG Dynamic ได้รับการติดตั้งฟังก์ชั่นเสริมด้วยระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ ระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ ระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารปรับสีได้ถึง 64 สี หน้าจอแดชบอร์ดแบบ Digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic , Sporty และ Progressive

Mercedes-Benz C 300 E ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า Plug-in Hybrid ผ่านการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-1,400 รอบต่อนาที ประสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า มีกำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 4,500-5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC


Mercedes-Benz C 300 E AMG Dynamic

นอกจากนี้แล้ว Mercedes-Benz C 300 E ยังได้รับการติดตั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยสุดล้ำมาให้อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยเสริมเรื่องความปลอดภัย ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติแบบ ESP ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกแบบ ABS ระบบเบรกไฟฟ้าแบบ ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA ระบบรักษาความเร็ว Cruise Control พร้อมฟังก์ชั่นจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC ระบบเตือนแรงดันลมยาง Tyre pressure loss warning system ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST และ เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC


ด้านข้าง Mercedes-Benz C 300 E AMG Dynamic

สำหรับผู้ที่มีความสนใจ Mercedes-Benz C 300 E ทั้ง 2 รุ่นสามารถที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตัวแทนจำหน่ายเบนซ์ใกล้บ้าน อย่างไรก็ตาม AMG Dynamic และ Avantgarde นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของรถในรุ่น C-Class ที่ได้มีการนำระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดเข้ามาเสริมเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ขับขี่ที่มีหัวใจรักษ์โลกพร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกภายในสุดหรู

...

ดูเพิ่มเติม

มนัส ช่วยบำรุง

ในหมวดเดียวกัน