13:05, 1 ก.ค. 2564

เปิดสักที Haval H6 Hybrid 2021 ราคาดี ๆ ที่ลงตัว

บันทึกรายการ

สมกับที่ลีลามานาน Haval H6 Hybrid 2021 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ของครบ ราคาดี พร้อมเป็น SUV ดี ๆ ที่ลงตัวสำหรับคนไทย แต่เรื่องความน่าไว้วางใจคงต้องใช้เวลา

ความคุ้มค่าวัดกันที่อะไร ?

ถ้าจะวัดความคุ้มค่ากันด้วยตัวเลขหรือเช็กลิสต์รายการอุปกรณ์ All-new Haval H6 Hybrid 2021 รถ SUV น้องใหม่จากค่ายจีนอย่าง GWM อาจได้เปรียบและดูลงตัวกว่าใคร ๆ ในเวลานี้ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เบิ้ม รายการอุปกรณ์แน่น พละกำลัง 243 แรงม้า กับราคาเริ่มต้นที่ตั้งไว้เพียง 1,149,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครให้ได้มากเท่านี้มาก่อน แม้แต่ MG HS PHEV ก็ได้แค่ฝันถึง !!!

ทั้งนี้ Haval H6 Hybrid 2021 จะมีให้เลือกกันสบาย ๆ อยู่ 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • Haval H6 Hybrid Pro ราคา 1,149,000 บาท
  • Haval H6 Hybrid Ultra ราคา 1,249,000 บาท

โดย All-new Haval H6 Hybrid 2021 จะเป็นรถ SUV ขนาดคอมแพกต์ รองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง มิติตัวถังยาว 4,653 มม. กว้าง 1,886 มม. สูง 1,724 มม. และฐานล้อยาว 2,738 มม. เรียกว่าเหนือกว่าทั้ง MG HS PHEV และ Honda CR-V ทุกแง่มุม ส่วน Toyota Corolla Cross แทบไม่ต้องพูดถึง เล็กกว่าใคร ๆ เค้าอยู่แล้วตั้งแต่เกิด นี่คือเรื่องแรกหากจะวัดความคุ้มกันด้วยขนาด

ส่วนอุปกรณ์ภายนอกและภายใน All-new Haval H6 Hybrid 2021 ถ้าใครเน้นเช็กลิสต์จำนวนรายการรับรองเพลินกันเลยทีเดียวตั้งแต่รุ่น Pro เช่น

อุปกรณ์ภายนอก

  • ไฟหน้า LED อัจฉริยะ พร้อมระบบเปิด-ปิด ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์
  • ไฟวิ่งเวลากลางวัน (DRL)
  • ไฟท้ายและไฟตัดหมอกท้ายแบบ LED
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า
  • ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว

อุปกรณ์ภายใน

  • ไฟ Ambient Light
  • แถบประดับสีเงิน
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน Auto Hold
  • คันเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter
  • กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
  • เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ ภายในสีดำ
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้าและระบบระบายความร้อน
  • เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางและระบบระบายความร้อน
  • พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้ 60:40
  • ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า-ด้านหลัง และกล้องบันทึกภาพ
  • หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์ ขนาด 10 นิ้ว มี Wi-Fi รองรับการสั่งงานด้วยเสียง สามารถอัพเกรดระบบผ่านออนไลน์ (FOTA)
  • ลำโพง 8 ตัว
  • ระบบนำทาง
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา พร้อม CN95 Filter
  • ช่องปรับอากาศผู้โดยสารด้านหลัง

แต่ถ้าหากเป็นรุ่น Ultra ก็จะได้เพิ่มมาอีกนิดหน่อยคือ

อุปกรณ์ภายนอก

  • ไฟตัดหมอกหน้า LED
  • ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว
  • กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ
  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

​​​​​​​

อุปกรณ์ภายใน

  • เบาะหนังสังเคราะห์สีดํา-เทา ภายในสีเทา-ดำ
  • แถบประดับสีโรสโกลด์
  • ระบบ HUD แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
  • ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
  • หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนต์เพิ่มขนาดเป็น 12 นิ้ว

​​​​​​​

เท่านั้นยังไม่พอ All-new Haval H6 Hybrid 2021 ยังเอาใจคนยุคใหม่ ด้วยแอปพลิเคชั่นสั่งงานและตรวจสอบสถานะของตัวรถระยะไกลผ่าน Smart Device ได้เยอะมาก  เช่น สั่งเปิดแอร์, เปิด-ปิดประตูท้ายรถ, ล็อกประตู, เปิด-ปิดระบบฟอกอากาศ, เปิด-ปิดระบบระบายความร้อนตัวเบาะ หรือเช็กสถานะต่าง ๆ ได้เพียบ คือขายความเป็นสมาร์ตคาร์ที่หวือหวาและสร้างความรู้สึก “เฮ้ยยย...คุ้มว่ะ” ได้มาก

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งล่อตาล่อใจใน All-new Haval H6 Hybrid 2021 ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะขุมพลัง Hybrid ก็ไม่แพ้ใคร ด้วยเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOCH พ่วงเทอร์โบ ทำงานประสานกับมอเตอร์ ทำให้รถ SUV จีนรุ่นนี้มีกำลังสูงสุดรวมถึง 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดรวม 530 นิวตันเมตร ซึ่งถ้าจะวัดตัวเลขจากผู้ผลิตกับราคาที่จ่าย H6 Hybrid ชนะใส ๆ แต่การใช้งานจริงจะสุดและเสถียรมากแค่ไหน อันนี้เร็วเกินไปที่จะตอบได้

ทั้งหมดดูเยอะแล้วใช่ไหม...ยังไม่พอใจ ยังขาดระบบช่วยขับขี่และความปลอดภัย ซึ่ง All-new Haval H6 Hybrid 2021 ก็ฟาดโครมมาชุดใหญ่เหมือนตบหน้าเจ้าตลาดจอมกั๊กว่า ดูนี่เสียก่อนทำไมรถราคาแค่นี้จะให้ของล้น ๆ ไม่ได้ เอาให้เห็นแล้วต้องร้อง อู้วววว ใจอ่ะ เป็นต้นว่า

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (แบบตอนรถติดกระดิ๊บ ๆ)
  • กล้องแสดงภาพ 360 องศา
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางจราจร ให้รถแล่นอยู่กลางเลน
  • ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
  • ระบบช่วยลดความรุนแรงจากการถูกชนซ้ำ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
  • ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
  • ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
  • ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก

นี่คือจะได้ทั้งหมดในรุ่น Pro ราคา 1,149,000 บาท เลย แต่ถ้าเป็นรุ่น Ultra ก็จะเพิ่ม

  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางในภาวะฉุกเฉิน
  • ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหลัง
  • ระบบเตือนการจราจรด้านหลัง
  • ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
  • ระบบเตือนการเปิดประตูรถ

ซึ่งทั้งหมดที่ Haval H6 Hybrid 2021 ให้มา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Pro ราคา 1,149,000 บาท หรือ 1,249,000 บาท ในรุ่น Ultra (เพิ่มมาอีก 100,000 บาท ถ้วน) มันเยอะและดูคุ้มค่ามากแบบที่เซลล์แทบไม่ต้องโน้มน้าวอะไรมากเลย เมื่อเทียบกับราคา 1,359,000 บาท ของ MG HS PHEV หรือ Honda CR-V ที่รุ่นพื้นฐานราคาเริ่มต้นก็ปาเข้าไป 1,396,000 บาท แล้ว


MG HS PHEV ราคา 1,359,000 บาท แต่เป็น Plug-in Hybrid


Honda CR-V ราคาเริ่มต้น 1,396,000 บาท (ไม่มี Hybrid ให้เลือก)

จะมีก็เพียง Toyota Corolla Cross เท่านั้นที่พอจะสู้เรื่องราคาได้ เพราะเริ่มต้น 1,019,000 บาท ในตัว Hybrid และไปสุดที่ 1,199,000 บาท สำหรับตัวท็อป แต่...คันเล็ก อุปกรณ์น้อย กำลังก็ด้อยกว่ามาก จะเหนือกว่าก็เพียงความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายเหมือนกับ Honda


Toyota Corolla Cross ราคาเริ่มต้น 1,019,000 บาท ในรุ่น Hybrid

จุดนี้จะว่าไปก็สำคัญและยังทำให้เจ้าตลาดยังคงพอมีมุมที่ได้เปรียบและเหลือที่ยืนอยู่บ้าง เพราะหากไม่นับกันถึงเรื่องดีไซน์ภายนอก-ภายใน อันเป็นรสนิยมส่วนบุคคลแล้ว ถ้าต้องแข่งกันด้วยจำนวนตัวเลขและเช็กลิสต์รายการอุปกรณ์ งานนี้เจ้าตลาดเรียกว่า “เหนื่อย” ซึ่งการมาของ Haval H6 Hybrid 2021 น่าจะสร้างผลกระทบได้เป็นวงกว้าง ไม่ใช่กลุ่ม SUV เท่านั้น แต่อาจลามไปถึงกลุ่มรถยนต์นั่งแบบซีดานขนาดคอมแพกต์ราคาล้านต้น ๆ อย่าง Civic หรือ Corolla Altis ได้เลย

ขณะที่ช่วงเวลานี้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์เกิดใหม่จากฝั่งจีน ไม่ว่าจะเป็น Haval  H6 Hybrid 2021 หรือ MG ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณภาพสินค้า ซึ่งจะบอกได้ว่า Sweet Spot จะยืนยาวได้มากแค่ไหน (ก็ขอไม่นับเรื่องการสนับสนุนด้านอื่นเบื้องหลังแล้วกันนะ) ชอบแบบไหนก็ลองตัดสินใจกันได้เลย

อ่านเพิ่มเติม

ในหมวดเดียวกัน