เปิดบทสัมภาษณ์ ผู้บริหาร MG คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ และ ผู้บริหารจาก EA Anywhere คุณธนพัชร์ สุขสุธรรมวงศ์ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและจุดชาร์จไฟ ในหลายแง่มุมมองแบบเป็นกันเอง และขึ้นขอปรับซับไตเติ้ลให้อ่านแล้วผู้ชมอ่านเข้าใจง่ายขึ้น
ถ้าพูดถึงที่บ้านที่บ้าน ปัจจุบันถือว่าเจ้าของบ้านเป็นคนเสียค่าใช้จ่าย จริง ๆ แล้วค่าไฟขึ้นอยู่กับปัจจุบันที่เราจ่ายอยู่ ก็จะมีต่อหน่วย บางบ้านก็จะใช้ไฟเยอะหรือใช้ไฟน้อย ในส่วนของตรงมิเตอร์ก็จะมีการชาร์จค่าไฟต่างกัน เฉลี่ยไม่เกิน 4-5 บาท ต่อ 1 กิโลวัตต์ แต่ถ้าอย่างรถเราเนี่ย 44.5 kW ก็เอาจำนวนที่เราจ่ายอยู่มาเฉลี่ย ประมาณ 4 บาทแล้วก็เอา 4 บาท * 44.5 เข้าไป มันก็จะเป็นราคาชาร์จจาก 0 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ อันนี้ในไฟบ้านก่อน
ชุดวอชาร์จจากทาง MG มีกำลัง 7 kWh ก็คือเอา 7 หาร 44.5 นั่นก็คือจะได้ออกมา 0 ถึง 100 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง อันนี้คือไฟ AC จากในบ้านชาร์จ มันขึ้นอยู่กับตัวเครื่อง ที่จะให้ไฟแค่ไหน ในส่วนของไฟ DC ตอบได้ในขนาดของเครื่องใช้ของการปล่อยไฟของแต่ละเครื่องบางที่ก็อาจจะไม่ค่อยเท่ากัน ที่เราเคยทำการทดสอบกับทาง MG เนี่ยถ้า 0 มาที่ 80% ใช้เวลาอยู่ประมาณ 30 นาที ที่กระแสไฟ 75 kW คอร์สค่าใช้จ่ายตอนนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างการคำนวณราคากันอยู่นะครับ ว่าเราจะคิดเรทไหนนะครับ
เนื่องจากแบบ DC ในบ้านเราที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือของ MG ที่ออกมาสู่ท้องตลาด ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทเองก็กำลังดูในเรื่องของตัวค่าใช้จ่ายว่า การกำหนดอัตราเรทอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับพลังงานปัจจุบันที่มีอยู่ผมว่าเอาจาก Product NGV ก็ถูกกว่าแน่นอน
ใช่ครับแต่ทีนี้ในเรื่องของอัตราค่าไฟของแต่ละสถานที่ก็อาจจะมีสูงต่ำขึ้นอยู่กับทำเลด้วยหลาย ๆ อย่าง
App บอกสถานที่ แต่ไม่ได้บอกราคาครับ เดี๋ยวผมจะฝากให้เขาพิจารณาเพื่อความเป็นไปได้ในการที่จะทำ เพราะว่า App จริง ๆ เราก็ลิงค์กับทาง EA อยู่แล้วครับ จริง ๆ นอกจากจุดชาร์จไฟกับทาง EA อย่างที่เราเคยคุยกันไว้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขาก็มีแผนปีนี้เขาก็เริ่มวางแผนของเขาแล้วร่วมกับปั๊มบางจาก 63 ปั๊ม ใช้เวลาใน 2 ปีที่จะได้ครอบคลุมเกือบทั้งทั่วประเทศ
ปัจจุบันที่เราติดตั้งเสร็จแล้ว อยู่ประมาณ 380 กว่าสถานี และเราอยู่ระหว่างที่กำลังจะเริ่มติดตั้งอีก 190 สถานี ตอนนี้เริ่มบริการแล้วใน App เราจะมีบอกเลยว่าจุดไหนที่เราเปิดบริการแล้วแล้ว ถ้าบางจุดที่ยังไม่เปิดรายการนี้ก็จะเป็นระหว่างการเชื่อมต่อไฟจากหน่วยงาน ถ้าใน App ขึ้นสีเขียวนั่นคือเปิดบริการแล้วแต่ถ้าสีฟ้าคืออยู่ระหว่างรอเชื่อมไฟแล้วก็รอดำเนินการอยู่
นอกเหนือในปัจจุบัน เราจะเริ่มเปิดจากโชว์รูม MG นะครับ ที่มีความร่วมมือกันในเบื้องต้นแล้วก็บางสถานที่อย่างเช่นปั๊มน้ำมันบางแห่งที่เราเปิดบริการสำหรับลูกค้า MG แล้วครับ
จริง ๆ เราตั้งงบไว้สำหรับการลงทุนในเรื่องของธุรกิจสถานีชาร์จเนี่ยตั้งแต่ในวันที่เราทำงาน เราตั้งอยู่ที่ 800 ล้านบาท ปัจจุบันนี้ใช้ไปแล้วรวม ๆ 300 กว่าล้านบาท ในเรื่องของจุดคุ้มทุนเราลองมองระยะยาวมากกว่าที่จะมองช่วงระยะสั้น เพราะว่าตั้งแต่โครงการที่เราเปิดมา 2 ปีที่แล้วเราเริ่มติดตั้ง เราคิดว่าส่วนหนึ่งเรามาสร้างความมั่นใจและมาสร้างตัวกระตุ้นให้คนมั่นใจในการใช้รถ EV อย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบัน ผมว่ากระแสตอบรับของของคนที่อยากใช้รถ EV เริ่มมีมากขึ้นจะสังเกตจากค่ายรถหลาย ๆ ค่ายและตอนนี้ MG ก็เป็นรายแรก ๆ ที่กล้าที่จะตัดสินใจนำรถ EV เข้ามานะครับ
คือบางครั้งต้องเข้าใจว่าบ้านเราเนี่ยตัวสถานีชาร์จมันเป็นอะไรที่ใหม่ แล้วก็การเตรียมความพร้อม บอกเลยว่าก่อนหน้านี้ยังไม่มี แล้วเราก็มาเริ่มทำพร้อมเริ่มทำแรกจะสังเกตได้บ้างบางสถานีกระแสไฟฟ้าที่เราได้ที่เราไปติดตั้ง รวมทั้งหมดเลย 50 แอมป์ เรามาลงเครื่อง 6 ช่องเราก็ต้องกระจาย ไหนจะกำลังไฟที่กำลังจะมา ไฟส่องสว่างในสถานที่ตรงนั้น เลยได้กระแสต่ำ
แต่ถ้าเป็นสถานีที่อยู่รอบนอกไม่ว่าจะเป็น Outdoor ปั๊มน้ำมัน คอมมูนิตี้มอลล์ มีความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งตรงนี้กระแสจะปล่อยให้เต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการชาร์จแบบ AC ขึ้นอยู่กับ on board charger ของรถแต่ละรุ่นด้วย เพราะความเข้าใจของลูกค้าคือทำไมฉันชาร์จทำไมไฟได้แค่นี้อะไรอย่างนี้ ซึ่ง on board charger มันก็มีตั้งแต่ 1 kW กว่า ยัน 11 kW ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรถเลยครับ
ทาง EA มีส่วนให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มี EA อินฟราสตรักเจอร์ (ระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) เราจะไม่ค่อยเห็น ทาง MG เชื่อว่าคงจะได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าก่อนมี อินฟราสตรักเจอร์ (ระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) ในไทยถือว่าเร็วที่สุดในอาเซียน แม้แต่มาเลเซียเป็นประเทศที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีรถยนต์นั่งเยอะ ก็ยังไม่มี อินฟราสตรักเจอร์ (ระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) แบบนี้
เมืองไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ แหล่งผลิตรถยนต์เป็นลำดับ 10 ของโลก และตรงนี้ภาคเอกชนให้ความสำคัญถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ เราสามารถทำได้มากกว่าในระดับเท่านี้ และหลังจากที่มีตัวเลขการขายรถ EV ที่มากขึ้น ก็เชื่อว่าภาครัฐก็จะสนับสนุนมากขึ้นเอง
เหมือนอย่างที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเริ่มแล้ว และยักษ์ใหญ่อย่าง ปตท. ก็น่าจะลงเล่นด้วย พวกปั๊มต่าง ๆ ก็จะมีจุดชาร์จ และผมเชื่อว่าจะดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อย ๆ
โทร. 1267 มีบริการ Roadside Assistance มีพาวเวอร์คาร์ให้ และต่อไปในอนาคตเชื่อว่าจะมีพาวเวอร์แบงค์ (ชุดชาร์จไฟด่วนสำรอง) ซึ่งในเมืองจีนมีชุดชาร์จไฟแบบไว กระเป๋าไม่ใหญ่เสียบชาร์จได้ ซึ่งตอนนี้มีนำหนักประมาณ 80-100 กก.
มีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ทาง MG อาจจะไม่มีช้อยท์ให้เลือกเพราะต้องการสร้าง Economy Scale เมื่อพูดถึงรถ EV จากทาง MG ราคาไม่แพงเลย สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดแล้วในปัจจุบัน เราจึงไม่สามารถทำออปชั่นให้ลูกค้าเลือก ณ วันนี้ แต่ในวันนี้ที่ SAIC เซี่ยงไฮ้ก็มีรุ่นอื่นให้เป็นตัวเลือกอย่าง มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างเดียว หรือ มอเตอร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็แล้วแต่ความต้องการใช้ ซึ่งก็ทำได้ แต่คิดว่าเวลานี้ เรายังไม่ถึงเวลานั้น
ถ้าอนาคตสามารถวิ่งได้ 800 กม. คาดว่าราคาจำหน่ายก็คงไปไกลตาม
แม้วิวัฒนาการจะเดินหน้าไปเรื่อย แต่ทาง EA ก็มองว่าสถานีชาร์จก็เพียงพอ (พอดี) อยู่แล้ว ให้สังเกตจากปั๊ม NGV ทุกวันนี้ช่วงเวลาพีคไทม์ ก็ยังมีคิวต่อยาวรอเติมเป็น ชม. และเชื่อว่าสถานีชาร์จตอนนี้จะรองรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ด้วยไฟฟ้าที่ส่งมาแต่ละจุดมีจำกัด ทำให้การเพิ่มช่องชาร์จเป็นเรื่องยาก แต่ทั้งนี้หากเป็นพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวางแผนล่วงหน้า ใช้แอพฯ กดจองได้..
ก็จบลงแล้วนะสำหรับการ ถาม&ตอบ ประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าและจุดชาร์จไฟ มีประโยชน์และแฝงความรู้ด้านรถยนต์ไฟฟ้าไว้เพียบเลยทีเดียว คิดเห็นกันอย่างไรบ้างมาร่วมพูดคุยที่คอมเม้นต์