10:54, 19 ก.ย. 2560

นิปปอนเพนต์ ร่วมมือบริษัทรถยนต์ชั้นนำ พัฒนาทักษะฝีมือช่าง เสริมแกร่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

บันทึกรายการ

ตลาดรถยนต์ไทยปี 2560 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นร้อยละ 2-7 หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ 785,000 – 825,000 คัน โดยทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราจึงได้เห็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของไทยปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับตลาดโลก รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตส

1

ตลาดรถยนต์ไทยปี 2560 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้นร้อยละ 2-7 หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ 785,000 – 825,000 คัน โดยทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราจึงได้เห็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของไทยปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับตลาดโลก รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมนี้ก็ต้องปรับตัวตามเช่นกัน บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ ในฐานะผู้นำตลาดสีพ่นซ่อมรถยนต์ในไทย ได้เดินหน้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของตลาดยุคใหม่ ได้แก่ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ว่าจะพัฒนาไปล้ำหน้ามากแค่ไหน ก็ไม่อาจละทิ้งงานด้านการบริการไปได้ โดยเฉพาะงานฟื้นฟูซ่อมแซมตัวถังและสี (Body & Paint Repair) ซึ่งมีมูลค่าทางธุรกิจสูงเป็นอันดันต้นๆ และต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ผ่านมา นิปปอนเพนต์ได้สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการแข่งขันทักษะพนักงาน “ฮอนด้า สกิล คอนเทสต์” และร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนการแข่งขัน “โตโยต้า สกิล คอนเทสต์” ต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเพื่อยกระดับฝีมือช่างพ่นซ่อมสีรถยนต์ไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล สำหรับการแข่งขันทั้งสองรายการ นิปปอนเพนต์ได้สนับสนุนสีคุณภาพสูง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้คำแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนการวิเคราะห์สภาพปัญหา เทคนิคการผสมสี จนถึงการตรวจเช็คความเรียบร้อยของชิ้นงาน เพื่อให้มั่นใจว่าทีมช่างที่เข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละรายการ จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสูงขึ้น เพื่อเป็นกำลังหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ในหมวดเดียวกัน