MG เปิดทริปทดสอบ MG Extender 2019 ขับทั่วประเทศ เริ่มต้นที่ภาคใต้ กรุงเทพฯ ภาคอิสาน ภาคเหนือ และกลับเข้ากรุงเทพฯ ได้ผ่านเส้นทางทุกรูปแบบทั้งออนโรดและออฟโรด ซึ่งเราได้มีโอกาสผ่านเส้นทาง กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์-ขอนแก่น สัมผัสกับรถยนต์รวมระยะทางกว่า 600 กม.
ย้อนกลับช่วงต้นเดือนสิงหาคม กระบะรุ่นใหม่ MG Extender 2019 ได้เปิดตัวขึ้นให้เป็นตัวเลือกใหม่แก่ประเทศไทย ถือว่าเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะตลาดในกลุ่มนี้มีความภักดีต่อแบรนด์สูงมาก และผู้ที่มาก่อนครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน
เพราะฉะนั้นหากจะมาเข้ามาแข่งขัน ต้องมีอะไรดีที่จะให้ลูกค้ากลุ่มกระบะหันมามอง โดยกระบะ MG Extender 2019 เลือกสื่อสารออกมาว่า กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง นั้นหมายถึงรุกตลาดด้วยความใหญ่โต โดยในรุ่นตัวถัง 4 ประตู MG เคลมไว้ว่าใหญ่สุดในคลาส แต่ด้านอื่น ๆ จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.0 เทอร์โบ 161 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที โดยใช้ชุดหัวฉีดระบบคอมมอนเรล แรงดันสูง 2000 บาร์ ของ Bosch เจเนอเรชั่น 3 และใช้ ECU รุ่นล่าสุดเผาไหม้สมบูรณ์ ทำงานรวดเร็ว แม่นยำ ผ่านมาตรฐาน Euro4
ระบบควบคุมไอดีแบบแปรผัน ควบคุมปริมาณอากาศให้สัมพันธ์กับช่วงรอบเดินเบาหรือช่วงต้องการอัตราเร่ง เผาไหม้สมบูรณ์ลดการปล่อยไอเสีย และลดการใช้เชื้อเพลิง 3% ระบบระบายความร้อนแบบแยกส่วนที่ฝาสูบและเสื้อสูบ เพื่อให้ระบายคงที่ทุกสภาวะการใช้งาน
ข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์ การออกแบบเพลาข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์จะช่วยลดการสั่น รวมถึงลดเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ Built-in TCU กล่องสมองกลควบคุมเกียร์อยู่ในชุดเกียร์ สั่งการได้รวดเร็ว ลดชิ้นส่วนประกอบ พร้อมโหมด M เปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่ผู้เขียนได้ยินครั้งแรกก็แอบสงสัย และมาเคลียร์ก็ตอนได้ทดสอบ เพราะระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) โดยโช้คอัพจาก Sachs ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รถยนต์ยุโรปนิยมใช้กัน ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในความเร็วต่ำ และให้ความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยวิศวกรพยายามเซตให้ฟีลลิ่งใกล้เคียงกับ SUV มากที่สุด และนี่คือที่มาของคำว่า "European Tuning Suspension"
จากการทดสอบถือว่าผ่านในระดับที่น่าพอใจอยู่ในระดับกลาง ๆ รถยกสูงที่มีอาการโยนตัวเล็กน้อย ความแข็งในกระบะ โดยส่วนตัวให้ทัดเทียมกับแบรนด์เจ้าตลาดจากญี่ปุ่น
ระบบขับเคลื่อนมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกั
จากการทดสอบ การเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนต่าง ๆ ของ MG Extender 2019 ทำได้อย่างรวดเร็วโดยในโหมด 2H ไป 4H สามารถเปลี่ยนได้ขณะขับแต่ใช้เมื่อความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ตามข้อจำกัด ถือว่าสะดวกใช้พอตัว
สำหรับฟีลลิ่งการเร่งเครื่องถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ โดยทาง MG ได้เคลมความเร็ว 0-100 กม./ชม. ไว้ราว ๆ 13.2 วินาที ซึ่งเป็นเซตให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน ในการขับขี่ปรกติรอบเครื่องยนต์จะอยู่ราว ๆ 1,700 รอบต่อนาที
ผู้ทดสอบได้ลองคิกดาวน์เต็มที่ เข็มรอบเครื่องยนต์กวาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไปที่ราว ๆ 3,000 รอบต่อนาที และเกียร์เปลี่ยนลงไปอัตโนมัติ 2 ระดับที่เกียร์ 4
หากมีการกดคันเร่งครึ่งระดับ ECU ก็ทำงานประสานไปกับเกียร์ลดให้ 1 ระดับและรอบเครื่องยนต์อยู่ที่ราว ๆ 2,200 รอบต่อนาที
อาการแปลก ๆ ที่พบคือ หากคุณยกคันเร่งขึ้นจนหมดและกดคันเร่งต่อรถจะมีเสียง "ตึง" ชัดเจน รถมีอาการสะดุด สักครู่แต่สามารถขับต่อได้ จากการสอบถามอาการนี้ไปที่ทีม MG ได้รับคำตอบว่ารถยนต์ยังใหม่ น่าจะเป็นอาการเข้าเกียร์ที่ผิดพลาด ECU ของเกียร์และเครื่องยนต์กำลังเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ที่ยังไม่เพียงพอ
ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งหากเลือกใช้รถยนต์ MG แล้วไม่ควรพลาด กระบะคันนี้มีความสามารถสั่งงานด้วยเสียง สามารถสั่งเพิ่มแอร์ สั่งเปิดเพลง สั่งเปิดกระจกได้!! และจากการทดสอบดูเหมือนระบบ i-SMART จะฉลาดขึ้นมาก เพราะสามารถสั่งงานได้อยู่ในระดับใช้งานได้จริงแล้ว แต่เดิมมักจะวิเคราะห์เสียงผิดแล้วระบบทำงานไม่ตรงคำสั่ง
นอกจากนี้ยังยกข้อมูลคอนเทนท์ต่างจาก sanook มาไว้ให้ในรถอัปเดตอ่านกันเพลิน ๆ รวมถึงมีฟังก์ชันตรวจลอตเตอรี่ที่เด้งเตือนมาทันทีเมื่อมีการอัปเดต แต่ระหว่างขับอย่างคิดเล่นเชียว มองทางกันดีกว่า
ใช้พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ผ่อนแรงด้วยไฮดรอลิก ที่เซตให้มีน้ำหนักเบา หากเทียบในกลุ่มกระบะด้วยกันส่วนตัวผมคิดว่า MG Extender 2019 มีน้ำหนักเบาที่สุด ขับง่ายเบาสบาย และทาง MG แจ้งมาว่าที่ยังเลือกใช้ แร็คแอนด์พิเนียน เพราะเรื่องความคงทน ดูแลซ่อมบำรุงง่าย
แต่เป็นธรรมของพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน เมื่อใช้ความเร็วที่สูงน้ำหนักพวงมาลัยจะเบาลง และเมื่อเราทดสอบขับกันช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. การเซตให้เบาขับง่ายในเมือง วิ่งลุยออฟโรดก็ดี แต่เหมือนเป็นดาบสองคมเมื่อใช้ความเร็ว มีอาการหวิวอย่างเห็นได้ชัดสำหรับผู้ทดสอบ สำหรับใครที่พิจารณาเลือกใช้ MG Extender 2019 อย่าลืมลองขับในความเร็วสูงสักหน่อยก็จะดี
งานดีไซน์โดยรวมสำหรับผู้ทดสอบให้ผ่าน แต่ขัดใจเรื่องการวางปุ่มกดฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ปุ่ม eco และ power โหมด ปุ่มหันไปทางฝั่งผู้นั่งโดยสารจะกดใช้ทีก็เอื้อมมือไปไกลเกิน ปุ่มปรับกระจกโดดออกมาและแปลกเหมือนรถยนต์ยุคเก่า และสุดท้ายการตกแต่งสีเงินในรถยามแสงส่องเข้ามา สะท้อนรบกวนผู้ขับอยู่บ่อยครั้ง โดยรวมจึงยังคิดว่าคงต้องปรับกันอีกเยอะ
เรื่องความใหญ่กว้างคือเป็นจุดเด่น MG Extender 2019 เลือกนำเสนอ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาเช่นนั้นจริง ๆ พื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) และพื้นที่ตรงเข่า (Legroom) เหลือเยอะ นั่งโดยสาร 5 คนเต็มคันรถไม่มีอึดอัด แต่หลังจากการทดสอบนั่งกว่า 300 กม. เบาะนั่งออกแบบมาสั้นรองรับสรีระได้เพียงช่วงต้นขา และองศาการนั่งชันเข่าสูง ทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่
จากการทดสอบเส้นทางรอบหลังในระยะทางประมาณ 200 กม. ขับแบบปรกติไม่ต่างจากการขับขี่จริงคือมีเร่งแซง มีรถติดในตัวเมือง ใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 100 กม./ชม. โดยผลที่ปรากฏคือ 8.8 ลิตร/100 กม. หรือราว ๆ 11.36 กม./ลิตร โดยในรถมีผู้โดยสารเป็นชาย 3 คน น้ำหนักรวม ๆ 200 กม. ตัวเลขนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
โดยส่วนตัวผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัส ทดสอบ MG Extender 2019 ตั้งแต่วันเปิดตัว และครั้งนี้ก็ถือว่าอยู่กับรถอย่างยาวนานและมีเส้นทางระยะไกล ทุกด้านของกระบะถือว่าลงตัว ใช้งานได้ไม่มีปัญหา แต่ยิ่งมองและอยู่ด้วยกับไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นพอที่จะฉีกหนีเจ้าตลาด
สุดท้ายคงเป็นเรื่องราคาที่ MG Extender 2019 สามารถทำรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อได้ในราคาล้านบาทต้น ๆ ที่พอจะให้ทุกคนหันมามองและลองทำความรู้จัก แต่ปัจจุบันตลาดรถกระบะถือว่าดุเดือดมากขึ้น มีทั้งกระบะสมรรถนะสูง กระบะแต่งสปอร์ต รุ่นตัวเตี้ยแต่งซิ่ง หรือกระทั้งเปิดตัวโฉมใหม่ทั้งหมด.. ถือเป็นโจทย์ใหญ่กับคำถามที่ว่า ทำไมถึงควรเลือก "MG Extender"
อ่านเพิ่มเติม
- เตรียมเปิดตัว Mitsubishi Triton Athlete 2020 ในงาน Motor Expo 2019
- All-new Mazda CX-8 2020 รถ SUV 6-7 ที่นั่ง เปิดตัวในไทย ราคาเริ่ม 1.59 ล้านบาท