23:07, 1 พ.ย. 2562

Test Drive : Nissan Leaf 2019 ขุมพลังไฟฟ้า บุกพิชิตยอดดอยอินทนนท์ระยะทางกว่า 200 กม.

บันทึกรายการ

ทดสอบขับ Nissan Leaf 2019 ที่เชียงใหม่ บุกพิชิตยอดดอยอินทนนท์ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร Nissan Leaf 2019 ไหวไหมกับเส้นทางกว่า 200 กม.

Nissan Leaf 2019 บุกขึ้นพิสูจน์สมรรถนะในการพิชิตยอดดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย Nissan Leaf 2019 ภายใต้การชาร์จไฟฟ้าเพียงครั้งเดียวกับระยะทางกว่า 200 กม.

นิสสัน ประเทศไทย เปิดทริปให้สื่อมวลชน ร่วมทดสอบ Nissan Leaf 2019 ในระยะทางท้าทายกว่า 200 กิโลเมตร เริ่มต้นจากในตัวเมืองเชียงใหม่ ขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร จากนั้นเดินทางกลับสู่ที่พัก ซึ่งการทดสอบขับนี้ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จเพียงเต็มครั้งเดียวเท่านั้น

"เราต้องการให้ทุกคนทราบถึง สมรรถนะ นวัตกรรม และความสะดวกสบายของ Nissan Leaf 2019 ซึ่งมีพื้นฐานการออกแบบของการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มแรก เราทราบว่าการขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์บนถนนที่มีช่องจราจรเดียว เป็นการทดสอบที่สามารถพิสูจน์สมรรถนะในแต่ละด้านของรถได้เป็นอย่างดี" ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย (Ramesh Narasimhan, president, Nissan Motor Thailand) กล่าว

"การขับลงในพื้นที่ลาดชัน ยังแสดงให้เห็นถึงระบบฟื้นฟูพลังงานที่เป็นความเรียบง่ายอย่างอัศจรรย์ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ รวมถึงเทคโนโลยี e-Pedal ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Nissan Leaf 2019 โดยเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง Nissan Leaf 2019 ได้มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการพิชิตภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทยได้" นายราเมช กล่าว

รู้จักกับ Nissan Leaf 2019

Nissan Leaf 2019 ถูกพัฒนาขึ้นเข้าสู่เจเนอเรชั่น 2 จุดเด่นคือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) เพิ่มประสิทธิภาพ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชั่นแรก 38 เปอร์เซ็นต์) แรงบิด 320 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชั่นแรก 26 เปอร์เซ็นต์)

ข้อดีของขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคือกำลังที่มาเต็มโดยไม่ต้องรอรอบส่งผลให้ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที การตอบสนองทันท่วงที เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม อีกหนึ่งหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้าคือชุดแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน รุ่นใหม่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh)

ผลการทดสอบ Nissan Leaf 2019 ขุมกำลังและแบตเตอรี่ ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) เคลมระยะทางการวิ่งไว้ที่ 311 กม.

ด้านออปชั่นที่เด่น ๆ ของ Nissan Leaf 2019 

เทคโนโลยี อี-เพดัล (e-Pedal) เร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว หยุดนิ่ง ควบคุมตัวรถให้อยู่กับแป้นคันเร่งอย่างเดียว ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึง 0.2G เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก

เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW), เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB), กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD), เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA)

โครงสร้าง และตัวถังรถยนต์ Nissan Leaf 2019

โครงสร้างของ Nissan Leaf 2019 มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์

ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเทนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ Nissan Leaf 2019 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง "บูมเมอแรง" และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ Nissan Leaf 2019 มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของนิสสัน

ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ ทำให้ Nissan Leaf 2019 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (Drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น

Nissan Leaf 2019 กับหัวชาร์จแบบ Type 1 ที่ไม่ตรงมาตรฐานของไทย

เรื่องนี้ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า Nissan Leaf 2019 ถูกพัฒนาขึ้นมาและใช้ช่องชาร์จแบบ Type 1 ไม่ตรงกับการกำหนดมาตรฐานด้านรถยนต์ไฟฟ้าของไทยคือชุดหัวชาร์จ Type 2 แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะนิสสันให้ Adapter แปลงมาพร้อมกับรถ หากมองในแง่ดี Nissan Leaf 2019 สามารถชาร์จได้ทั้ง 2 แบบ อย่างไร้กังวล

อ้าวแล้วทำไม Nissan Leaf 2019 ถึงไม่พัฒนาหัวชาร์จ Type 2 มาตั้งแต่ต้นละ.. เรื่องนี้เกิดจากมาตรฐานของโลกที่ยังแตกต่างกัน โดย Type 1 นิยมใช้ทวีปอเมริกาเหนือและประเทศญี่ปุ่น เป็นหัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสสลับใช้กับแรงดันไฟฟ้าที่ 120 V หรือ 240 V ส่วน Type 2 นิยมใช้ในแถบทวีปยุโรป เป็นหัวชาร์จแบบพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ รองรับแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 120 V หรือ 240 V

ประเทศไทยเพิ่งกำหนดมาตรฐานร่วมกันใช้ Type 2 ได้สองปีที่ผ่านมา (2560) เพื่อลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ไว และนี่คือที่มาที่ไปทั้งหมดด้าน

Nissan Leaf 2019 กับการชาร์จที่ปลอดภัย ในสามรูปแบบ

ได้ถึงสามวิธีหลัก ๆ ประกอบด้วย การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging), การชาร์จจากอุปกรณ์ชาร์จติดผนัง หรือ wall box charging และการชาร์จแบบด่วนหรือที่เรียกว่า Quick Charge ซึ่งสำหรับรายละเอียดของการชาร์จแบบต่าง ๆ มีดังนี้

การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging) เช่นเดียวกับการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟน ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ชาร์จรถยนต์ที่บ้านโดยใช้เคเบิลอเนกประสงค์ (EVSE cable) ที่มาพร้อมกับรถยนต์ โดยส่วนมากเป็นการชาร์จแบบข้ามคืน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 12-16 ชั่วโมง เพื่อให้แบตเตอรี่เต็มประจุ 

การชาร์จจากเครื่องชาร์จไฟฟ้า wall box charging  ที่มีการติดตั้ง ซึ่งจะสามารถชาร์จไฟฟ้าให้เต็มได้ภายในระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง เต็มประจุ 

การชาร์จแบบด่วน Quick Charge เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง โดยใช้เวลาชาร์จ 40-60 นาที ได้ประจุ 0% - 80%

Nissan Leaf 2019 กับความท้าทาย พิชิตยอดดอยอินทนนท์

สำหรับเส้นทางทดสอบนี้ เป็นเส้นทางที่มีโค้งและสภาพสูงต่ำต่างกัน มีความแตกต่างด้านภูมิประเทศ รวมถึงระยะทางกว่า 200 กม. ที่ใช้ประจุไฟฟ้าจากการชาร์จเพียงรอบเดียว 

บนเส้นขึ้นยอดดอยอันลาดชัน Nissan Leaf 2019 มีขุมกำลังที่ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรโดยไม่รอรอบ ทำให้ผ่านเส้นทางขึ้นถึงยอดดอยได้อย่างสนุกสนาน ที่สามารถเร่งได้อย่างทันใจ การเร่งแซงไม่มีปัญหา เหนือกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปอยู่หลายขุม

ทางอันขดเคี้ยวของดอยได้ทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกฟีลลิ่งการขับอันยอดเยี่ยม Nissan Leaf 2019 สามารถบังคับเข้าวงเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ การโยนตัวของรถต่ำ รวมถึงความเงียบของขุมกำลังไฟฟ้าสร้างสุนทรีย์ในการขับ ซึบซับบรรยากาศระหว่างสองข้างทางได้อย่างเกินกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปจะทำได้

Nissan Leaf 2019 เหลือระยะวิ่งได้ 45 กม. กลับลงจากดอยอินทนนท์กับระยะทางอีก 100 กม. !!

นี่คือความท้ายอย่างแท้จริง ทางที่ทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เลือกให้เราทดสอบคือระบบ การขับใน โหมด "B" ของ Nissan Leaf 2019 จะช่วยให้รถรชะลอความเร็ว แล้วดึงพลังนั้นชาร์จเข้าแบตเตอรี่ (regenerate)

โดยเมื่อเราวิ่งขึ้นดอยด้วยเส้นทางที่ลาดชันกว่าทำให้มีการสูบแบตเตอรี่ของรถลดเหลือประมาณ 23% และหากคำนวนการสิ้นเปลืองการวิ่งที่ผ่านมา Nissan Leaf 2019 จะวิ่งได้อีกเพียง 45 กม. เท่านั้น ! โดยมีการจัดแข่งขันให้รถทุกคันรีดการสามารถของโหมด "B" ว่าสามารถรีชาร์จจากทางลงดอย และกลับถึงที่หมายอีก 100 กม. โดยเหลือแบตเตอรรี่มากที่สุด..

คันของผู้เขียน ได้ทดสอบลงดอยโหมด B พบว่ามีประโยชน์มากสำหรับทางลงเขา เพราะ Nissan Leaf 2019 จะทำการหน่วงรถไว้เหมือนการใช้เอนจิ้นเบรกของรถยนต์สันดาป ทำให้ลงเขาได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นภาระของระบบเบรก และคุ้มค่าทางด้านพลังงานเป็นอย่างมาก

เมื่อถึงตีนดอยสามารถรีชาร์จแบตกลับมาได้เกือบ 20% จากแบตที่เหลือ 23% ฟื้นฟูมาที่ราว ๆ 45% และมีระยะวิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 100 กม. โดยประมาณ สามารถกลับถึงจุดหมายโดยเหลือแบตฯ 20% ที่ให้ระยะวิ่งได้อีก 53 กม.

Nissan Leaf 2019 กับอัตราสิ้นเปลืองเมื่อจบการทดสอบ

การแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองที่รถผู้เขียนทำได้คือ 7.5 กม./kWh หากนำตัวเลขนี้มาคำนวนกับประจุแบตฯ ที่ 40 kWh จะทำให้รถสามารถขับได้ราว ๆ 300 กม. ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่เคลมเอาไว้ หากคิดเป็นค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงการชาร์จ 1 kWh ที่ค่าใช้จ่ายราว ๆ 4 บาท หรือคิดเป็น กม.ละ 75 สตางค์

นี่คือความสเถียรและคุณภาพของ Nissan Leaf 2019 มีให้ ! จากการเริ่มต้นพัฒนาให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีสมรรถนะภายใต้สภาวะอันท้าทายบนภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย

บทสรุปส่วนตัวจากผู้เขียนถึง Nissan Leaf 2019

ต้องบอกเลยว่า Nissan Leaf 2019 เป็นรถยนต์ที่ขับแล้วถูกจริตผู้เขียนมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ฟีลลิ่งการขับดี ช่วงล่างยอดเยี่ยม การเก็บเสียงในห้องโดยสารเลิศ และขุมกำลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ

แต่ก็มีปัญหาอันใหญ่คือราคาจำหน่ายของ Nissan Leaf 2019ยู่ที่ 1,990,000 บาท กับความคาดหวังของผู้ใช้ในราคาระดับนี้ ด้วยออปชั่นที่ดูเทียบแล้วไม่ต่างจากราคาแสนปลาย ๆ เบาะนั่งยังต้องปรับมือ, จออินโฟเทนต์เมนต์เพียง 5 นิ้ว, ออปชั่นช่วยเหลือการขับอย่างเช่น Adaptive Cruise Control

อีกหลายจุดของวัสดุภายในที่ดูแล้ว นี่หรือคือรถราคาเกือบสองล้านบาท ผลพวงจากกำแพงภาษีและนิสสันก็เลือกนำเข้า Nissan Leaf 2019 จากญี่ปุ่นทั้งคัน ซึ่งก็มีเหตุผลหลายประการอย่าง Volume ของยอดขาย Know-how ในการผลิต รวมถึงวางแผนธุรกิจ

และก็อยากให้ทุกคนเข้าใจเกิดว่า นิสสัน ประเทศไทย ทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ เดินสายประกอบ Nissan Leaf 2019 ในประเทศ ปรับราคาจำหน่ายเหลือประมาณล้านต้น ๆ แล้วขายไม่ได้ละ ใครรับผิดชอบ ? อย่าลืมพื้นฐานของธุรกิจคือกำไร 

สุดท้ายคือเปิดมุมมองของผู้เขียนด้านรถยนต์ไฟฟ้ากับอัตราเคลมระยะทาง หากเป็นรถยนต์สันดาปแล้วละก็วิ่งบนเส้นทางขึ้น-ลงเขาสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นเยอะมาก ๆ แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแทบจะไม่มีผลเลยครับ.. 

สนใจตลาดรถ Nissan มือสองราคาถูกที่นี่

ningkung

ในหมวดเดียวกัน