Nissan Leaf 2019 บุกขึ้นพิสูจน์สมรรถนะในการพิชิตยอดดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย Nissan Leaf 2019 ภายใต้การชาร์จไฟฟ้าเพียงครั้งเดียวกับระยะทางกว่า 200 กม.
นิสสัน ประเทศไทย เปิดทริปให้สื่อมวลชน ร่วมทดสอบ Nissan Leaf 2019 ในระยะทางท้าทายกว่า 200 กิโลเมตร เริ่มต้นจากในตัวเมืองเชียงใหม่ ขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร จากนั้นเดินทางกลับสู่ที่พัก ซึ่งการทดสอบขับนี้ ใช้พลังงานไฟฟ้าจากการชาร์จเพียงเต็มครั้งเดียวเท่านั้น
"เราต้องการให้ทุกคนทราบถึง สมรรถนะ นวัตกรรม และความสะดวกสบายของ Nissan Leaf 2019 ซึ่งมีพื้นฐานการออกแบบของการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มแรก เราทราบว่าการขับขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์บนถนนที่มีช่องจราจรเดียว เป็นการทดสอบที่สามารถพิสูจน์สมรรถนะในแต่ละด้านของรถได้เป็นอย่างดี" ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย (Ramesh Narasimhan, president, Nissan Motor Thailand) กล่าว
"การขับลงในพื้นที่ลาดชัน ยังแสดงให้เห็นถึงระบบฟื้นฟูพลังงานที่เป็นความเรียบง่ายอย่างอัศจรรย์ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ รวมถึงเทคโนโลยี e-Pedal ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Nissan Leaf 2019 โดยเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง Nissan Leaf 2019 ได้มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการพิชิตภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทยได้" นายราเมช กล่าว
Nissan Leaf 2019 ถูกพัฒนาขึ้นเข้าสู่เจเนอเรชั่น 2 จุดเด่นคือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) เพิ่มประสิทธิภาพ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชั่นแรก 38 เปอร์เซ็นต์) แรงบิด 320 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้นจากเจเนอเรชั่นแรก 26 เปอร์เซ็นต์)
ข้อดีของขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคือกำลังที่มาเต็มโดยไม่ต้องรอรอบส่งผลให้ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที การตอบสนองทันท่วงที เพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิม อีกหนึ่งหัวใจของรถยนต์ไฟฟ้าคือชุดแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน รุ่นใหม่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh)
ผลการทดสอบ Nissan Leaf 2019 ขุมกำลังและแบตเตอรี่ ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) เคลมระยะทางการวิ่งไว้ที่ 311 กม.
เทคโนโลยี อี-เพดัล (e-Pedal) เร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว หยุดนิ่ง ควบคุมตัวรถให้อยู่กับแป้นคันเร่งอย่างเดียว ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงถึง 0.2G เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก
เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning: FCW), เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉิน (Forward Emergency Braking: FEB), กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor: IAVM) พร้อมเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection: MOD), เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Active Trace Control: ATC) และเทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert: DAA)
โครงสร้างของ Nissan Leaf 2019 มีเสถียรภาพการทรงตัวที่ดีขึ้น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพมากขึ้น การตอบสนองต่อสภาพพื้นผิวถนนที่ดียิ่งขึ้น เนื่องมาจากการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ระบบควบคุมทำงานเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์วัดองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนแบบทอร์สชั่น บาร์ (Torsion Bar) ที่มีอัตราการยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์
ชุดยางซับแรงกระแทกที่ใช้วัสดุยูรีเทนสำหรับระบบกันสะเทือนหลังได้ถูกแทนที่ด้วยวัสดุใหม่ที่ผลิตจากยางที่ช่วยลดแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือน เมื่อต้องขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระ Nissan Leaf 2019 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้ามีการทำงานที่แม่นยำมากขึ้นในการสร้างแรงบิดที่เหมาะสมเมื่อเข้าโค้ง
การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในส่วนของกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟรูปทรง "บูมเมอแรง" และการออกแบบแนวเส้นหลังคา แสดงให้เห็นการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ Nissan Leaf 2019 มีความเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ของนิสสัน
ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำผสมผสานอย่างลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา ก่อให้เกิดเส้นเงาที่โฉบเฉี่ยว และทำให้การระบายของอากาศดีขึ้น การออกแบบใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยทำให้ลดแรงต้านอากาศ ทำให้ Nissan Leaf 2019 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ (Drag coefficient) เพียง 0.28 เท่านั้น
เรื่องนี้ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า Nissan Leaf 2019 ถูกพัฒนาขึ้นมาและใช้ช่องชาร์จแบบ Type 1 ไม่ตรงกับการกำหนดมาตรฐานด้านรถยนต์ไฟฟ้าของไทยคือชุดหัวชาร์จ Type 2 แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะนิสสันให้ Adapter แปลงมาพร้อมกับรถ หากมองในแง่ดี Nissan Leaf 2019 สามารถชาร์จได้ทั้ง 2 แบบ อย่างไร้กังวล
อ้าวแล้วทำไม Nissan Leaf 2019 ถึงไม่พัฒนาหัวชาร์จ Type 2 มาตั้งแต่ต้นละ.. เรื่องนี้เกิดจากมาตรฐานของโลกที่ยังแตกต่างกัน โดย Type 1 นิยมใช้ทวีปอเมริกาเหนือและประเทศญี่ปุ่น เป็นหัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสสลับใช้กับแรงดันไฟฟ้าที่ 120 V หรือ 240 V ส่วน Type 2 นิยมใช้ในแถบทวีปยุโรป เป็นหัวชาร์จแบบพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ รองรับแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 120 V หรือ 240 V
ประเทศไทยเพิ่งกำหนดมาตรฐานร่วมกันใช้ Type 2 ได้สองปีที่ผ่านมา (2560) เพื่อลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ไว และนี่คือที่มาที่ไปทั้งหมดด้าน
ได้ถึงสามวิธีหลัก ๆ ประกอบด้วย การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging), การชาร์จจากอุปกรณ์ชาร์จติดผนัง หรือ wall box charging และการชาร์จแบบด่วนหรือที่เรียกว่า Quick Charge ซึ่งสำหรับรายละเอียดของการชาร์จแบบต่าง ๆ มีดังนี้
การชาร์จจากไฟบ้านปกติ (standard outlet charging) เช่นเดียวกับการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จสมาร์ทโฟน ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ชาร์จรถยนต์ที่บ้านโดยใช้เคเบิลอเนกประสงค์ (EVSE cable) ที่มาพร้อมกับรถยนต์ โดยส่วนมากเป็นการชาร์จแบบข้ามคืน ใช้เวลาชาร์จประมาณ 12-16 ชั่วโมง เพื่อให้แบตเตอรี่เต็มประจุ
การชาร์จจากเครื่องชาร์จไฟฟ้า wall box charging ที่มีการติดตั้ง ซึ่งจะสามารถชาร์จไฟฟ้าให้เต็มได้ภายในระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง เต็มประจุ
การชาร์จแบบด่วน Quick Charge เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง โดยใช้เวลาชาร์จ 40-60 นาที ได้ประจุ 0% - 80%
สำหรับเส้นทางทดสอบนี้ เป็นเส้นทางที่มีโค้งและสภาพสูงต่ำต่างกัน มีความแตกต่างด้านภูมิประเทศ รวมถึงระยะทางกว่า 200 กม. ที่ใช้ประจุไฟฟ้าจากการชาร์จเพียงรอบเดียว
บนเส้นขึ้นยอดดอยอันลาดชัน Nissan Leaf 2019 มีขุมกำลังที่ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรโดยไม่รอรอบ ทำให้ผ่านเส้นทางขึ้นถึงยอดดอยได้อย่างสนุกสนาน ที่สามารถเร่งได้อย่างทันใจ การเร่งแซงไม่มีปัญหา เหนือกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปอยู่หลายขุม
ทางอันขดเคี้ยวของดอยได้ทำให้ผู้ทดสอบรู้สึกฟีลลิ่งการขับอันยอดเยี่ยม Nissan Leaf 2019 สามารถบังคับเข้าวงเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ การโยนตัวของรถต่ำ รวมถึงความเงียบของขุมกำลังไฟฟ้าสร้างสุนทรีย์ในการขับ ซึบซับบรรยากาศระหว่างสองข้างทางได้อย่างเกินกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปจะทำได้
นี่คือความท้ายอย่างแท้จริง ทางที่ทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เลือกให้เราทดสอบคือระบบ การขับใน โหมด "B" ของ Nissan Leaf 2019 จะช่วยให้รถรชะลอความเร็ว แล้วดึงพลังนั้นชาร์จเข้าแบตเตอรี่ (regenerate)
โดยเมื่อเราวิ่งขึ้นดอยด้วยเส้นทางที่ลาดชันกว่าทำให้มีการสูบแบตเตอรี่ของรถลดเหลือประมาณ 23% และหากคำนวนการสิ้นเปลืองการวิ่งที่ผ่านมา Nissan Leaf 2019 จะวิ่งได้อีกเพียง 45 กม. เท่านั้น ! โดยมีการจัดแข่งขันให้รถทุกคันรีดการสามารถของโหมด "B" ว่าสามารถรีชาร์จจากทางลงดอย และกลับถึงที่หมายอีก 100 กม. โดยเหลือแบตเตอรรี่มากที่สุด..
คันของผู้เขียน ได้ทดสอบลงดอยโหมด B พบว่ามีประโยชน์มากสำหรับทางลงเขา เพราะ Nissan Leaf 2019 จะทำการหน่วงรถไว้เหมือนการใช้เอนจิ้นเบรกของรถยนต์สันดาป ทำให้ลงเขาได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นภาระของระบบเบรก และคุ้มค่าทางด้านพลังงานเป็นอย่างมาก
เมื่อถึงตีนดอยสามารถรีชาร์จแบตกลับมาได้เกือบ 20% จากแบตที่เหลือ 23% ฟื้นฟูมาที่ราว ๆ 45% และมีระยะวิ่งเพิ่มขึ้นเป็น 100 กม. โดยประมาณ สามารถกลับถึงจุดหมายโดยเหลือแบตฯ 20% ที่ให้ระยะวิ่งได้อีก 53 กม.
การแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองที่รถผู้เขียนทำได้คือ 7.5 กม./kWh หากนำตัวเลขนี้มาคำนวนกับประจุแบตฯ ที่ 40 kWh จะทำให้รถสามารถขับได้ราว ๆ 300 กม. ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่เคลมเอาไว้ หากคิดเป็นค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงการชาร์จ 1 kWh ที่ค่าใช้จ่ายราว ๆ 4 บาท หรือคิดเป็น กม.ละ 75 สตางค์
นี่คือความสเถียรและคุณภาพของ Nissan Leaf 2019 มีให้ ! จากการเริ่มต้นพัฒนาให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีสมรรถนะภายใต้สภาวะอันท้าทายบนภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ต้องบอกเลยว่า Nissan Leaf 2019 เป็นรถยนต์ที่ขับแล้วถูกจริตผู้เขียนมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ฟีลลิ่งการขับดี ช่วงล่างยอดเยี่ยม การเก็บเสียงในห้องโดยสารเลิศ และขุมกำลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ
แต่ก็มีปัญหาอันใหญ่คือราคาจำหน่ายของ Nissan Leaf 2019 อยู่ที่ 1,990,000 บาท กับความคาดหวังของผู้ใช้ในราคาระดับนี้ ด้วยออปชั่นที่ดูเทียบแล้วไม่ต่างจากราคาแสนปลาย ๆ เบาะนั่งยังต้องปรับมือ, จออินโฟเทนต์เมนต์เพียง 5 นิ้ว, ออปชั่นช่วยเหลือการขับอย่างเช่น Adaptive Cruise Control
อีกหลายจุดของวัสดุภายในที่ดูแล้ว นี่หรือคือรถราคาเกือบสองล้านบาท ผลพวงจากกำแพงภาษีและนิสสันก็เลือกนำเข้า Nissan Leaf 2019 จากญี่ปุ่นทั้งคัน ซึ่งก็มีเหตุผลหลายประการอย่าง Volume ของยอดขาย Know-how ในการผลิต รวมถึงวางแผนธุรกิจ
และก็อยากให้ทุกคนเข้าใจเกิดว่า นิสสัน ประเทศไทย ทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ เดินสายประกอบ Nissan Leaf 2019 ในประเทศ ปรับราคาจำหน่ายเหลือประมาณล้านต้น ๆ แล้วขายไม่ได้ละ ใครรับผิดชอบ ? อย่าลืมพื้นฐานของธุรกิจคือกำไร
สุดท้ายคือเปิดมุมมองของผู้เขียนด้านรถยนต์ไฟฟ้ากับอัตราเคลมระยะทาง หากเป็นรถยนต์สันดาปแล้วละก็วิ่งบนเส้นทางขึ้น-ลงเขาสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นเยอะมาก ๆ แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแทบจะไม่มีผลเลยครับ..
สนใจตลาดรถ Nissan มือสองราคาถูกที่นี่