ด้านในห้องโดยสารตกแต่งทูโทนสีดำตัดด้วยสีขาว เน้นขอบต่างๆด้วยสีเงิน ดูสวยงามระดับพรีเมี่ยม พวงมาลัยเป็นพววงมาลัยไฟฟ้า EPS แบบสามก้านสามารถปรับระดับได้และยังมีปุ่มควบคุมพื้นฐานบนพวงมาลัย ง่ายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น กุญแจใช้ระบบ Smart Keyless entry พร้อมปุ่ม Push Start มาตรวัดเป็นแบบสองหน้าปัดอ่านง่าย พร้อมจอสี MID แสดงข้อมูลการขับขี่ตรงกลาง
ภายใน Toyota Rush 2018
มาตรวัด พร้อมจอสี MID
สำหรับระบบอินโฟเทนเอนร์ มีหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง iPhone และ Andriod รองรับ Internet Bluetooth เล่น DVD CD และวิทยุได้ มีข่องเสียบ USB AUX นอกจากนี้ยังมีช่องชาร์จไฟ 12V ให้ทุกแถวที่นั่งอีกด้วย ถือได้ว่าครบครันสำหรับการใช้งานจริง ขับพลังเสียงด้วยลำโพงคุณภาพเยี่ยม 8 ตัว รอบทิศทาง
ใต้หน้าจอหลักเป็นจุดควบคุมระบบแอร์ที่สามารถปรับอัตโนมัติได้ ควบคุมด้วยปุ่มกดดีไซน์ใหม่ มีหน้าจอแสดงผลตรงกลางดูล้ำสมัย ช่องแอร์ด้านข้างออกแบบทรงกลมสไตล์สปอร์ต
เบาะหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ ออกแบบกระชับกับสรีระทุกสัดส่วน โดยเบาะแถวหน้าฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะแถวที่สองและสามสามารถพับได้ 50:50 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระ กระจกทุกบานปรับเลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 2NR-VE 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-i
Toyota Rush 2018 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 2NR-VE 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 139 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกันกับ Toyota Avanza แต่ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าถึง 25 % ขับเคลื่อนแบบ RWD ส่งกำลังไปยังล้อด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมคอยล์สปริง ส่วนล้อคู่หลังเป็นแบบ 5 Link พร้อมคอยล์สปริง ซึ่งช่วงล่างแบบนี่จะรองรับแรงกระแทกได้ดีเมื่อขับขี่ทางขรุขระ
ผ่านมาตรฐาน ASIAN NCAP ระดับ 5 ดาว
ด้านความปลอดภัย ทาง Toyota Rush 2018 การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัย ASIAN NCAP ระดับ 5 ดาว จัดมาให้เต็มที่ด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด (คู่หน้า ,ด้านข้าง 2 และม่านนิรภัยด้านข้าง) พร้อมเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ระบบเบรกล้อหน้าเป็นดิสก์เบรกส่วนล้อหลังเป็นดรัม มีระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ในตัว นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HAS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC) ระบบ Emergency Stop Signal (ESS) และยังติดตั้งกล้องหลังมาให้ด้วย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะถอยรถได้ดีทีเดียว โดยระบบความปลอดภัยต่างๆจะใส่ให้ทุกรุ่นอย่างครบครัน
ถุงลมนิรภัย 6 จุดทุกรุ่น
สำหรับค่าตัว Toyota Rush 2018 ที่อินโดนีเซียประมาณ 576,000 – 627,000 บาท และมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อย คือ :
• 1.5 G 5M/T
• 1.5 G 4A/T
• 1.5 TRD Sportivo 5M/T
• 1.5 TRD Sportivo 4A/T
ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีด้วยกัน คือ สีขาว (White) สีเงิน (Silver Mica Metallic) สีแดง (Red Mica Metallic) สีทอง (Bronze Mica Metallic) สีม่วง (Bordeaux Mica) และสีดำ (Black Mica)
สีของ Toyota Rush 2018
สำหรับ Toyota Rush 2018 นั้น เรียกได้ว่าพลิกโฉมหน้าใหม่เลยทีเดียว โดยดีไซน์ที่มีความเป็นสปอร์ต ดูทันสมัยมากขึ้น แม้จะยังคงกลิ่นอายของ Fortuner ก็ตาม ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกใจพ่อบ้านอินโดนีเซียแน่นอน สำหรับประเทศไทยทางโตโยต้าเผยว่ายังไม่มีแพลนนำเข้าในปีนี้ ทำให้ Xpander กัย BR-V ยิ้มร่ากันได้สักระยะ เพราะหมดคู่แข่งไปหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อยากให้นำเข้า Rush อยู่ดีครับ เพราะรถเอนกประสงค์สไตล์สปอร์ตแบบนี้โดนใจจริงๆ
Toyota Rush 2018
ดูเพิ่มเติม:
แชร์ประสบการณ์จากการทดลองสมรรถนะรถ Toyota Fortuner 2018
บอกเล่าประสบการณ์ใช้รถ Mitsubishi Pajero Sport มาฟังเสียงวิจารณ์จากลูกค้า