รีวิวรถยนต์ Nissan LEAF 2018
Nissan LEAF 2018 พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยโครงหน้าแบบ V-Shape อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนิสสันที่มีการออกแบบเอาไว้ได้อย่างสวยงามดูหรูหราเพิ่มมากขึ้นผสานกับการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์คู่ ที่ให้แสงสว่างอย่างคมชัดพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวันแบบ DRL รูปทรง L แนวนอนสุดสปอร์ต ให้ความโดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปทรงตัว V แนวยาวไปจรดเข้ากับฝากระโปรงหน้าตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยมและวัสดุโปร่งแสง
กระจังหน้ารูปทรงตัว V
เสริมด้วยการติดตั้งชุดไฟตัดหมอกบริเวณด้านล่างแบบ LED ผสานเข้ากับการตกแต่งบริเวณ เสา A , เสา B รวมถึง เสา C ที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยสีดำเงาดูเด่นชัดเช่นเดียวกับในส่วนของหลังคารถรุ่นนี้ส่งผลทำให้รถดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ผสานเข้ากับกระจกมองข้างสีดำเงาพร้อมไฟเลี้ยวในตัวสามารถปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า มือเปิดประตูด้านนอกสีโครเมี่ยม อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งเสาอากาศแบบสั้นและตกแต่งกระจกทุกบานด้วยฟิล์มสีดำ
ด้านข้าง Nissan LEAF 2018
ด้านหลัง Nissan LEAF 2018 สร้างความโดดเด่นได้ไม่แพ้กันด้วยสปอยเลอร์ทรงสปอร์ตสีดำเข้มพร้อมกับการติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 เสริมด้วยการติดตั้งไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรงสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นได้อย่างดีเยี่ยมรวมถึงการนำดิฟฟิวเซอร์สีดำเข้มเข้ามาติดเสริมให้รถรุ่นนี้ด้วย ส่วนช่วงล่างได้รับการติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีทูโทนแบบ 5 ก้าน พร้อมยางขนาด 215/50 R17 โดยนิสสัน ลีฟ มีมิติตัวถังกว้าง 1,790 มม. สูง 1,559 มม. ยาว 2,700 มม. นำหนักรถโดยรวม 1,557-1,591 กิโลกรัม
ด้านหลังติดตั้งสปอยเลอร์ทรงสปอร์ต
อีกไม่ถึง 10 ปี รถ EV จะถูกกว่า รถใช้น้ำมัน!?
Nissan LEAF 2018 ได้รับการตกแต่งภายในอย่างประณีตด้วยเฉดสีทูโทนดำ-ครีม พร้อมคอนโซลหน้าแบบใหม่ล่าสุดโดยฝั่งผู้ขับขี่ตกแต่งแดชบอร์ดด้วยสีดำเข้มเย็บเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน ส่วนฝั่งผู้โดยสารตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ แผงประตูและคันเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำขัดเงา เบาะนั่งตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา เย็บเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีขาว บริเวณคอนโซลกลางติดตั้งที่วางแก้วน้ำ และ มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมี่ยม รวมถึงกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
ภายในตกแต่งด้วยเฉดสีทูโทนดำ-ครีม
นิสสัน ลีฟ 2018 มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน พร้อมปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์ ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติติดตั้งช่องปรับอากาศขนาดใหญ่บริเวณคอนโซลกลางรวมถึงบริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่ง อีกทั้งยังสามารถปิดไม่ให้ลมออกได้เพียงดันตัวบังคับทิศทางไปทางซ้ายสุดหรือขวาสุด กอปรกับมาตรวัดแสดงผลการขับขี่ดีไซน์แปลกตามีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่พร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และมาตรวัดอัตราการเร่งในหน้าจอกลมฝั่งขวา
หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
อีกทั้งยังให้ความบันเทิงด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์บนหน้าจอระบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ ช่องชาร์จไฟฟ้าขนาด 12V เสริมด้วยการติดตั้งปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ Push Start ไว้ในบริเวณคอนโซลกลาง ผสานกับแผงบังแดดทั้งสองฝั่งติดตั้งไฟสำหรับแต่งหน้า แผงประตูติดตั้งสวิตช์กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบ One-Touch เฉพาะฝั่งคนขับ อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งปุ่มล็อคประตูรวมถึงปุ่มตัดการทำงานของสวิตช์อื่นๆเพื่อป้องกันเด็กเล่น
หัวเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาคาดด้วยแถบสีน้ำเงิน
พิเศษกับการดีไซน์เพิ่มความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีให้มากถึง 435 ลิตร ส่วนเบาะนั่งแถวหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วนิสสัน ลีฟยังได้รับการติดตั้งสวิตช์สำหรับตัดการทำงานของระบบขับขี่อัตโนมัติ Steering Assist พร้อมทั้งสวิตช์ Eco Mode และ สวิตช์ปิดระบบการสร้างเสียงแบบสังเคราะห์อีกด้วย
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่
Nissan LEAF 2018 เพิ่มอัตราการเร่งด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 110 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 3,283 รอบต่อนาที สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร ผสานกับการออกแบบให้สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านขนาด 3 กิโลวัตต์ ได้จมเต็มภายในระยะเวลา 16 ชั่วโมง เสริมด้วยทางเลือกอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบเร่งด่วนติดตั้งไว้ได้ที่บ้านให้กำลังไฟสูงสุดถึง 6 กิโลวัตต์ และชาร์จไฟจนเต็มได้ภายใน 8 ชั่วโมง เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 110 กิโลวัตต์
เสริมด้วยฟีเจอร์เทคโนโลยีสุดล้ำระบบ e-Pedal ที่ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานแป้นคันเร่งและแป้นเบรกได้ในแป้นเดียวกันโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องสลับเท้าไปมา แต่แป้นเบรกก็ยังคงมีให้อยู่เผื่อไว้สำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่มีความคุ้นชินกับระบบนี้ ทั้งนี้ระบบดังกล่าวชะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถชะลอความเร็วรถได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรกเพียงแค่ผ่อนคันเร่งออกเท่านั้น หากต้องการที่จะเพิ่มความเร็วก็แค่เพียงเหยียบคันเร่งตามปกติ โดยจะมีปุ่ม e-Pedal เพื่อเปิด-ปิดระบบให้ด้วยซึ่งฟังก์ชั่นนี้จะได้รับการติดตั้งเข้ามาในทุกรุ่นย่อย
อุปกรณ์ชาร์จไฟ
นอกจากนี้แล้ว Nissan LEAF 2018 ยังเพิ่มฟีเจอร์สุดพิเศษระบบช่วยขับขี่แบบ ProPilot โดยระบบจะสั่งการให้รถสามารถขับตามรถคันหน้าได้โดยอัตโนมัติภายในช่วงความเร็วที่ผู้ขับขี่ได้มีการปรับตั้งค่าเอาไว้ เช่น 60-100 กม./ชม. แต่ผู้ขับขี่ยังคงต้องควบคุมพวงมาลัยอยู่ เมื่อรถคันหน้าเบรกระบบจะสั่งการให้รถทำการเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อชะลอความเร็วลงหรืออาจหยุดนิ่งอยู่กับที่หากผู้ขับขี่ไม่มีการแตะเบรกและระบบจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มเปิดระบบหรือเหยียบคันเร่ง
ปุ่ม e-Pedal
Nissan LEAF 2018 พร้อมให้การปกป้องผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางด้วยระบบช่วยรักษาช่องทางจราจรแบบ (Intelligent Lane Intervention) และ ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนช่องทางจราจรแบบ (Lane Departure Warning) ที่ผสานการทำงานร่วมกับระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking) ช่วยป้องกันผู้ขับขี่จากการชนด้านหน้าโดยระบบจะเริ่มทำงานภายหลังที่ผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกเมื่อระบบได้ทำการแจ้งเตือน
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอด (ProPilot Park)
เสริมด้วยนวัตกรรมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอดอย่างเต็มรูปแบบ (ProPilot Park) โดยระบบจะทำการควบคุมพวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์รวมถึงระบบเบรกเพื่อให้ตัวรถสามารถเข้าสู่ช่องจอดได้อย่างอัตโนมัติถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่นิสสันติดตั้งเข้ามาให้ในรถรุ่นนี้ที่ผสานการทำงานร่วมกับกล้องที่มีความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัว และ เซ็นเซอร์รอบคันที่มีการติดตั้งเอาไว้กว่า 12 จุด ส่งผลทำให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถได้อย่างปลอดภัยและมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ระบบช่วยขับขี่แบบ ProPilot
นอกจากนี้แล้วนิสสัน ลีฟ ยังได้รับการติดตั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานอีกมากมาย อาทิ ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นทัศนะวิสัยในมุมอับได้อย่างเด่นชัด พร้อมระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและยังเสริมด้วยระบบแสดงภาพรอบคันพร้อมสัญญาณเตือน (Intelligent Around View Monitor with moving object detection) นับเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบคันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ระบบแสดงภาพรอบคันพร้อมสัญญาณเตือน
Tesla เตรียมติดตั้งโปรแกรมเกมส์ Atari ใน Autopilot !!
สำหรับผู้ที่สนใจรถแฮทช์แบคขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านิสสัน ลีฟ 2018 ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาพร้อมราคาจำหน่ายคาดการณ์กันว่าไม่น่าจะเกิน 1.3 ล้าน ซึ่งถือเป็นราคาที่ไม่สูงมากนักเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับรถในเซกเมนท์เดียวกันจากค่ายอื่น อีกทั้งฟีเจอร์พื้นฐานล้ำหน้ามากมายที่ถูกนำมาติดตั้งไว้ในรถรุ่นนี้ เช่น ระบบ e-Pedal , ระบบช่วยขับขี่แบบ ProPilot และ ระบบขับขี่อัตโนมัติ Steering Assist ส่งผลให้ Nissan LEAF รุ่นใหม่ล่าสุดที่เตรียมเผยโฉมในต้นปี 2019 นี้ น่าจะเรียกความสนใจจากนักขับชาวไทยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
...
ดูเพิ่มเติม: