เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “ฮอนด้า โมบิลิโอ ใหม่” ยนตรกรรมอเนกประสงค์ขนาดซับคอมแพคท์ มาพร้อมความหรูหราที่มากยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันยิ่งขึ้น ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และพื้นที่ใช้สอยที่รองรับทุกการใช้งาน เพื่อช่วยยกระดับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ให้ลงตัวกับทุกจังหวะของชีวิตเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ Honda Mobilio เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ชูจุดเด่นด้านความอเนกประสงค์และราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายมาโดยตลอด และล่าสุดมีการปรับไมเนอร์เชนจ์ใหม่อีกครั้งในปีนี้ 2018 นี้ จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง Khaorot จะมารีวิวให้ดูกันอย่างละเอียดในทุกๆด้านกันเลย
รีวิว Honda New Mobilio 2018-2019
ฮอนด้า โมบิลิโอ 2018-2019 มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Gloss Black และโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าพร้อมกันชนหน้าแบบสปอร์ต สเกิร์ตข้าง กันชนหลังแบบสปอร์ต พร้อมปลอกท่อไอเสียแบบสเตนเลส สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 15 นิ้วแบบ RS และสัญลักษณ์ RS บนกระจังด้านหน้าและฝากระโปรงท้ายขณะที่รุ่นเริ่มต้นอย่างรุ่น 1.5 S ถูกวางไว้เป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองการใช้งานธุรกิจ SME ได้ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถกว้างขวาง สามารถพับเบาะแถวที่ 2 เพื่อขยายพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกิจการร้านขายของตามตลาดนัดเก๋ๆ ในวันหยุดก็สามารถใช้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวได้ เรียกว่าสามารถทดแทนรถกระบะได้เลยทีเดียวดีไซน์ด้านข้างไม่ต่างไปจากเดิม โดยรุ่น RS จะถูกติดตั้งสเกิร์ตข้างมาให้จากโรงงาน ช่วยให้รถไม่ดูสูงเก้งก้าง ติดตั้งที่เปิดประตูโครเมียม, กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว เสริมด้วยล้ออัลลอยสีทูโทนดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/65 R15สำหรับด้านท้ายยกชุดมาจากรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย, กันชนท้าย, สปอยเลอร์เหนือประตูหลังในรุ่น RS และติดเสาอากาศวิทยุแบบเสาสั้นมาให้ทุกรุ่นย่อย
Honda Mobilio 2018-2019 RS
ฟีเจอร์เด่นของ Mobilio 2018-2019 : ภายนอก
รุ่น S
– ไฟหน้า มัลติรีเฟล็กเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED
– กระจังหน้า แบบโครเมียม
– มือจับประตูด้านนอก แบบเดียวกับตัวรถ
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
– เสาอากาศแบบสั้น
– ล้อ ฝาครอบล้อ 15 นิ้วอก
รุ่น V
– มือจับประตูด้านนอก แบบโครเมียม
– กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
– ล้อ อัลลอย 15 นิ้ว
รุ่น RS
– กระจังหน้า แบบ Gloss Black
– ไฟตัดหมอกคู่หน้า
– สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
– กันชนหน้าและหลังแบบสปอร์ต
– สเกิร์ตข้าง
– ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส
– สัญลักษณ์ RS บนกระจกหน้าและฝากระโปรงท้าย
– ล้อ อัลลอย 15 นิ้ว แบบ RS
ตัวอย่างฟีเจอร์ภายนอกรุ่น RS
กระจังหน้าแบบ Gloss Black พร้อมกันชนหน้าแบบสปอร์ต และไฟตัดหมอกคู่หน้า
สเกิร์ตข้าง และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต
สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
กันชนท้ายแบบใหม่
Honda New Mobilio 2018-2019 มี 5 สี ให้เลือกได้แก่
1. สีส้มฟีนิกซ์ (มุก) Phoenix Orange Pearl (YR-639P) *เฉพาะรุ่น RS
2. สีขาวออร์คิด (มุก) White Orchid Pearl (NH-788P) *เฉพาะรุ่น RS
3. สีดำคริสตัล (มุก) Crystal Black Pearl (NH-731P)
4. สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) Lunar Silver Metallic (NH-830M)
5. สีขาวทาฟเฟต้า Taffeta White (NH-578) *เฉพาะรุ่น S, V
ภายในห้องโดยสารคราวนี้มาพร้อมดีไซน์ใหม่ ที่ดูหรูหรามีราคามากขึ้นภายในตกแต่งด้วยสีดำสีเดียวกับมือจับประตูด้านในชุดเครื่องเสียงเป็นแบบหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ มีช่อง USB, AUX และ HDMI มาให้อย่างละ 1 ช่อง โดยที่ตำแหน่งของพอร์ตทั้งหมดจะถูกติดตั้งไว้กับฟร้อนท์ มาพร้อมลำโพงให้ทั้งหมด 4 จุดรอบคัน และช่องจ่ายไฟสำรองจำนวน 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ชุดเครื่องเสียงที่ติดตั้งใน Mobilio RS เป็นขนาดมาตรฐาน 2DIN ดังนั้นหากใครอยากไปอัพเกรดเพิ่มเติมในภายหลังก็สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องเจาะคอนโซลหรือเปลี่ยนแผงหน้ากากใหม่ให้วุ่นวาย ด้านคนขับติดตั้งพวงมาลัยแบบ 3 ก้านดีไซน์เดียวกับ Jazz/City โฉมที่แล้ว ติดตั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียงไว้ทางซ้ายมือ ติดตั้งมาตรวัดความเร็วแบบเรืองแสงดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) ขนาดใหญ่ มีแถบวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบเรียลไทม์มาให้ด้วย
ฟีเจอร์เด่นของ Honda Mobilio 2018-2019 : ภายใน
รุ่น S
– ภายใน สีดำ
– มือจับประตูด้านใน สีดำ
– พวงมลัยปรับระดับสูง-ต่ำได้
– กุญแจรีโมท
– เบาะนั่งแถวที่ 2 พับตลบจังหวะเดียว (One Motion) พับแยกแบบ 60:40 พนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ
– กล่องอเนกประสงค์ใต้เบาะนั่งแถวที่ 2
– ถาดรองสัมภาระท้ายรถ
– มาตรวัดเรืองแสง (Self-illuminating Meters)
– ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด (Eco Indicator)
– ระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อมสวิตช์ควบคุมตำแหน่งคนขับ
– ช่องจ่ายไฟสำรอง
– กระจกมองข้างรับไฟฟ้า
– กระจกไฟฟ้า 4 บานพร้อมระบบปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติด้านคนขับ
– กระจกมองหลังแบบตัดแสง
– แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมรฝาปิด ด้านผู้โดยสารด้านหน้า
– จำนวนที่วางแก้วน้ำ 11
– ไฟภายในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่ง
– ราวมือจับ 4 ตำแหน่ง
ระบบเครื่องเสียง
– เครื่องเสียงแบบ 2 Din
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
– ช่องเชื่อมต่อ USB
– ช่อง AUX สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง
– ลำโพง 2 ตัว
รุ่น V
– วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black
– ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
– เบาะนั่งแถวที่ 2 พับตลบจังหวะเดียว (One Motion) พับแยกแบบ 60:40 เลื่อนหน้า-หลังและพนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ
– เบาะนั่งแถวที่ 3 พับตลบไปด้านหน้า 2 จังหวะ พับแยกแบบ 50:50 และพนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ
– แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิด ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสาร ด้านผู้โดยสารด้านหน้า
ระบบเครื่องเสียง
– ลำโพง 4 ตัว
รุ่น RS
– มือจับประตูด้านใน สีเงิน
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
– ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
– ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
– มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
– กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับไฟฟ้า
– ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
ระบบเครื่องเสียง
– ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1″
– สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
– รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone*
– ช่องเชื่อมต่อ HDMI
*สำหรับ ในรุ่น RS ถูกติดตั้งกุญแจ Honda Smart Key System ทำงานคู่กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ One Push Ignition System ที่ติดตั้งไว้ฝั่งขวามือของผู้ขับ ซึ่งแทบจะกลายเป็น Option พื้นฐานไปแล้วสำหรับรถยุคนี้
การตกแต่งภายในห้องโดยสารของ Mobilio 2018-2019
รถครอบครัวราคาไม่เกิน 800,000 บาท มีอยู่จริงหรือ ???
ระบบการขับเคลื่อนของ Honda Mobilio 2018 -2019 ควบคุมทุกการขับขี่ได้ดั่งใจ ปลอดภัยทุกเส้นทาง ด้วยเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิ้วตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้ Earth Dreams Technology ให้อัตราการประหยัดน้ำมันและตอบสนองทุกการขับขี่อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 ด้านช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทอิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม H-shape ติดตั้งระบบเบรกแบบหน้าดิสก์หลังดรัมทุกรุ่นย่อย
เครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร ขุมพลังใน Honda Mobilio 2018-2019
Honda Mobilio 2018-2019 มีการเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น อาทิเช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และกล้องส่องภาพด้านหลัง เป็นต้น
ฟีเจอร์เด่นของ Honda Mobilio 2018-2019: ระบบความปลอดภัย
– ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ช่วยปกป้อง และลดการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า
– ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ช่วยให้สามารถควบคุมการบังคับ พวงมาลัยเมื่อต้องเบรกกะทันหัน พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุลมากขึ้น
– ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA (Vehicle Stability Assist) เพิ่มการยึดเกาะถนน มั่นใจทุกการขับเคลื่อน
– จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)
– โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
– กล้องส่องภาพด้านหลัง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย
– กล้องส่องภาพด้านหลัง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย
ถุงลมคู่หน้า Dual SRS
ตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง
ภาพกราฟฟิคแสดงระบบการทำงานของเบรค ABS ของ Mobilio
ฮอนด้า โมบิลิโอ 2018-2019 ไมเนอร์เชน แม้ฟีเจอร์หลายๆอย่าง รวมถึงสมรรถนะของรถไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากรุ่นก่อนมาก แต่การออกแบบภายนอกภายในมีการยกระดับการออกแบบให้หรูหรา พร้อมความสะดวกสบาย และมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันมากยิ่งขึ้น น่าจะเหมาะสมกับผู้ที่มองหารถครอบครัวในราคาประหยัด สมรรถนะการขับขี่ในระดับปานกลาง แต่โฟกัสที่ความคุ้มค่า สามารถโดยสารเต็มคัน 7 ที่นั่งในวันหยุดพักผ่อน และขับไปทำงานในวันธรรมดาได้อย่างไม่เทอะทะ ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง และประหยัดน้ำมันในระดับรถซิตี้คาร์เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในทุกจังหวะชีวิต ของคนกลุ่มเมโทรไลฟ์ หรือคนเมืองยุคใหม่ ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ดูเพิ่มเติม: