รถยนต์มีปัญหาเสียงดังเวลาเลี้ยว ช่างที่อู่บอกเป็นเพราะเพลาขับหน้าเสีย อยากทราบว่าเพลาขับหน้าคืออะไร ปกติแล้วต้องเปลี่ยนทุกกี่ปีครับ? มีวิธียืดอายุเพลาขับให้ใช้ได้นานนานไหมครับ
ถวิล รอดอุดม (thewinrod@gmail.com)
เจษฎา โชคอำนวย
เพลาขับหน้า
ถ้าจะพูดถึงอะไหล่ที่มักจะมีปัญหาสำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า “เพลาขับหน้า” ถือเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งจะต้องบำรุงรักษาอยู่เสมอ โดยตัวเพลาขับหน้านี้ ทำหน้าที่ส่งกำลังของรถยนต์ จากจากห้องเกียร์ไปยังล้อหน้าเพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ถอยหลัง หรือเลี้ยวซ้าย-ขวา แม้กระทั่งขณะลอยตัวขึ้นลงสะพานก็เช่นกัน
อยากทราบว่าเพลาขับหน้าคืออะไร ?
ตอบคุณถวิล เพลาขับหน้า คือ อะไหล่ที่เป็นตัวกลางในการส่งกำลังจากห้องเกียร์ไปยังล้อคู่หน้าครับ ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถยืด-หด ได้ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของล้อ
โดยเพลาขับหน้า จะมีส่วนประกอบดังนี้
1. ก้านเพลา มีสองแบบคือ แบบตัน และแบบกลวง มีลักษณะเป็นท่อแป๊ป
2. หัวเพลาขับนอก อยู่ติดกับดุมล้อ ภายในประกอบด้วยลูกปืน ส่วนใหญ่บรรจุ 6 ลูก
3. หัวเพลาขับใน เสียบติดกับห้องเกียร์ ภายในประกอบด้วยลูกปืน 3-6 ลูกแล้วแต่ยี่ห้อรถ
4. จารบีทนความร้อนสูง ใช้หล่อลื่นหัวเพลาทั้งในและนอก
5. ยางหุ้มเพลา ป้องกันจารบีหลุดกระเด็นออกมาจากส่วนประกอบหัวเพลา
6. เหล็กรัดยางหุ้มเพลา
7. ยางกันสะเทือน
ส่วนประกอบเพลาขับหน้า
ปกติแล้วต้องเปลี่ยนทุกกี่ปีครับ
ถ้าเป็นรถขับหน้าสมัยก่อน เพลาขับหน้ายังไม่ได้มีการพัฒนาให้มีการใช้งานยาวนานก็จะเปลี่ยนบ่อย ซึ่งต้องคอยสังเกตุอาการ โดยมากเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 แสนกิโลเมตร แต่ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ ได้มีการพัฒนาเพลาขับหน้าให้สามารถรองรับการใช้งานอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น จึงมีอายุนานกว่าแบบเดิมเกือบเท่าตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการบำรุงรักษาครับ
เปลี่ยนถ่ายจารบีตามระยะที่กำหนด
วิธียืดอายุเพลาขับให้ใช้ได้นานไหมครับ ?
สำหรับวิธีรักษาเพลาหน้าให้อยู่กับเราได้นาน หลักๆมีดังนี้ครับ
1.เปลี่ยนถ่ายจารบีตามระยะที่กำหนดของรถรุ่นนั้นๆ หากไม่มีบอกในคู่มือให้เปลี่ยนถ่ายทุก 50,000 กิโลเมตร หรือทุก 2 ปี
2.หมั่นตรวจสอบสภาพยางหุ้มเพลาอยู่เสมอ
3.ขับขี่อย่างนุ่มนวล ไม่ขับกระชาก ไม่รีบออกตัวขณะที่ล้อยังไม่ตั้งตรง หรือหักพวงมาลัยเลี้ยวแรงๆขณะขับขี่
นอกจากนี้ยังมีวิธีสังเกตุอาการเสื่อมสภาพของเพลาขับหน้าเบื้องต้น ที่ผู้ขับสามารถทำได้ด้วยตนเองคือ
1.มีเสียงโลหะด้านที่เพลาติดกับล้อ สังเกตุได้จากการหักพวงมาลัยว้าย-ขวา แล้วมีเสียงดัง ก็อก
2.รถสั่น ขณะขับด้วยความเร็วคงที่
3.รถมีอาการสั่นมาก สะเทือนไปที่เกียร์