สวัสดีครับ
พอดีผมมีเรื่องอยากจะสอบถามในประเด็นของการใช้งานรถที่มีอายุเกิน 10 ปี แล้วมีกลิ่นเหมือนกับว่าเหม็นไหม้เข้ามาภายในรถครับไม่ทราบว่ามาจากระบบปรับอากาศภายในรถ หรือ ระบบระบายความร้อนภายในรถยนต์กันแน่เลยอยากทราบว่าการที่มีกลิ่นเหม็นไหม้ออกมานี้เป็นเพราะอะไรแล้วต้องตรวจสอบในจุดใดเป็นพิเศษหรือไม่ครับ
เสกสรร สังข์แก้ว (kaow_seksan@gmail.com)
เจษฎา โชคอำนวย
สวัสดีครับคุณเสกสรร
ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่าปัญหากลิ่นเหม็นไหม้กับรถที่มีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากนัก เนื่องจากรถที่มีอายุการใช้งานยาวนานย่อมส่งผลให้ระบบระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพจนอาจส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติรวมไปถึงคราบน้ำมันเครื่องที่เกาะตัวอยู่บริเวณลูกสูบที่มีอยู่ในจำนวนมากก็ย่อมส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้อันเนื่องมาจากสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ที่ร้อนจัดได้เช่นกัน
กลิ่นเหม็นไหม่ในรถยนต์
ทั้งนี้หากปล่อยทิ้งเอาไว้ หรือ ฝืนขับรถต่อไปก็อาจที่จะทำให้เกิดประกายไฟลุกลามไหม้รถได้เช่นกันเพราะฉะนั้นผู้ขับขี่ควรจอดรถบริเวณข้างทางแล้วตรวจสอบหาร่องรอยที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้ นอกจากกลิ่นเหม็นไหม้ที่ออกมาจากบริเวณเครื่องยนต์แล้ว ยังมีกลิ่นไหม้ที่มีสาเหตุมาจากผ้าเบรกไหม้ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้เข้ามาภายในรถได้เช่นกันหากผู้ขับขี่ยังฝืนขับรถไปต่ออาจทำให้จานเบรกมีอาการคดงอได้ตามไปด้วย เนื่องจากความร้อนจัดที่เข้าไปบีบให้จานเบรกคดตัวแล้วส่งผลให้ทำการเบรกไม่ได้นั่นเอง
รถเก่าใช้งานนานมีกลิ่นเหม็นไหม้
อย่างไรก็ตามหากผู้ขับขี่มีการใช้งานรถที่ติดตั้งระบบแก๊ส LPG หรือ NGV ก็ต้องระวังกับกลิ่นเหม็นไหม้ที่มีเข้ามาในรถให้จงหนัก เนื่องจากอาจมีแก๊สรั่วไหลออกมาจากสายส่ง หรือ บริเวณหัวจ่ายแก๊สเข้าสู่เครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้เกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้นได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นในกรณีที่ผู้ขับขี่ใช้งานรถติดแก๊สเมื่อได้กลิ่นเหม็นไหม้ก็ควรที่จะจอดรถแล้วดับเครื่องยนต์ก่อนโทรหาความช่วยเหลือไม่ควรที่จะขับรถต่อไปเพราะอาจทำให้ไฟลุกลามไหม้รถได้
นอกจากนี้แล้วสำหรับผู้ที่มีการใช้รถที่มีอายุยาวนานเกิน 10 ปี ควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่างๆภายในรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน กอปรกับการหมั่นตรวจเช็คระบบหล่อเย็นภายในรถให้มีการทำงานเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดโดยเฉพาะในส่วนของหม้อน้ำจะต้องเติมน้ำหล่อเย็นเพิ่มอยู่ตลอดไม่ควรปล่อยให้ระดับน้ำภายในหม้อน้ำลดเกินกว่าปกติ พร้อมทั้งตรวจเช็คสายไฟต่างๆภายในรถไม่ให้ส่วนที่มีการพันเทปเอาไว้ไปเกาะติดอยู่บนเครื่องยนต์เนื่องจากเครื่องยนต์เมื่อทำการขับขี่จะมีความร้อนสูงแล้วทำให้สายไฟหลอมละลายจนเกิดไฟไหม้รถขึ้นได้
สำหรับผู้ที่มีการใช้รถอยู่เป็นประจำควรตรวจเช็คสภาพรถตามระยะเวลาและเปลี่ยนของเหลวภายในรถเมื่อครบกำหนดเปลี่ยนถ่ายเพื่อยืดอายุการใช้งานรถครับ