อยากทราบว่าจานเบรกแบบมีรูและไม่มีรูต่างกันอย่างไรครับ และแบบไหนเหมาะสำหรับรถชนิดใดครับ ขอบคุณครับ
สมพงษ์ วงษ์เจริญ (pong.sompong@gmail.com)
เจษฎา โชคอำนวย
ทำไมจานเบรกต้องมีรู ?
อยากทราบว่าจานเบรกแบบมีรูและไม่มีรูต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบคุณสมพงษ์ จานเบรกมีทั้งหมด 4 ชนิดด้วยกัน คือ แบบเรียบ แบบเซาะร่อง แบบเจาะรู และแบบเซาะร่องผสมเจาะรู ซึ่งมีความแตกกต่างกันดังนี้
- แบบเรียบ (Smooth Brake Rotor) ที่เราใช้กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะติดมาจากโรงงานผลิตและสามารถทนต่อแรงเค้นได้ดีที่สุด ใช้งานทนที่สุดในกลุ่ม แต่มีข้อเสียใหญ่คือ การระบายความร้อนทำได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับแบบเซาะร่องและแบบเจาะรู ซึ่งถ้าใครที่ใช้จานเบรกแบบเรียบ จำเป็นต้องใช้ผ้าเบรกและน้ำมันเบรกที่มีคุณภาพสูง เพื่อจะได้ทนความร้อนได้ดี
Smooth Brake Rotor
- จานเบรกแบบเจาะรู (Drill Brake Rotor) จานเบรกแบบนี้ มาจากความต้องการพัฒนาจานเบรกในสนามแข่งรถ เพราะการใช้จานแบบเรียบ มีการระบายความร้อนไม่ดีพอ เวลาเบรกฝุ่นในสนามจะเกาะที่จาน และยังมีก๊าซบางชนิดที่เคลือบผิวจานเบรก ทำให้ประสิทธิภาพของเบรกลดลง จึงมีการเจาะจานเบรกเพื่อระบายความร้อนขึ้น เนื่องจากทำได้ง่าย ไม่ต้องจัดหาวัสดุใหม่ซึ่งหายากในสมัยนั้น จานเบรกแบบนี้จะพบได้บ่อยในรถที่ผ่านการอัพเกรดระบบเบรก เพื่อหวังผลในการระบายความร้อนและลดโอกาสเกิดการเบรกไม่อยู่ (Brake Fade) ที่มักเกิดเมื่อจานเบรกร้อนจัดจนไม่สามารถสร้างแรงกดและแรงเฉื่อยได้ ซึ่งจานเบรกแบบนี้มีข้อเสียที่สำคัญคือ การแตกร้าว (Thermal Cracking) นั่นเอง แต่ผู้ผลิตหลายค่ายก็พยายามใช้วัสดุที่ดีขึ้นเพื่อลดจุดอ่อนที่ว่านี้
Drill Brake Rotor
- จานเบรกแบบเซาะร่อง (Slotted Brake Rotor) จานลักษณะนี้ได้รับความนิยมกันมากในวงการนักแข่ง เพราะช่วยลดการเกิด Thermal Cracking ในจานแบบเจาะรูได้อย่างดี โดยการเซาะร่องที่เนื้อจานเบรก ทำให้การระบายความร้อนรวดเร็วขึ้น และยังหมดปัญหาเรื่องฝุ่นเกาะจานเบรกอีกด้วย และที่สำคัญยังทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกเพิ่มขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อ เพราะการเซาะร่อง ส่งผลให้เพิ่มแรงเสียดทานระหว่างจานเบรกับผ้าเบรกมากขึ้น จึงเบรกเฉียบขึ้นนั่นเอง แต่ข้อเสียคือผ้าเบรกจะหมดเร็วกว่าแบบอื่นๆ
Slotted Brake Rotor
- จานเบรกแบบเซาะร่องและเจาะรู (Drill and Slotted Brake Rotor) เมื่อทราบข้อดีของทั้งสองแบบข้างต้นแล้ว หลายคนคงคิดว่าจานเบรกแบบสุดท้ายนี้ น่าจะเป็นการนำเอาข้อดีทั้งสองแบบมารวมกันแน่นอน แต่กลับกันครับ จานเบรกแบบเซาะร่องและเจาะรูมีความสามารถในการขจัดฝุ่นสูงที่สุด แต่ในด้านอื่นๆไม่ได้โดดเด่น อีกทั้งยังเกิด Thermal Cracking ได้ง่ายกว่าแบบอื่นอีกด้วย ซึ่งมักใช้กันในหมู่นักแต่งรถมากกว่านักซิ่ง เพราะจานลักษณะนี้มีความสวยงาม โดดเด่นกว่าทุกแบบนั่นเอง และคนทั่วไปไม่นิยมใช้กันมากนัก
แบบไหนเหมาะสำหรับรถชนิดใดครับ
- แบบเรียบ (Smooth Brake Rotor) ใช้ได้กับรถทั่วไปครับ
- จานเบรกแบบเจาะรู (Drill Brake Rotor) เหมาะกับรถที่ต้องการประสิทธิภาพในการเบรกมากยิ่งขึ้น
- จานเบรกแบบเซาะร่อง (Slotted Brake Rotor) เหาะกับรถที่ใช้ความเร็วสูง เช่น รถซุปเปอร์คาร์ รถแข่ง
- จานเบรกแบบเซาะร่องและเจาะรู (Drilled and Slotted Brake Rotors) มักใช้สำหรับรถแต่งโชว์หรือใช้งานเบาๆ มากกว่ารถที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน