11:17, 22 มิ.ย. 2561

ขายรถยนต์ให้กับเต้นท์รถแล้วทางเต้นท์บอกให้โอนลอย อยากทราบว่ามีข้อเสียอะไรบ้าง?

บันทึกรายการ

หลายคนที่ทำการซื้อ-ขายรถมือสอง แล้วมักได้ยินคำว่า “โอนลอย” อยู่บ่อยๆ เลยคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็ทำกัน ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แท้จริงแล้วเราเข้าใจดีจริงหรือ?

ขายรถยนต์ให้กับเต้นท์รถแล้วทางเต้นท์บอกให้โอนลอย อยากทราบว่า​การโอนลอยคืออะไรคะ? มีข้อเสียอะไรบ้าง? แล้วถ้าจะโอนต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ ?

รวี วงศ์วชิรา (namcha.22d@yahoo.com)

ดวงดาว ภูสิทธ์อุดม


การโอนรถยนต์

ถาม: การโอนลอยคืออะไรคะ?

ตอบ คุณรวี: การโอนลอย เป็นการโอนรถโดยผู้โอนเขียนเอกสารกรอกแบบฟอร์มหลักฐานต่างๆไว้ พร้อมสำหรับเปลี่ยนชื่อในทางทะเบียนให้กับใครก็ได้ที่มาซื้อรถต่อไปแต่ยังไม่ลงชื่อผู้รับโอน ส่วนมากมักทำในกรณีซื้อขายรถมือสองตามเต้นท์รถทั่วไปเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมการโอน เพราะทรัพย์สินใดก็ตามไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ ที่ดิน เมื่อมีการโอนเปลี่ยนผู้ครอบครองตามกฏหมายก็จะต้องเสียค่ารรมเนียมการโอนทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินของทางราชการ โดยปกติแล้ว ทางเต้นท์รถจะต้องรับโอนเป็นชื่อเจ้าของรถแล้วค่อยโอนต่อให้ผู้ที่มาซื้ออีกทอดหนึ่ง แต่ส่วนมากทางเต้นท์มักจะผลักภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้กับผู้บริโภคซึ่งถ้าใครไม่อยากเสียเงินค่าธรรมเนียมก็ต้องโอนลอยไว้

ถาม: มีข้อเสียอะไรบ้าง?

ตอบ: ถามว่าการโอนลอยมีข้อเสียไหม ตอบได้เลยว่ามีแน่นอน ซึ่งยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น

  • เซ็นโอนลอยไว้ให้เต้นท์รถ ทางเต้นท์ขายรถให้ผู้ซื้อแต่ยังไม่ได้โอนชื่อเจ้าของ แล้วผู้ซื้อขับรถไปชน ทางประกันรถจึงเรียกเก็บค่าเสียหายกับเจ้าของรถเดิม
  •  เซ็นโอนลอยไว้ให้เต้นท์รถ แล้วรถถูกนำไปก่ออาชญากรรม วันดีคืนดีมีหมายเรียกจากทางสถานีตำรวจมาถึงบ้าน
  • เซ็นโอนลอยไว้ให้เต้นท์รถ แล้วผู้ซื้อนำรถไปประกอบธุรกิจผิดกฏหมายโดยที่ยังไม่ได้โอนชื่อ เมื่อถูกจับตำรวจก็จะสอบถามหาเจ้าของรถแน่นอน

เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ที่เจ้าของเดิมต้องตกโดนข้อกล่าวหา หรือมีหมายศาลเรียกถึงบ้านโดยที่เจ้าของรถเดิมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยเลย แต่ถ้าสืบสาวให้ถึงที่สุด ถามว่าเจาของรถเดิมต้องรับโทษหรือรับผิดชอบค่าเสียหายหรือไม่ ตอบได้เลยว่า “ไม่” เพราะไม่ได้เป็นผู้ขับขี่กระทำการนั้น ทั้งนี้เจ้าของรถเดิมต้องไปทำการชี้แจ้งต่อศาลหรือสถานีตำรวจที่ออกหมายเรียก พร้อมทั้งนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปแสดง เช่น  หลักฐานการซื้อขายที่ระบุวันที่ขายไว้ สำเนาการโอน ใบเสร็จรับเงิน ซึ่งจะช่วยให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหาได้ และแม้ว่าจะมีหลักฐานครบครันแต่ก็ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของรถเดิมอยู่ที่เชียงราย รถเกิดเหตุที่นราธิวาสก็ต้องเดินทางไปชี้แจงซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เราต้องออกเอง ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นเพียงเพราะความอยากประหยัดค่าธรรมเนียม เข้าตำรา “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”

ถาม: แล้วถ้าจะโอนต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ

ตอบ: หากจะดำเนินการโอนรถจะต้องจัดเตรียมเอกสาร ดังนี้:


สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์

  1. สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ ซึ่งต้องตรวจสอบความถูกต้องดังต่อไปนี้
    1. 1) เลขทะเบียนรถยนต์ ต้องตรงกับป้ายทะเบียนรถยนต์ (ของแท้ต้องมีคำว่า ขส.) ป้ายทะเบียนและ พ.ร.บ
    2. 2) ปีที่จดทะเบียน
    3. 3) หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง ต้องตรงกับตัวถังรถยนต์และหมายเลขเครื่องยนต์ที่ติดอยู่กับตัวรถ
    4. 4) ชื่อเจ้าของรถ ต้องตรวจดูชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ เลขที่บัตร ที่อยู่ ให้ตรงกับบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
    5. 5) รายการเสียภาษีหน้า 16-17 ตรวจดูว่ามีการเสียภาษีครบทุกปีหรือไม่ ไม่ขาดต่อทะเบียนหรือแจ้งจอด ยกเลิกการใช้งาน
    6. 6) รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่หน้า 18-19 ตรวจดูว่ามีรายการบันทึกเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถอย่างไร เช่นการแจ้งย้าย แจ้งเปลี่ยนสี เปลี่ยนหมายเลขเครื่องหรือขอใช้ทะเบียนบ้านในเขตไหน ต้องมีรายการบันทึกครบถ้วน
    7. 7) ลายมือชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต้องเซ็นให้ถูกต้องชัดเจน ตรงกับลายเซ็นในหนังสือต่างๆ
  2. หนังสือสัญญาซื้อ-ขายรถยนต์

เป็นหนังสือสัญญานิติกรรม ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ทำการแลกเปลี่ยนกัน ต้องกรอกทุกรายละเอียด เช่น วันที่ รายละเอียดผู้ขาย รายละเอียดผู้ซื้อ ราคาซื้อขาย กำหนดการมัดจำและรับรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการโอนว่าผู้ใดเป็นผู้ออกค่าโอน ลงชื่อผู้ซื้อ ผู้ขายและพยาน ระบุวันเวลาที่ขายและที่ได้รับรถแล้ว

ตัวหนังสือนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างสูง ต้องถือไว้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ใช้แสดงประกอบการโอนมีผลทางกฏหมาย กรณีที่ผู้ซื้อนำรถไปเกิดอุบัติเหตุ หรือใช้รถกระทำความผิดกฏหมายหรือผู้ขายอาจนำไปแจ้งรถหายหรือนำเอกสารไปทำอย่างอื่น ต้องมีการตรวจเช็ครายละเอียดให้ดีทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย


ตัวอย่างการกรอกแบบคำขอโอนและรับโอน

  1.  แบบคำขอโอนและรับโอน

เป็นหนังสือของทางกรมขนส่งทางบก ต้องใช้เพื่อยื่นประกอบเอกสารการโอนรถยนต์ ต้องระบุวันที่ ชื่อรายละเอียดผู้โอน ผู้รับโอน เลขทะเบียน รายละเอียดเกี่ยวกับรถที่โอน ราคาซื้อขาย และต้องลงรายมือชื่อทั้งผู้โอนและผู้รับโอนที่ระบุไว้ครบทุกช่อง

  1. สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย

จะต้องไม่หมดอายุ โดยบัตรประชาชนต้องตรงกับทะเบียนบ้าน มีการเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องไว้เพื่อสำหรับโอนรถ

  1. หนังสือมอบอำนาจ

หากเจ้าของรถไม่สามารถกาะทำการใดใดเกี่ยวกับตัวรถได้เอง เช่น จ้างบริษัทตรวจรถเอกชนช่วยในการดำเนินการ จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจแนบด้วย


ตัวอย่างแบบคำขออื่นๆ

  1. หนังสืออื่นๆเกี่ยวกับผู้ขาย

เช่น หนังสือหย่า เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ใบรับมอบมรดก ในกรณีที่เป็นรถบริษัทไฟแนนซ์ ประกันภัย หรือมอบมรดก ต้องเตรียมหนังสือรับรองบริษัท ใบเสร็จรับเงิน ใบเสียภาษี

  1. หนังสือยินยอม

ในกรณีที่ขอใช้ในจังหวัดเดิมในทะเบียนรถ ต้องเตรียมหนังสือยินยอมให้ทางเจ้าของรถเดิมเซ็นยินยอมขอใช้รถในทะเบียนบ้านเดิมหรือหาเจ้าบ้านที่มีวื่อ ที่อยู่ในเขตที่ต้องการขอใช้ทะเบียนรถและเซ็นลายมือชื่อ พร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนหนึ่งชุด

  1. ใบเสร็จต่างๆ

เช่น ใบเสร็จซื้อเครื่องยนต์ ในกรณีที่ยังไม่ได้เปลี่ยนหมาเลขเครื่อง ใบเสร็จค่าเปลี่ยนสีรถยนต์ ที่ถูกต้องมีใบรับรองเสียภาษี หรือใบวิศวกรองรับการดัดแปลงรถยนต์ ใช้ในกับรถที่ยังไม่ได้แจ้งการดัดแปลง เช่นระบบขับเคลื่อน ระบบเบรก การเปลี่ยนหลังคา หรือการซ่อมจากอู่ที่ต้องมีการตัดต่อ หรืออะไหล่ตัวถังรถ

สรุปเอกสารสำคัญหลักๆดังนี้:

  • สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์
  • หนังสือสัญญาซื้อ-ขายรถยนต์
  • แบบคำขอโอนและรับโอน
  • สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย
  • หนังสือมอบอำนาจ
  • หนังสืออื่นๆเกี่ยวกับผู้ขาย
  • หนังสือยินยอม
  • ใบเสร็จต่างๆ ที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายการในทะเบียนรถ

เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลกับการโอนลอยอีกต่อไป ลดการเสียเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญฯเมื่อได้เอกสารครบแล้วควรรีบดำเนินการโอนให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง และอย่าปล่อยไว้นานจนเอกสารหมดอายุหรือผู้รับโอนเสียชีวิต คงไม่สนุกแน่ถ้าต้องจัดเตรียมเอกสารใหม่

ในหมวดเดียวกัน