รถยนต์ไฟฟ้ามีความต่างจากรถทั่วไปหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการขับเคลื่อน ระบบเบรก อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ หลายคนอาจสงสัยว่า รถไฟฟ้าเวลาลงเขา ขึ้นเขา หรือทางลาดชันจะมีเทคนิคแตกต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันหรือไม่ ในบทความนี้ เราจะรวบรวมเทคนิค การขับรถไฟฟ้า EV ลงเขา เราไปดูกันเลย
เทคนิคการขับรถลงเขา
เทคนิค การขับรถไฟฟ้า EV ลงเขา คือ เราควรใช้เกียร์ต่ำเป็นหลัก คือ เกียร์ B หรือ L นั่นเอง เนื่องจากการใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถไฟฟ้าเวลาลงเขา หรือขึ้นเขา หรือทางลาดชัน เครื่องยนต์จะมีแรงฉุด แรงดึงของเครื่องยนต์ จะเป็นตัวช่วยในการลดความเร็วและลดการใช้เบรกได้อีกด้วย และยังช่วยต้านไม่ให้รถไหลลงเร็วเกินไปจนเสียการควบคุมได้
เมื่อขับรถยนต์ไฟฟ้าเวลาลงทางชัน ลงเขา จะต้องใช้ระบบ Regenerative Braking Regenarative braking เพื่อลดการเหยียบเบรคไฮดรอลิกต่อเนื่องกันนาน ๆ ที่อาจทำให้ผ้าเบรคไหม้ได้ ระหว่างการลงเขาแล้งต้องการดูว่าระบบ Regenerative braking นั้นทำงานตามปกติหรือไม่ ก็สามารถดูจากมาตรวัดระดับการ Regen บนหน้าปัดว่าขึ้นหรือไม่ และขึ้นกี่ขีด ดูว่ามีไฟแสดงความผิดพลาดโชว์ขึ้นที่จุดใดหรือเปล่า และยังต้องสังเกตอาการของรถว่า ตอนปล่อยคันเร่งแล้วมีอาการหน่วงจริงโดยไม่ต้องเหยียบเบรคหรือไม่ หากไม่หน่วงแสดงว่าระบบไม่ทำงาน อาจจะต้องจอดรถพักข้างทางที่ปลอดภัยก่อน หรือค่อย ๆ ขับรถไปโดยใช้การเหยียบแป้นเบรค (ไฮดรอลิก) ช่วย จนกว่าระบบเบรคแบบ Regenerative จะทำงานตามปกติได้
รถยนต์ไฟฟ้าเวลาลงทางชัน ลงเขา
เทคนิค การขับรถไฟฟ้า EV ลงเขา ให้เปิดระบบ One-pedal หรือ E-pedal ใช้เพื่อให้รถหน่วงทันทีเมื่อถอนคันเร่ง
ทุก ๆ ครั้งที่ออกเดินทางคนขับต้องเตรียมความพร้อม ยิ่งขับรถไฟฟ้าเวลาลงเขาก็ยิ่งระมัดระวัง นอนหลับให้เพียงพอ งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ และไม่ควรทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ที่สำคัญควรเลือกเส้นทางที่จะเดินทางให้เรียบร้อย และศึกษาเส้นทางให้ดีก่อน แล้วปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น
การขับรถลงเขา
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิคการขับรถไฟฟ้าเวลาลงเขา อย่างไรก็ตาม ก่อนขับรถขึ้น-ลงเขา หรือทางลาดชัน ทั้งรถและผู้ขับขี่ควรมีความพร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ดังนั้นจึงควรเช็กสภาพรถ และเตรียมความพร้อมด้านร่างกายให้ดี และที่สำคัญควรขับรถด้วยความไม่ประมาท เพื่อให้การขับขี่ได้อย่างปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ดูเพิ่มเติม