14:57, 23 ก.พ. 2566

ข้อควรรู้ กฎหมายกำหนดสติกเกอร์ “e” และ “s” ติดท้ายรถ ประเภทใดบ้าง

บันทึกรายการ

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าสติกเกอร์ที่ติดท้ายรถตัวอักษร “e” และ “s” คืออะไร ติดรถประเภทใดบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องการกำหนดกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยประกอบไปด้วยรายละเอียดเรื่องของการติดสติกเกอร์ท้ายรถ กฎหมายกำหนดสติกเกอร์ท้ายรถ e และ s คือติดรถประเภทใดได้บ้าง ตามไปหาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้

กฎหมายกำหนดสติกเกอร์ “e” 

กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า แยกอย่างไร

โดยการกำหนดกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้าและรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ใช้เป็นยานพาหนะตามกฎหมายได้นิยามเอาไว้ว่า กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้ามีความหมายว่า กำลังพิกัด (Rated Power) หรือกำลังในการขับเคลื่อนรถที่มีความเร็วต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที (Maximum 30 Minutes Power) ของมอเตอร์ไฟฟ้า โดยลักษณะการกำหนดจะถูกแบ่งออก ดังนี้

รถยนต์ไฟฟ้า

  • รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร รถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนขึ้นไป รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์ 4 ล้อเล็กรับจ้าง โดยรถเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำหนดให้มีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่ต่ำกว่า 90 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน แบบพิเศษ โดยจะต้องขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 100 กิโลวัตต์
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนขึ้นไป รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์ 4 ล้อเล็กรับจ้าง โดยรถเหล่านี้ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องมีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องมีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 4 กิโลวัตต์ และทำความเร็วสูงสุดได้ไม่ต่ำกว่า 45 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 250 วัตต์ สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 250 วัตต์ สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สติกเกอร์ “s”

โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีสัญลักษณ์ระบุว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องติดสติกเกอร์ “s” ได้แก่

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล
  • รถยนต์ 4 ล้อเล็กรับจ้าง

รถยนต์ไฟฟ้าในประเภทดังกล่าวที่ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 4 กิโลวัตต์ สามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงสุดได้ไม่ต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องทำการติดสติกเกอร์ ตัวอักษร “s” เอาไว้ที่บริเวณท้ายรถเพื่อให้สามารถมองเห็นถึงประเภทรถได้อย่างชัดเจน

กฎหมายกำหนดสติกเกอร์ “s” 

สติกเกอร์ “e”

โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีสัญลักษณ์ระบุว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องติดสติกเกอร์ “e” ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ซึ่งรถประเภทนี้จะต้องทำการติดสติกเกอร์ ตัวอักษร “e” เอาไว้ที่บริเวณท้ายรถของตัวรถให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในขณะที่รถจักรยานยนต์ รถสามล้อที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องติดสติกเกอร์เหล่านี้

สรุปให้เข้าใจง่ายสำหรับเรื่องการติดสติกเกอร์ สำหรับสติกเกอร์ ตัวอักษร “e” จะต้องติดรถเก๋งที่ไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะต้องติดสติกเกอร์ ตัวอักษร “e” เอาไว้ที่บริเวณท้ายรถให้สามารถมารเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับรถจักรยานยนต์ รถสามล้อ ไม่จำเป็นต้องติดสติกเกอร์นี้

ส่วนการติดสติกเกอร์ตัวอักษร “s” จะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภท รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนขึ้นไป และรถยนต์ 4 ล้อเล็กรับจ้างที่ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 4 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องติดสติกเกอร์ ตัวอักษร “s” เอาไว้ที่บริเวณท้ายรถให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ดูเพิ่มเติม

เคลมประกันรถยนต์ โดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ควรทำอย่างไรดี

วิธีขับรถบนทางด่วน ขับอย่างไรให้ปลอดภัย

ในหมวดเดียวกัน