นายโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกทางโตโยต้ามอเตอร์ ส่งสารตอบโต้กรณีประกาศว่ารถยนต์นำเข้าเป็นภัยคุกคามประเทศ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ค่ายรถยนต์ยักใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นในฐานะหนึ่งในผู้ลงทุนทางธุรกิจรายใหญ่ในสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ตำหนิ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ประกาศว่ารถยนต์นำเข้าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งระบุว่า คำประกาศของผู้นำสหรัฐถือเป็นการส่งสารว่าตลาดอเมริกาไม่ต้อนรับการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติ
ผู้นำสหรัฐ มักทวีตพาดพิงถึง ค่ายโตโยต้าบ่อยครั้งจนเป็นข่าวใหญ่
โดยโตโยต้า มอเตอร์ เซลส์ ยูเอสเอ อิงค์ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ระบุในแถลงการณ์ว่า การประกาศดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ นับเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่สำหรับผู้บริโภคสหรัฐ แรงงาน และ อุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากการจำกัดการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ จะขัดขวางการสร้างงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค
สำนักงานใหญ่ โตโยต้า ใน เทกซัส สหรัฐอเมริกา (Toyota Sale USA Inc.)
สำหรับ โตโยต้า มอเตอร์ มีการทุ่มเงินลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐไปกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงสร้างโรงงานผลิตรถแห่งใหม่ในสหรัฐ 10 แห่ง ซึ่งการตอบโต้จากโตโยต้าในครั้งนี้ถือการตอบโต้ด้วยแถลงการณ์ที่โจมตีผู้นำสหรัฐ ฯ อย่างรุนแรงและตรงไปตรงมาใครครั้งนี้แทบจะไม่เกิดขึ้นบ่อยนักกับภาคเอกชนที่เข้าไปลงทุนในสหรัฐ โดยเฉพาะจากค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นนอกจากนี้ ในแถลงการณ์ของโตโยต้า ยังระบุด้วยว่า หากมีการกำหนดโควต้านำเข้า ผู้ที่สูญเสียมากที่สุดก็จะเป็นผู้บริโภค ซึ่งจะต้องจ่ายเงินมากขึ้น และมีรถยนต์ให้เลือกน้อยลง
โตโยต้าถือเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในสหรัฐและรถยนต์โตโยต้าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสหรัฐเสมอ
อย่างไรก็ตาม โตโยต้า หวังว่า จะมีการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหารถยนต์นำเข้าสหรัฐได้ในเวลาอันรวดเร็วแต่ก็เตือนว่า การที่สหรัฐใช้มาตรการภาษีเพื่อจำกัดการนำเข้ารถยนต์เป็นการบีบบังคับให้ผู้บริโภคอเมริกันจ่ายเงินเพิ่มขึ้นและอาจจะส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาดแรงงานสหรัฐ รวมทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย โดยเหตุการณ์นี้จะได้รับการคลี่คลายจากทางฝ่ายผู้นำและรัฐบาลสหรัฐหรือไม่ หลังจากที่สหรัฐได้ทำการตอบโต้อย่างรุนแรงกับบริษัทจากจีนอย่างหัวเหว่ยอย่างไม่ปราณีไปแล้วในอุตสากรรมเทคโนโลยีไอทีต้องคอยดูกันว่าวิกฤติการณ์นี้จะลามมาถึงวงการยานยนต์ในสหรัฐและของโลกในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ต้องคอยติดตามดูอย่างใกล้ชิด
ดูเพิ่มเติม