หลังจากการจัดอันดับรถผลิต Production car ที่เร็วและแรงที่สุดมาอย่างยาวนาน นั้น แน่นอนว่ารถที่มักติดโผ 1 ใน 10 นั้น ก็คือ Bugatti ที่จะต้องมีรุ่นใดรุ่นหนึ่งติดโผอยู่ตลอดในทุกๆปี ซึ่งในปี 2010 เอง ทาง Shelby Super Cars ก็ได้ตั้งใจที่จะทวงแชมป์รถ Production Car จาก Bugatti Veyron Super Sport ที่ได้ทำลายสถิติโลกไปไม่นาน โดยสเปกของ Bugatti Veyron Super Sport ที่ทำให้เป็นแชมป์โลกได้นั้น มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ W16 สูบ ขนาด 8 ลิตร ที่มีพละกำลังถึง 1,200 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 2.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 430.9 กม./ ชม. ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักว่าทำไมถึงได้รับแชมป์โลกในปี 2011 ไปครอง
รถยนต์ SSC Ultimate Aero II
Bugatti Veyron Super Sport
สำหรับทีเด็ดที่ Shelby Super Cars งัดออกมาก็คือ SSC Ultimate Aero II โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 6.8 ลิตร 1,350 แรงม้า และโครงสร้างรถที่ส่วนใหญ่ทำด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ นอกจากนั้นยังใช้ล้อคาร์บอนไฟเบอร์แบบ single cast รุ่นแรกของโลกที่มีน้ำหนักเพียง 5.9 กิโลกรัมเท่านั้น
เครื่องยนต์ที่ว่าจะทำให้ไฮเปอร์คาร์ที่มีน้ำหนัก 1,179 กิโลกรัมรุ่นนี้ ทำความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายในเวลาเพียง 2.8 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 443 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับราคาของ SSC Ultimate Aero II ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันที่ เพราะราคานั้นเริ่มต้นที่ 696,000 ยูโร
สมรรถนะและความพิเศษของ SSC Ultimate Aero II
ดีไซน์โดยรวมของ SSC Ultimate Aero II
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า Bugatti ก็ยังมีการพัฒนาที่เหนือชั้นเหมือนกัน เพราะตั้งแต่ที่มีกระแสข่าวที่จะโดน Shelby Super Cars ล้มนั้น ก็ยังไม่มีใครเคยเห็นว่าจะโดนล้มไปซะทีเดียว เพราะ Bugatti สามารถแสดงศักยภาพในการเป็นสุดยอด Production Car ได้เช่นเดิม การันตีได้จากการติด 1 ใน 10 ของแชมป์รถ Procuction car ที่มีความเร็วและแรงที่สุดในโลกในทุกๆปี
อย่างเช่นในปี 2016 นั้น Bugatti สามารถติด 1 ใน 10 ได้ถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ Bugatti Veyron Grand Sport Vitesse ติดอันดับที่ 6 และ Bugatti Veyron Super Sport ก็อยู่ในอันดับที่สอง รองลงมาจาก Hennessey Venom GT เท่านั้น
Bugatti Veyron Grand Sport Vitesse
และในปี 2017 เอง เจ้า Bugatti Chiron 2017 ก็คว้าแชมป์รถ Production Car ที่เร็วและแรงที่สุดในโลกไปครองอีกครั้ง ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ W16 ความจุ 8.0 ลิตร พ่วงด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ 4 ลูก มีขุมพลังสูงที่สุดมากถึง 1,500 แรงม้า มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบครัทช์คู่ 7 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที จะผ่านความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 6.5 วินาที และจะผ่านความเร็วที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 13.6 วินาที ด้วยสถิติทั้งหมดที่ทำให้ได้แชมป์รถ Production Car ไปครองได้อย่างไม่ยากเย็น
Bugatti Veyron Super Sport
สรุป
เรียกได้ว่าการแข่งขันของ Production Car นั้น ค่อนข้างที่จะดุเดือดเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากการที่ทุกแบรนด์ที่อยู่ในตระกูล Hyper Car และ Super Car นั้น ต่างก็พัฒนารถให้ตอบโจทย์และเหนือกว่าคู่แข่งอยู่เสมอ ที่สำคัญคือเมื่อผลิตออกมาแล้วต้องได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าที่สูงตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม :
ศูนย์รวมรีวิว Audi R8 สุดยอดนวัตกรรมแห่งยานยนต์
Spice-X รถแข่งไฟฟ้าน้ำหนักเบาจากอิตาลี ในราคาที่เอื้อมถึงได้