เรียกได้ว่าเป็นข่าวดังสะท้านวงการยานยนต์แห่งปี 2018 นี้เลยก็ว่าได้ สำหรับการประกาศเรียกคืนรถยนต์ไฮบริดมากกว่า 2.4 ล้านคัน ของค่ายยักษ์ใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Toyota เรียกได้ว่า นำหน้าการประกาศเรียกคืนรถของค่ายใหญ่จากแดนยุโรปอย่าง BMW ที่เรียกคืนมากกว่า 300,000 คัน ไปแล้ว ซึ่งข่าวนี้ไม่เพียงแต่พลิกประวัติศาสตร์ยานยนต์เท่านั้น หากแต่เป็นการลดความเชื่อมั่นที่มีต่อ Toyota เลยก็ว่าได้ เพราะนี่ถือเป็นการเรียกคืนครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกคืนไปมากกว่า 1 ล้านคัน
การเรียกคืนรถไฮบริดของ Toyota
โดยหลักๆแล้ว การเรียกคืนในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการตรวจสอบของ Toyota ที่พบว่าระบบภายในมีปัญหาและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งสวนทางกับระบบ Safety ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสิ่งแรกที่คำนึงถึง โดยการเรียกคืนครั้งแรกนั้น ปัญหามาจากเทคนิคและการเดินสายไฟมีความบกพร่องจนอาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ และในรอบที่สองนี้เกิดจากการสูญเสียพละกำลังของรถ เนื่องจากเครื่องยนต์หยุดการทำงานโดยไม่มีสาเหตุ
รถยนต์ไฮบริดของ Toyota ที่มีการเรียกคืนมากถึง 2.4 ล้านคันทั่วโลก
ซึ่งรุ่นรถที่มีการเรียกคืนนั้น รวมไปถึง Toyota Prius และ Auris ที่ผลิตขึ้นไปใน 2008 – 2014 ด้วย สำหรับการเรียกคืนนั้น ในประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนมากที่สุด รองลงมาคืออเมริกาเหนือ โซนยุโรปทั้งหมด ประเทศจีน และประเทศอื่นๆที่มีการจำหน่ายและนำเข้าทั้งหมด ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานผู้เสียหายหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ตาม แต่ทาง Toyota เอง ก็ต้องแก้ไขและรีบจัดการกับปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด
และหากเทียบกับจำนวนการผลิตและจำหน่ายของรถยนต์ไฮบริดของ Toyota ทั้งหมดนั้น มีมากกว่า 10 ล้านคันทั่วโลก การที่เรียกคืนมากถึง 2.4 ล้านคันนั้น คิดเป็น 41.67% เลยก็ว่าได้ และหากยอดทะลุจนเป็น 50% คาดว่า Toyota จะต้องรับมือกับปัญหาด้านความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ในอนาคตอย่างแน่นอน
ระบบเครื่องยนต์ที่มีปัญหาของรถยนต์ไฮบริด
สรุป
สำหรับการเรียกคืนรถของ Toyota ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่สะท้านวงการยานยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะรถยนต์ไฮบริดที่มีการเรียกคืนนั้นเป็นรถประเภทที่ปลอดภัยเป็นลำดับแรก ที่สำคัญ การนำระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดมาใช้ในยานยนต์เอง ทาง Toyota ถือว่าเป็นรายแรกของโลกที่มีการพัฒนายนตรกรรมดังกล่าว แต่การที่เกิดปัญหาขึ้นทำให้ลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลงค่อนข้างมากเลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม :