Toyota RAV4 Prime (PHEV) เปิดตัวในงาน LA Auto Show 2019 และถึงแม้ Toyota RAV4 Prime จะไม่ใช่รถ Crossover SUV หน้าใหม่ แต่อย่างน้อยก็เป็น Toyota RAV4 ที่แรงสุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยพละกำลังสูงสุด 302 แรงม้า! ซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยี Plug-In Hybrid โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่เกิน 7 วินาที และมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำ มันช่างดีต่อใจเหลือเกิน
ทั้งนี้ Toyota บรรยายสรุปสรรพคุณของ Toyota RAV4 Prime เอาไว้หลายสุด เช่น
Toyota RAV4 Prime ถือได้ว่ายังอยู่ในเจนเนอเรชั่นที่ 5 นับตั้งแต่ Toyota RAV4 เจนเนอเรชั่นที่ 1 (ซึ่งมีจำหน่ายในไทยด้วย)ได้เริ่มขึ้นในปี 1994 และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นในประเทศไทยที่ Toyota RAV4 ไม่สามารถรับมือกับ Honda CR-V ได้เลยตลอดระยะเวลาที่มีจำหน่าย
ทั้งนี้ Toyota RAV4 Prime ได้มีการปรับในเรื่องขุมพลังและแตกต่างจาก Toyota RAV4 Hybrid (Self-Charging Hybrid) แม้จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร เหมือนกัน โดย Toyota RAV4 Prime จะมีกำลังสูงสุด 176 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 227 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยส่งกำลังในการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 (AWD) กับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังรวมกันทั้งระบบถึง 302 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100กม./ชม. ได้ภายในเวลาราว ๆ 6 วินาที
และถ้าหาก Toyota RAV4 Prime ขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนอย่างเดียว จะสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 63 กม. เรียกว่าดีที่สุดในกลุ่มรถประเภท Crossover SUV แบบ PHEV เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีอัตราสิ้นเปลืองเข้าขั้นประหยัดมาก โดย Toyota RAV4 Prime สามารถทำได้ที่ 38 กม./ลิตร
ส่วนเรื่องของระบบความปลอดภัยยุคใหม่ Toyota RAV4 Prime มีมาให้ครบถ้วน เช่น
Toyota RAV4 Prime เวอร์ชั่น US จะแบ่งออกเป็น 2 เกรด ได้แก่
สำหรับทางด้านภายใน Toyota RAV4 Prime รุ่น SE มาพร้อมกับเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบอุ่นเบาะ พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง, ประตูฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า, มาตรวัดแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, จออินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Amazon Alexa, Android Auto และ App CarPlay
ในส่วนของ Toyota RAV4 Prime รุ่นท็อป XSE จะได้หน้าจอระบบอินโฟเมนท์เพิ่มขึ้นเป็นขนาด 9 นิ้ว, ระบบอุ่นเบาะแถว 2 และพวงมาลัย, เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, เซนเซอร์ตรวจวัดปริมาณน้ำฝน, ระบบละลายน้ำแข็งที่กระจกหน้า, ชุดเครื่องเสียง JBL, ชุดไฟสร้างบรรยากาศ (Ambient Light), หลังคากระจก และที่ชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย
ดูเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม Toyota ยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายของ Toyota RAV4 Prime แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ Toyota RAV4 2019 ราคาเริ่มต้นที่ 25,850 ดอลลาร์ (7.8 แสนบาท) และ Toyota RAV4 Hybrid 2019 เริ่มต้น 28,100 ดอลลาร์ (8.49 แสนบาท) ซึ่งเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid น่าจะแพงขึ้นจากเวอร์ชั่น Hybrid ไปอีกเล็กน้อย และ Toyota จะเริ่มวางจำหน่ายจริงราวกลางปี 2020
สำหรับในประเทศไทยคงต้องรอลุ้นกันเหนื่อยหน่อย (แล้วก็ไม่รู้ว่าจะลุ้ขึ้นหรือไม่) เนื่องจาก Toyota ประเทศไทย ไม่ได้เน้นทำตลาด Toyota RAV4 มาตั้งแต่พ่ายแพ้ Honda CR-V เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากที่เบอร์ใหญ่อย่าง Toyota ไม่กล้ากลับมาแก้มือ หรือไม่ Toyota อาจพอใจกับยอดขายของ Toyota Fortuner มากพออยู่แล้วจนไม่จำเป็นต้องสนใจ Toyota RAV4 นัก