การแข่งขัน FIA Formula E 2019 ที่ฮ่องกง
สำหรับ Formula E (ฟอร์มูล่า อี) เป็นการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งเดียว บนเส้นทางสำคัญของเมืองใหญ่ (สตรีทเซอร์กิต) ในทุกภูมิภาคของโลก โดยสมาพันธ์แข่งรถนานาชาติ (FIA) เพื่อหวังลดการปล่อยมลภาวะที่เกิดจากอุสาหกรรมยานยนต์ โดยนำเสนอผ่านการแข่งขันรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รถแข่ง Formula E รุ่นแรกเปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show 2013 ใช้แข่งขันตั้งแต่ฤดูกาลแรกจนถึงฤดูกาลที่ผ่านมา โดยที่นักแข่งยังต้องเปลี่ยนรถแข่งระหว่างทำการแข่งขัน จากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี กระทั้งล่าสุดในฤดูกาล 2018/2019 มีการเปลี่ยนมาใช้รถแข่งเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีกำลังถึง 250 กิโลวัตต์ (355bhp) สามารถขับขี่อย่างเต็มกำลังตลอดการแข่งขันที่ใช้ระยะเวลา 45 นาที บวกอีก 1 รอบสนาม (1.9-3.4 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับระยะทางของแต่ละสนาม) โดยที่นักแข่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถอีกต่อไป
รถแข่งที่ใช้ในการแข่งขัย Formula E โดยใช้ยางของมิชลิน
ซึ่งทาง มิชลิน ในฐานะแบรนด์ยางรถยนต์ระดับโลกได้ให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดตั้งแต่ริเริ่มจัดการแข่งขันในปี 2013 เสมือนสนามแข่งขันแต่ละแห่งที่จัดการแข่งขันบนสตรีทเซอร์กิตในเมืองใหญ่ทั่วทุกภูมิภาคของโลกเป็นห้องวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันและอนาคต ยางมิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 รุ่นล่าสุดที่ใช้สำหรับการแข่งขันที่ใช้กับรถแข่งฟอร์มูล่า อี ฤดูกาลที่ 5 นี้ มีทั้งขนาดและลายดอกยางที่ใกล้เคียงกับยางที่ใช้กับรถยนต์บนถนนมาก เพราะได้รับการออกแบบจากทีมงานเดียวกัน ทำให้การเรียนรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากการแข่งขันไปสู่ยางรถยนต์ทั่วไปทำได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น
มาสคอตของ Michelin
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 117,400 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 121 แห่งใน 17 ประเทศ ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 190 ล้านเส้นในปี 2560 ทั้งนี้ กลุ่มมิชลินได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th
ดูเพิ่มเติม: